‘ก้าวไกล’ชำแหละปัญหาคอร์รัปชัน ‘วิโรจน์’ขนลุกตัวเลขทุจริตต่อปีสูงถึง 3 แสนล้านบาท ผลพวงของ‘ระบบอุปถัมภ์-ขาดความโปร่งใส-ใช้กฎหมายปิดปาก’ ด้าน‘ณัฐพงษ์’จี้‘นายกฯ’อาศัยกลไกพรรคร่วมรัฐบาล เลื่อนกำหนดพิจารณางบปี 67 เพิ่มเวลาให้หลายฝ่ายตรวจสอบ พร้อมเข้าร่วมสมาชิก OGP เป็นรัฐบาลโปร่งใสภายใน 2 ปีให้ได้
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 8 ธันวาคม 2566 ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ แถลงข่าวประจำสัปดาห์ในหัวข้อก้าวไกล Policy Watch ชำระปัญหา-เสนอทางแก้คอร์รัปชัน
นายวิโรจน์ กล่าวว่า หลายคนคงไม่ทราบว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นวันต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งมูลค่าการทุจริตคอรัปชั่นมีมูลค่าสูงถึง 3 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ 1 ปี ดังนั้น หากเราจะจัดการเงินทุจริตนี้ สามารถเอาเงินมาอุดหนุนเด็กยากจนได้ถึง 3 ช่วงอายุ หรือหากเปรียบเทียบกับเบี้ยผู้สูงอายุ ก็เทียบได้เป็น 3 เท่า นี่เป็นภัยร้ายที่ตนเห็นแล้วรู้สึกขนลุก การรัฐประหารทำให้สถานการณ์แย่ลง แผนปฏิรูปประเทศเป็นเพียงกระดาษปึกหนึ่งเท่านั้น ที่ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย นอกจากนี้ ระบบอุปถัมภ์ยังหยั่งรากลึกจนแก้ไม่ได้อีกด้วย การปล้นทุจริตคอร์รัปชันจากผู้ประกอบการ ทำให้ประเทศด้อยลง
“ถ้าเกิดประเทศเต็มไปด้วยคอร์รัปชัน หากนักลงทุนต้องจ่ายเงินสีเทา จ่ายเงินใต้โต๊ะ เราจะดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศได้อย่างไร เราจะกระตุ้นให้คนในประเทศที่มีความคิดสร้างสรรค์กล้าลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ได้อย่างไร ถ้าสังคมนี้เต็มไปด้วยระบบอุปถัมภ์ ระบบผูกขาด ที่ทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ และมีกฎหมายหนุนหลังให้ทุนผูกขาดมีความได้เปรียบ” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าประเทศวนเวียนอยู่กับหลุมดำ 9 หลุม ได้แก่
1.ระบบอุปถัมภ์ และการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งเป็นปฐมบทแห่งการคอร์รัปชัน
2.การขาดความโปร่งใส และอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูล
3.กฎหมายปิดปาก การคุกคามสื่อ และการลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก
4.การใช้อำนาจขององค์กรอิสระ ที่ขาดการตรวจสอบถ่วงดุล
5.กฎหมายที่ล้าสมัย ที่เจ้าหน้าที่สามารถใช้ดุลยพินิจตามอำเภอใจ
6.การบังคับใช้กฎหมายอย่าง 2 มาตรฐาน การตั้งชงทำนิติสงครามกับคนที่คิดต่าง
7.ความไม่จริงจังในการบังคับใช้กฎหมายในการปราบปรามคอร์รัปชัน
8.การตอบสนองต่อการทุจริตคอร์รัปชันที่ล่าช้า ไม่ยอมรับความจริง จับได้แต่ราชการชั้นผู้น้อย
9.การที่สังคมมองว่าการรีดไถ ส่งส่วย เป็นเรื่องปกติที่ต้องยอมรับ
นายวิโรจน์ กล่าวย้ำว่า หากประเทศไทยยังอยู่ในระบบนิเวศแบบนี้ ประเทศไทยไม่มีทางดีขึ้นได้เลย ปัจจุบันปัญหาคอร์รัปชันประเทศไทย การโกง แทรกซึมอยู่ทุกอณู จนเป็นรากฐานของปัญหาที่ร้ายแรงของสังคม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอาชญากรรม ธุรกิจผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น จีนสีเทา และมาเฟียข้ามชาติ
นายวิโรจน์ ยังแบ่งการคอร์รัปชันในประเทศ ออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ การซื้อขายตำแหน่ง, การเรียกรับส่วย, การใช้ช่องทางทางกฎหมาย และดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ในการรีดไถ และ การล็อกสเปก
“ผมเรียนท่านนายกรัฐมนตรี ว่าต้องแก้ไขที่โครงสร้าง ตลอดจนแก้ไขข้อกฎหมายที่ล้าสมัยคู่กันไป ด้วยมีการดำเนินนโยบาย และตรากฎหมายที่ส่งเสริมความโปร่งใส คุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วม ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจัง" นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ตัวอย่างที่สามารถทำได้เลย เช่น การจัดการพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คนเข้าเมือง, พ.ร.บ.โรงแรม, พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง, พ.ร.บ.มาตรการการฟ้องปิดปาก เป็นต้น
“สภาพของความขึงขัง เรียกข้าราชการไปนั่งบ่นนั่งด่า ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบิน หรือเรียกจัดอีเวนต์ในการปราบปราม อย่างดีที่สุดก็ทำให้การทุจริตคอร์รัปชันหายไปช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก สิ่งโสโครกเหล่านี้ก็จะผุดกลับขึ้นมาใหม่ ด้วยวิธีการที่แยบยล ตรวจสอบได้ยากกว่าเดิม ที่สำคัญกว่านี้จีนสีเทา มาเฟียข้ามชาติ ธุรกิจผิดกฎหมาย ก็จะมาลงหลักปักฐานที่ประเทศไทย การรีดไถเก็บส่วยก็จะมีเต็มบ้านเต็มเมือง โจษจันกันไปยังทั่วโลก ขัดขวางการลงทุนในธุรกิจทุจริต ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ถ้าเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น New S Curve จะเป็นอย่างไร เราอยากให้ New S Curve เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นพนันออนไลน์หรือไม่ ถ้าบ้านเมืองยังเต็มไปด้วยคอร์รัปชัน ผมกังวลว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศต้องสาปที่ไม่มีการพัฒนาได้ดีกว่านี้ หรือประเทศที่พัฒนาแต่ได้แค่นี้” นายวิโรจน์ กล่าว
ขณะที่นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้เกือบ 90 วันในการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว วันนี้หมดเวลาฮันนีมูนแล้ว เรื่องที่ตนจะพูดเป็นเรื่องงบประมาณ ซึ่งที่ผ่านมามีคนบอก ว่าพรรคก้าวไกลระบุ ว่าฝั่งรัฐบาลส่งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 หรืองบ 67 มาสภาฯล่าช้า แต่เราเข้าใจดี ว่าเป็นผลมาจากการเลือกตั้ง ทำให้วาระนี้ จะถูกพิจารณาในช่วงวันหยุดปีใหม่ ซึ่งตนมีข้อเสนอแนะ ว่างบ 67 นายกรัฐมนตรีสามารถอาศัยกลไกของพรรคร่วมรัฐบาล เลื่อนกำหนดพิจารณาวาระงบประมาณปี 67 ซึ่งตนมั่นใจ ว่าไม่สายเกินไป และไม่กระทบกับการบังคับใช้ เพราะจะได้มีเวลาให้ฝั่งสภาฯ สื่อมวลชน และประชาชนได้มีเวลาตรวจสอบ มองว่าประชาชนควรมีส่วนร่วมในการพิจารณางบด้วย
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับการวัดดัชนีการจัดทำงบประมาณเปิดก็อยู่ในอันดับท้ายๆ จาก 120 ประเทศ ในการสำรวจของ International Budget Partnership หรือ IDP โดยเป็นหน่วยงานสากลที่ทำผลสำรวจการทำงบประมาณเปิดเผยต่อสาธารณะ และในงบประมาณปีนี้ มีข้อน่าสังเกต ว่าอาจมีการทุจริตหรือไม่ ที่งบประมาณจัดทำฝายเอลนีโญ่ จำนวน 2 พันล้านบาท จำนวน 4,000 แห่ง ที่มีการตั้ง ชง อนุมัติภายใน 1 เดือน
นายณัฐพงษ์ ยังเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ประกาศเข้าร่วมเป็นสมาชิกรัฐบาลโปร่งใส OGP หรือ Open Government Partnership ภายใน 2 ปี ที่ตนเชื่อมั่นว่าทำได้อีกด้วย
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี