พี่ต่อสู้สู้!!! "สมาชิก ปชป."เดินเกมให้กำลังใจ เชียร์สุดลิ่ม"เฉลิมชัย"เหมาะนั่งหัวหน้าพรรค เจ้าตัวลั่น"ผมมันเป็นศพไปแล้ว" เหลือแต่วิญญาณที่มีคุณค่า-มีสำนึก ยันพรุ่งนี้รู้เรื่อง ด้าน"ชัยชนะ"โว"3 พี่น้อง"พร้อมฝ่าพายุ ไร้แตกแยก ขณะที่"เดชอิศม์"ประกาศตัวพร้อมนั่งเป็น"เลขาฯ"คู่ใจ
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ที่ลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มีบรรดาสมาชิกพรรค สาขาพรรค ส.ส. อดีต ส.ส. อดีตผู้สมัคร ส.ส.รวมทั้ง นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้สมัครหัวหน้าพรรคที่ประกาศถอนตัว ร่วมมอบดอกไม้ให้กำลังใจและเรียกร้องให้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรค รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนที่ 9 โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ตะโกนให้นายเฉลิมชัย สู้สู้ ดังกึกก้องหน้าลานพระแม่ธรณี และให้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค
นายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษารองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ 21 ส.ส.ได้ลงชื่อสนับสนุนให้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค และรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นหัวหน้าพรรค เพื่อนำพาพรรคกลับมาให้เป็นที่ชื่นชมของพี่น้องประชาชน ซึ่งตรงนี้เป็นจุดสำคัญ ตนตั้งใจจะเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อลดความขัดแย้ง โดยใช้เวลา 1 ปีครึ่ง เพื่อทำให้พรรคเรียบร้อย ให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และจะถอยออก แต่วันนี้ได้เห็นพลังของ ส.ส.21 คน รวมเป็นหนึ่ง ถือเป็นเจตนารมณ์ที่ตนต้องการ ดังนั้นตนจึงขอเป็นอีกหนึ่งเสียงที่สนับสนุนนายเฉลิมชัย เพื่อให้กลับมาสู่ความเป็นหนึ่งเดียวเสียที จึงอยากให้รับตำแหน่งตรงนี้ เพื่อพวกเราจะได้สบายใจและมีความสุขเสียที ยืนยันว่าเราไม่ได้เสียจุดยืนและไม่ได้เสียภาพลักษณ์ที่ดี เรายังเป็นพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ เป็นความหวังของพี่น้องประชาชน เพียงแต่ว่าปัญหาภายในบางอย่างทำให้เราไม่มีเอกภาพ วันนี้ประชาธิปัตย์จะได้นับหนึ่งจากการเป็นเอกภาพ
ด้าน นายชัยชนะ เดชเดโช รักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์มีหัวหน้าพรรคมาแล้ว 8 คน วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของประชาธิปัตย์ที่จะเดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 78 อย่างมั่นคงและแข็งแรง ตนเชื่อว่าการตัดสินใจของ ส.ส.กลุ่ม 21 คน ที่มีความเห็นตรงกันว่านายเฉลิมชัยเป็นบุคคลที่เหมาะสม ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ท่านอยู่พรรคประชาธิปัตย์ได้ทุ่มเททำงานเพื่อพรรค และเป็นรัฐมนตรีที่ไม่ข้อครหาทุจริตคอร์รัปชั่น ขอเรียนว่าการที่เราจะกล่าวหาว่าใครคนใดคนหนึ่ง ถ้าขึ้นมาบริหารพรรคและจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ นั่นคือคุณอยู่ในโลกแห่งความฝัน เพราะเขายังไม่ได้บริหารพรรคอย่างเต็มตัว ฉะนั้นต้องแยกแยะให้ออกว่าวันนี้การบริหารพรรคประชาธิปัตย์ที่ทุกคนประกาศว่าเรามีจิตสำนึกที่ดีที่รักพรรคประชาธิปัตย์มี 2 อย่างคือ หวง กับ ห่วง หวงพรรคกับเป็นห่วงพรรค กับหวงอำนาจมันต่างกัน
"ในฐานะที่ผมเป็นน้องเล็กสุด นายเฉลิมชัย เป็นพี่ชายคนโต มี นายเดชอิศม์ ขาวทอง เป็นพี่ชายคนที่สอง เรา 3 คนพี่น้องรักกัน ไม่ว่าพายุหรืออุทกภัยแปรปรวนจะเข้ามาถึงอย่างไร แต่ไม่สามารถทำให้จิตใจ หัวใจเราทั้ง 3 คน ที่มีความเป็นลูกผู้ชายนั้นแตกแยกออกจากกันได้ สายสมแห่งการพัดผ่านนั่นคือสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง ถึงเวลานี้แล้วมวลมิตรทั้งหลายของพรรคประชาธิปัตย์เราจะขอมาเชิญชวนให้นายเฉลิมชัย รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 ด้วยความรักและจิตศรัทธาและจะนำพาพรรคกลับมายิ่งใหญ่ในอนาคตอีกครั้ง" นายชัยชนะ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายชัยชนะ กล่าวเทียบเชิญให้นายเฉลิมชัย ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคจบ นายชัยชนะได้สวมกอดนายเฉลิมชัย อย่างแนบแน่น และอบอุ่น
ด้าน นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา และรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พวกทราบดีว่าตำบลกระสุนตกคือนายเฉลิมชัย เพราะนายเฉลิมชัยเคยลั่นวาจาว่าจะเลิกเล่นการเมือง การตัดสินใจของนายเฉลิมชัยในวันนั้นเป็นการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว เด็ดขาดของความเป็นผู้นำ และถ้านายเฉลิมชัยไม่พูดอย่างนั้น วันนี้พรรคคงได้ ส.ส.ไม่ถึง 25 คน หลังจากวันนั้นจนถึงวันเลือกตั้ง ได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาตลอด นายเฉลิมชัยทำหน้าที่เป็นแม่ทัพได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตนมั่นใจว่า นายเฉลิมชัยชนะใจผู้สมัคร ส.ส.เขตทุกคน ดังนั้น วันนี้จึงคิดว่านายเฉลิมชัยเป็นคนที่เสียสละมากที่สุด เสียสละมาทั้งชีวิต จึงขอร้องให้นายเฉลิมชัยเสียสละอีกครั้ง
"บางคนที่ไม่เข้าใจ อาจไม่เคยได้รับ จึงมาโจมตีนายเฉลิมชัย ผมอยากบอกว่าความรัก ความศรัทธา และความเชื่อมั่น มันซื้อกันไม่ได้ มันออกมาจากใจแล้วเปล่งออกมาเป็นคำพูด ผมขอฝากไปถึงคนที่ยังไม่เข้าใจและโจมตีท่าน เพราะถือว่าท่านเป็นผู้เสียสละที่สุด มั่นใจความคิดความอ่านของนายเฉลิมชัย" นายเดชอิศม์ กล่าว
ด้าน นายนริศ ขำนุรักษ์ อดีต รมช.มหาดไทย และอดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ทรุดโทรมและตกต่ำ และคาดการณ์ว่าจะตกต่ำไปมากกว่านี้ ดังนั้น นายเฉลิมชัยจึงเป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดในการฟื้นฟูพรรค ขอให้นายเฉลิมชัยรับตำแหน่ง แล้วให้ทุกคนรอดูผลงานว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเชื่อว่าพรรคจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีอย่างแน่นอน
ด้าน นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่ตัดสินใจว่าจะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่ ขอคุยกับ ส.ส.ของพรรคก่อนว่าเป็นมาอย่างไรถึงมาลงที่ตน แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของสมาชิกพรรคทุกคน โดยตนต้องตัดสินใจอยู่แล้วไม่ว่าอย่างใดอย่างหนึ่ง และในวันที่ 9 ธ.ค.จะต้องชัดเจนว่าตนจะเดินหน้าต่อหรือไม่ และก็ต้องรู้ข้อเท็จจริงที่เป็นความรู้สึกของ ส.ส.ในพรรคทุกคนให้หมดก่อนว่ามีเหตุผลอะไร
"ผมอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์มา 4 ปี กับทุกคน ผมไม่เคยใช้อำนาจ หากใครคิดว่าผมเป็นคนที่ใช้อำนาจสั่งได้นั้น ไม่ใช่ ผมเป็นคนที่ยึดหลักการและประชาธิปไตยในประชาธิปัตย์มากที่สุดคนหนึ่ง ทุกครั้งผมจะถาม ส.ส.และทุกคนว่าเรื่องนี้มีความเห็นอย่างไร ไม่เคยบอกว่าต้องเอาอย่างนี้ หรือสั่งให้ไปทำอย่างนี้ ไม่ใช่ผม ผมก็ยังเป็นผม ดังนั้น จึงต้องมีเหตุผลเพียงพอในการที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่สำคัญสุดต้องมีคำตอบให้กับตัวเองได้ ท่านไม่ต้องห่วงผมพูดอะไรไป ผมรู้ตัว แต่อีกมุมหนึ่งทุกคนต้องรู้ว่าเพราะอะไรถึงออกมาพูด" นายเฉลิมชัย กล่าว
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตนยืนยันอีกครั้งว่า จะไปพูดคุยกับ ส.ส.ว่าอึดอัด หรือติดขัดอะไรตรงไหน อะไรมันจะเกิดขึ้นสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ตนเข้าใจ และขอบคุณมาก เพราะรู้ดีว่าตนรักพรรค เพราะพรรคคือส่วนหนึ่งของตัวตนและสายเลือดตน ทุกคนถึงได้มีความรู้สึกว่าตนควรจะกลับเข้ามา แต่ขอเรียนทุกท่านว่าตนก็เป็นคน การตัดสินใจของตนไม่ว่าเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มีแต่ขาดทุนกับเสมอตัว แต่ตนมีสำนึก
"ขอเรียนทุกท่านว่า สิ่งที่ผมเรียกหาจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมาก็คือสำนึก วันนี้สิ่งที่ผมพูดไป ผมมันเป็นศพไปแล้ว เหลือแต่วิญญาณ แต่วิญญาณผมก็ยังมีคุณค่า ถึงผมจะมีวิญญาณแต่ก็มีสำนึก ผมจะไปคุยเหตุคุยผลบวกลบคูณหาร หากจะทำให้ประชาธิปัตย์เดินได้ ผมก็จะพิจารณา แต่ถ้ามีเหตุการณ์ใดที่พรรคจะต้องแตก เลือดจะต้องไหลไม่หยุดอีก ผมก็จะต้องพิจารณา ฉะนั้น พรุ่งนี้มีคำตอบแน่นอน" นายเฉลิมชัย กล่าว
ทั้งนี้ นายเดชอิศม์ ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมด้วยว่า ขณะนี้เชื่อมั่นว่านายเฉลิมชัยจะรับเป็นหัวหน้าพรรค 50:50 เพราะนายเฉลิมชัยยังต้องวิเคราะห์และทำอย่างไรให้ตัวเองบาดเจ็บน้อยที่สุด แต่ส่วนตัวมั่นใจว่าสุดท้ายแล้วนายเฉลิมชัยจะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคนั้น หากนายเฉลิมชัยรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ตนพร้อมจะเป็นเลขาธิการพรรคให้ เพราะถือว่าลงตัวที่สุดและสามารถทำงานกับนายเฉลิมชัยได้ แต่ตนจะไม่รับเป็นเลขาธิการพรรคให้กับคนอื่นแน่นอน
นายเดชอิศม์ กล่าวอีกว่า คนที่จะเป็นเลขาฯ พรรคต้องมีคอนเนคชั่นจำนวนมาก ที่สำคัญต้องพัฒนาสาขาพรรคแต่ละจังหวัดให้มีความสำคัญกว่านี้มาก โดยต้องยกระดับให้มีแม่ทัพไปอยู่แนวหน้าของแต่ละจังหวัด ซึ่งวันนี้เราละเลยมากไป และเห็นว่ามีหลายเรื่องต้องปรับปรุงแบบ 360 องศา รวมทั้งมีเอกภาพเพราะถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และผนึกกำลังกันโดยไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่เอาพรรคเป็นที่ตั้งแล้วจับมือกันเดินไปข้างหน้า ซึ่งภาคอื่นไม่รู้ แต่ภาคใต้ฟื้นได้สบายๆ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี