"ถวิล"ยันยื่นอุทธรณ์สู้คดี"ยิ่งลักษณ์"โยกย้ายสมัยนั่ง"เลขาฯสมช."ไม่ได้ต้องการเอาชนะ-ไร้เจ็บแค้นส่วนตัว เปรียบเป็นนักมวย"อยากแก้มือ" ลั่นแพ้ชนะไม่สำคัญ อยากให้กระบวนการยุติธรรมเป็นที่พึ่งปชช. ขอ"ป.ป.ช.-อัยการ"ประสานทำงาน-ขยายเวลาให้เรื่องถึงที่สุด
เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 ที่รัฐสภา นายถวิล เปลี่ยนศรี สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงถึงเหตุผลในยื่นจดหมายถึงอัยการสูงสุด วานนี้ (23 ม.ค.) เพื่อขอให้พิจารณายื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อคัดค้านคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2566 กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โยกย้ายจากตำแหน่งเลขาฯ สมช.ไม่เป็นธรรม ว่า คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุดตามกฎหมายสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ แต่เนื่องจากคดีนี้อัยการฯเป็นผู้ฟ้อง หน้าที่จึงอยู่ที่อัยการ ที่จะสามารถยื่นอุทธรณ์ตามกฎหมายภายใน 30 วัน ดังนั้น ถ้านับตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.66 เหลือเวลา 2 วัน ตนจึงรู้สึกร้อนใจ เพราะอยากให้คดีไปให้ถึงที่สุด จะได้สิ้นความเคลือบแคลงสงสัยว่า คดีนี้จะไปถึงไหน ส่วนตัวตนเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะมีเจตนาพิเศษ ที่จะเอื้อประโยชน์ญาติ และพรรคพวก ทำให้ตนเสียหาย แต่ยืนยันว่าตนไม่ต้องการเอาชนะ หรือมีความเจ็บแค้นเป็นการส่วนตัว
"ผมเหมือนนักมวย ที่แม้ไม่ได้เป็นผู้ไปฟ้องเอง แต่ผมเป็นผู้เสียหายในคดี อัยการเปรียบเหมือนโปรโมเตอร์ที่จัดผมไปชกมวย ผมก็แพ้ในครั้งแรก แล้วผมก็อยากแก้มือ เพราะผมเป็นผู้เสียหาย แต่ผมขอแก้มือเองไม่ได้ คนที่จะทำให้ผมแก้มือได้ในชั้นศาลฎีกาฯ ในชั้นอุทธรณ์ก็คืออัยการ หวังว่าอัยการสูงสุดจะเห็นความสำคัญ ไม่ปล่อยให้คดีจบไปในชั้นต้นโดยที่ยังสงสัยกันอยู่ และในวันนี้ผมจะไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ในฐานะต้นเรื่องที่จับเรื่องนี้มาไต่สวน ก็ขอให้ ป.ป.ช.ประสานกับอัยการสูงสุด เพื่อให้เรื่องนี้ถึงที่สุด" นายถวิล กล่าว
นายถวิล กล่าวด้วยว่า ความจริงเรื่องนี้ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว ขอย้ำว่า ตนไม่มีอะไรติดในใจต้องการจะเอาชนะอะไรทั้งสิ้น ก็ขอขอบคุณ ป.ป.ช.และอัยการสูงสุด เป็นธุระเรื่องนี้และไม่ปล่อยให้ผ่านไป แต่เมื่อได้ดำเนินการเรื่องนี้ก็อยากจะรักษากระบวนการเอาไว้ เมื่อไปไม่สุดทาง ถ้าเลิกและยอมแพ้กลางคันก็จะเป็นที่เคลือบแคลง ตนจะแพ้หรือชนะไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตนไม่ได้มุ่งมั่นว่าจะเอาชนะให้ได้ และกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ชุดสอบสวน อัยการ ไปถึงกรมราชทัณฑ์มันมีอะไรต่างๆ ไม่ค่อยปกติเกิดขึ้นทุกวัน แต่อยากรักษากระบวนการยุติธรรมให้เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน สร้างความเท่าเทียมความเสมอภาคให้เกิดขึ้น ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นจุดเล็กๆ ทำให้อัยการสูงสุดต้องการมีมลทินไปด้วย
ด้าน นายสมชาย แสวงการ สว.กล่าวว่า คิดว่าเรื่องนี้ในระบบศาลยุติธรรมให้ความเป็นธรรม ถ้าเป็นศาลยุติธรรมก็มี 3 ชั้นศาล คือ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ถ้าเป็นศาลปกครองก็มีศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุด ส่วนในเรื่องของศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองนั้น มี 2 ชั้นศาล เดิมมีชั้นศาลเดียวแต่งตั้งจากผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาจากที่ประชุมใหญ่ 9 คน หรือองค์คณะในศาลฎีกาก็ตาม สามารถพิจารณาอุทธรณ์ได้โดยอัยการสูงสุด ดังนั้น เรื่องนี้ยังไม่สิ้นสุดตามที่นายถวิล ได้แถลง แต่อำนาจหน้าที่เป็นเรื่องของอัยการสูงสุด ต้องเรียนว่าหนึ่งในความสำคัญของการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม คือ การสิ้นสุดที่ศาลสุดท้าย หรือได้รับความยุติธรรม นายถวิลไม่ได้รับความยุติธรรมตั้งแต่ต้น ในการถูกโยกย้าย ซึ่งตนในฐานะ สว.ขณะนั้น ก็เห็นปัญหา เจตนาพิเศษที่ ป.ป.ช.หรือศาลรัฐธรรมนูญก็ดี เห็นอยู่แล้วว่ามีการถูกกล่าวหาว่าย้ายเอื้อญาติมันมีอยู่ แม้ศาลจะตัดสินยกฟ้องก็ตาม
"อัยการสูงสุดมีหน้าที่และอำนาจ การที่ตรวจสอบแล้วเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน และยังไม่เห็นว่าท่านจะไปขยายเวลา เพราะผมทราบว่าท่านต้องไปถ่ายเอกสารที่ยังอยู่ที่กองคดี แต่ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ มันทำให้เห็นว่าความยุติธรรมล่าช้าคือความอยุติธรรม เพราะฉะนั้นฝากเรื่องนี้ไปยังอัยการสูงสุด ซึ่งผมเห็นว่าเป็นส่วนสำคัญและผมเคยเป็นกรรมาธิการในการพิจารณา พ.ร.บ.อัยการ อยากเห็นการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ตั้งแต่ศาล อัยการตำรวจ ราชทัณฑ์ ซึ่งวันนี้เราสั่นคลอนมากในประเทศไทยที่มีความเสื่อมศรัทธา ผมไม่อยากเห็นองค์กรอัยการถูกกล่าวหาเหมือนกรณีไม่อุทธรณ์คดีภาษี ซึ่งเป็นบาดแผลขององค์กรอัยการในอดีต ไม่อุทธรณ์ในคดีธนาคารกรุงไทยไม่อุทธรณ์ในคดีกระทิงแดง 3 คดีใหญ่ๆ เป็นคดีที่ผมคิดว่าสั่นคลอนความศรัทธาของพี่น้องประชาชนมาก ซึ่งอัยการเป็นองค์กรใช้อำนาจกึ่งตุลาการ ทำหน้าที่เป็นทนายแผ่นดิน เรื่องนี้ยังไม่ยุติ และสามารถใช้อำนาจหน้าที่ของอัยการสูงสุดในการอุทธรณ์ได้ ส่วนในวันหน้าศาลจะตัดสินอย่างไร หรือจะพิจารณาใหม่ก็เป็นเรื่องที่เราทุกคนรับได้ แต่อย่าตัดตอนกระบวนการยุติธรรม ด้วยการไม่อุทธรณ์" นายสมชาย กล่าว
เมื่อถามว่า เหลือเวลาอีก 2 วันจะทันหรือไม่ นายถวิล กล่าวว่า ตนไม่อยู่ในกระบวนการ แต่ตนเป็นคนเสียหาย และอยู่ในคดี และตนเป็นเพียงพยาน ผ่านไปกี่วันและเหลือเวลาเท่าไหร่ ตนไม่ทราบสาระสำคัญเลย ตนก็หวังว่าถ้าเวลาจะหมดอัยการสูงสุด หรือป.ป.ช.น่าจะไปขอขยายระยะเวลาเพื่อเวลามากขึ้น เพื่อที่จะทำเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดได้
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี