"รัดเกล้า"เผยข่าวดี!!! ประเทศไทยเดินหน้า"พลังงานสะอาด" Utility Green Tariff กระทรวงอุตฯและกระทรวงพลังงาน จับมือกันขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ และการลงทุนอย่างยั่งยืน ผลักดันไทยสู่ Net Zero
เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2567 นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี เปิดเผยว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนางนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าว เดินหน้า "พลังงานสะอาด" Utility Green Tariff ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเร่งรัดและเพิ่มปริมาณการลงทุนทางตรว (Foreign direct Investment : FDI)
โอกาสนี้ นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวว่า การเดินหน้าเรื่องพลังงานสะอาด utility Green teriff (UTG) มีการผลักดันมาตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อน และมีการสานต่อ โดยรัฐบาลชุดนี้ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ที่ผลักดันจนพลังงานสะอาดของประเทศไทยได้ก้าวมาสู่จุดนี้ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่จะก่อประโยชน์สูงสุดให้กับภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย ขอประชาชนและผู้ประกอบการมั่นใจในกลไกการรับรองมาตรฐานแหล่งที่มาของพลังงานว่าเป็นระดับมาตรฐานสากลแน่นอน
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่ากลุ่มนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเฝ้ารอคอยและถามถึงความพร้อมของประเทศไทยในเรื่องของพลังงานสีเขียวมาโดยตลอด วันนี้นับเป็นนิมิตใหม่อันดีที่ เราจะมีการเดินหน้าในเรื่องของ UTG ซึ่งจะตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นแม่เหล็กสำคัญที่จะดึงดูดการลงทุนเข้าสู่ประเทศเติมเต็มความต้องการของภาคอุตสาหกรรมไทยที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ส่วน นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงานหรือ กกพ. ยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อในด้านมาตรการและหลักเกณฑ์ต่างๆ เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนวิถีการใช้พลังงานของภาคอุตสาหกรรม หนึ่งในนั้นคือการรวมถึงการคำนวนอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวซึ่งคาดว่าจะพร้อมให้นำมาใช้ไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ปี 2567 ที่จะถึงนี้ ทั้งนี้การประกาศใช้จะมาควบคู่กับการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจด้วย
ด้าน นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าวว่า UTG นี้เป็นข่าวดีมากๆ สำหรับภาคอุตสาหกรรมตั้งแต่ระดับเล็กไปจนถึงระดับใหญ่ เพราะมีทางเลือกในการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น ปัจจุบันนี้ไทยมีการเปิดรับซื้อพลังงานสีเขียวมาโดยตลอด โดยมีพลังงานสะอาดเป็นสัดส่วนกว่า 25% แต่ตอนนี้ UTG แล้วจะทำให้สัดส่วนตรงนี้เพิ่มขึ้น และจะมีการปล่อยก๊าซเรือยกระจกลดลง ซึ่งเป็นการก้าวเข้าไปใกล้เป้าหมายที่ในปี ค.ศ.2030 จะให้มีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงถึงประมาณ 75%-76% โดยคาดว่าจะมีการใช้พลังงานหมุนเวียนในประเทศถึง 50% ในปี ค.ศ.2080 ซึ่งประเทศไทยถือว่ามีความตื่นตัวและมีความคืบหน้าในด้านนี้เป็นอย่างมาก เพราะเรานับว่าเป็นรายแรกๆ ในอาเซียนเลยที่มี UGT
ขณะที่ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ยืนยันว่าพร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีความพร้อมที่จะใช้พลังงานสะอาด การผลักดัน UTG นั้นจะตอบโจทย์ความต้องการของนิคมอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เช่น มาบตาพุด นั้น ณ ปัจจุบันนี้มีความต้องการพลังงานสีเขียวไม่น้อย 10,000 เมกะวัตต์เลยทีเดียว
“ทั้งหมดคือความร่วมมือ จากทุกภาคส่วน ที่รัฐบาลกำลังขับเคลื่อนแผนงานผลักดันประเทศไทยสู่ Net Zero ขอชวนให้ประชาชมร่วมยินดีและให้กำลังใจแก่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะนอกเหนือจากการเติมเต็มความต้องการของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมแล้ว การเดินหน้า "พลังงานสะอาด" Utility Green Tariff ครั้งนี้ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยอีกด้วย” นางรัดเกล้า กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี