'นายกฯ' สวมบูทลุยน้ำเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ลั่น ยังไว้ใจไม่ได้แม้ฝนหาย เล็ง ปรับระบบเตือนภัย ป้องกันเหตุซ้ำซาก วอน ประชาชนเชื่อคำประกาศรัฐ บอก ไม่อยากมาในช่วงวิกฤต แต่อยากมาดูแลการค้า
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางถึงท่าอากาศยานนราธิวาส โดยมีนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมหน่วยงานราชการในพื้นที่ รอต้อนรับ โดยเมื่อนายกรัฐมนตรี ได้ทักทายและถ่ายรูปกับประชาชนที่มารอขึ้นเครื่องภายในสนามบิน
จุดแรก นายกรัฐมนตรี เดินทางมายัง ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ตั้งอยู่ภายในที่ว่าการอำเภอระแงะ เพื่อเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งภายในศูนย์พักพิงแห่งนี้ ทั้งผู้สูงอายุและเด็กเข้าพักพิงกว่า 200 คน
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำในพื้นที่เริ่มลดลง ซึ่งวันนี้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากกระทรวงมหาดไทยได้ลงมาดูแล ตนเข้าใจว่าน้ำมาเร็ว มาแรง และมาเยอะกว่าปกติ แต่การระบายก็เป็นไปได้ด้วยดี ขณะที่รัฐบาลเองต้องพยายามทำงานให้ดีขึ้นในแง่ของการเตือนภัย เนื่องจากปัญหานี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ พร้อมกับกำชับเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอให้ดูแลประชาชนที่เดือดร้อนให้ดี
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้มอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ ก่อนที่จะเดินไปทักทายให้กำลังใจกับผู้สูงอายุ และผู้ประสบภัย พร้อมพูดคุยกับทีมแพทย์ที่มาตั้งหน่วยบริการสาธารณสุข
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังมอบยาอาหารสัตว์พระราชทาน ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แก่ตัวแทนเกษตรกรในพื้นที่ และได้เยี่ยมโรงครัวของกองทัพบกที่มาตั้งรถให้บริการอาหารกับผู้ประสบภัย
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ชุมชนเขตเทศบาลตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งอยู่ใกล้กับคลองตันหยงมัส และเป็นพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมบ้านเรือนของประชาชน โดยนายกรัฐมนตรี ได้สวมรองเท้าบูทเดินลุยน้ำ เพื่อไปพูดคุยกับประชาชนที่ประสบอุทกภัย
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ว่า หากย้อนไป 36 ชั่วโมงก่อนหน้านี้สถานการณ์เลวร้ายกว่านี้ ซึ่งบริเวณที่สูง และที่ต่ำมีความแตกต่างกัน การไหลของน้ำลงสู่ทะเลที่รับน้ำเป็นไปด้วยดี และสถานการณ์ขณะนี้คลี่คลาย แต่น้ำมีการสะสมบริเวณปลายน้ำ ซึ่งนายเกรียง จะอยู่ดูแลภาพรวมทั้งหมด เนื่องจากขณะนี้น้ำมาเร็ว ซึ่งตามพยากรณ์อากาศถือว่าโชคดีเนื่องจากจะไม่มีฝนแล้วแต่ก็ไว้ใจไม่ได้ จึงต้องระมัดระวังให้ดี ซึ่งต่อไปจะต้องดูเรื่องระบบเตือนภัยให้ครบวงจร ทำงานเชิงรุกมากขึ้นในการเตือนภัย
เมื่อถามว่า น้ำท่วมครั้งนี้ถือเป็นน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถือว่าเยอะที่สุด ซึ่งหากจะโยงการบริหารจัดการในพื้นที่ 3 จังหวัด ในเรื่องของความสงบดีขึ้นแล้ว การค้าขายชายแดนระหว่างเรากับมาเลเซียก็ดีขึ้นแล้ว ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น ซึ่งทุกหน่วยงานพร้อมจัดการ แต่กระทรวงมหาดไทย และสาธารณสุขจะต้องระวังเรื่องโรคระบาดทั้งหลาย
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีโครงการแก้ไขปัญหาในระยะยาว เนื่องจากในพื้นที่เกิดอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง นายกฯ กล่าวว่า จะต้องดูองค์รวมทั้งหมดว่าสามารถแก้ไขได้แค่ไหน และมีโครงการขนาดใหญ่หรือไม่ แน่นอนว่าเรายังไม่อยากให้เกิดปัญหาซ้ำอีกซ้ำแล้วซ้ำซาก และเกิดการสูญเสียชีวิตเกิดขึ้นจึงต้องฝากพี่น้องประชาชน หากมีการเตือนภัยขอให้เชื่อกันหน่อย
"ต้องระวังต่อไป เพราะตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่ปลอดภัยนัก ขอให้ระมัดระวังให้ดีฟังการเตือนภัยให้ดี ระหว่างนี้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุขจะพยายามช่วยดูแลและเยียวยา ขอขอบคุณหน่วยงานรัฐทุกหน่วยงาน ที่ช่วยสละเวลามา และกองทัพเองก็มาทำครัวเคลื่อนที่ ช่วยบรรเทาไปได้มาก" นายกฯ กล่าว
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวกับผู้ว่าฯ นราธิวาส ว่า ตนก็ไม่อยากที่จะมาในเหตุการณ์แบบนี้ อยากจะมาดูแลด้านการค้า เพราะสิ่งต่างๆ กำลังเป็นไปได้ด้วยดีทั้งเรื่องความสงบก็ดีขึ้น ด้านความมั่นคงก็มีการเจรจากับมาเลเซียได้ดีขึ้น พอเราเปิดการค้าชายแดนดีขึ้น ตนก็อยากมาทำกิจกรรม และจัดเทศกาลในพื้นที่ให้มากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายว่า การเดินทางลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส นายกรัฐมนตรี ได้นั่งรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ หมายเลขทะเบียน กจ 4544 นราธิวาส
---017
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี