สภาฯมติเอกฉันท์รับหลักการ‘ร่างกฎหมายติดดาบ ป.ป.ท.’ฟันทุจริต พร้อมตั้ง กมธ.ฯ 25 คน ‘รองนายกฯ’แจงต้องปรับแก้ให้สอดคล้องรัฐธรรมนูญ ยกระดับการตรวจสอบโกง ให้อำนาจ‘ไต่สวน-ชี้มูล’คนทำผิดทุกเรื่อง ด้าน‘วิโรจน์’ชงสอบเจ้าหน้าที่รัฐมีประสิทธิภาพ เน้นเรื่อง ‘ส่วย’
20 ธันวาคม 2566 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่1 เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)มาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอ และฉบับที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอต่อสภาฯ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงรายละเอียดว่า ร่างกฎหมายดังกล่าว ผ่านการแก้ไข 3 ครั้ง เพื่อได้ปรับปรุงกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงการทำงานที่ล่าช้า และมีปัญหาในทางปฏิบัติในรูปแบบทุจริตที่ซับซ้อน รวมถึงให้กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) มีอำนาจรองรับภารกิจของรัฐ ส่งเสริมสนับสนุนและให้ความรู้กับประชาชนอันตรายในการทุจริตในภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ประชาชนรวมตัวรณรงค์ ต่อต้าน ชี้เบาะแสโดยได้รับความคุ้มครองจากรัฐ ส่วนการแก้ไขล่าสุด เป็นครั้งที่ 4เพื่อให้ ปรับปรุงหน้าที่ อำนาจ ของ ป.ป.ท. ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ รวมถึง พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 ส่วนที่เกี่ยวกับการประพฤติมิชอบให้ครอบคลุมการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่รัฐทุกมิติ ของ ป.ป.ท. รวมถึงสร้างความน่าเชื่อถือของการทำงานในองค์กร เพราะมีหน่วยงานภาครัฐเข้าไปกำกับ
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า โดยแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นสำคัญ อาทิ นิยาม ประพฤติมิชอบ ให้ ป.ป.ท. มีอำนาจ รับเรื่อง ไต่สวน ชี้มูลความผิด และให้ครอบคลุมความผิดวินัยเจ้าหน้าที่รัฐทุกเรื่อง ไม่เฉพาะเรื่องประพฤติมิชอบเท่านั้น ยังมีการเพิ่มอำนาจขอศาลออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหาหลังจาก ป.ป.ท.ชี้มูลความผิด , เพิ่มสิทธิชี้แจงข้อกล่าวหาจนกว่ามีมติชี้มูลความผิด, ให้สิทธิทบทวนมติชี้มูลความผิดของ ป.ป.ท. กรณีมีพยานหลักฐานใหม่ที่เป็นสาระสำคัญ, เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อสกัดปัญหาการทุจริต ประพฤติมิชอบ และตรวจสอบการทุจริตได้ทันสถานการณ์ ที่สอดคล้องกับการประเมินการจัดอันดับของไทย
“ป.ป.ท.ตรวจสอบได้ โดยไม่ต้องรอ ป.ป.ช.มอบหมายและเริ่มไต่สวนได้ตามกฎหมาย ไม่ต้องตั้งอนุกรรมการไต่สวน สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ที่ให้ลดมีกรรมการ โดยทำให้เสร็จ 2 ปี ขยายไม่เกิน 3 ปี เพื่อให้การทำงานสำเร็จเร็วในกรอบเวลาและนำมาซึ่งการลงโทษผู้กระทำผิดรวดเร็ว รวมถึงเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนเข้าถึงได้” นายสมศักดิ์ กล่าว
ขณะที่นายวิโรจน์ นำเสนอรายละเอียดเช่นกันว่า ต้องการปรับปรุงเพื่อให้การตรวจสอบการทุจริต ของเจ้าหน้าที่รัฐให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะประเด็นปัญหาส่วยที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการอภิปรายของสภาฯ พบว่าไม่มีสส. คนใดคัดค้านในรายละเอียด ก่อนจะลงมติรับหลักการด้วยเสียงเอกฉันท์ 414 เสียงจากนั้นได้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) จำนวน 25 คนเพื่อพิจารณาต่อไป
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี