ไอทีวีเฮ!! ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนยกคำฟ้อง สปน.ร้องขอเพิกคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่ไม่ให้ไอทีวีต้องจ่าย- ต้องชำระค่าตอบแทนส่วนต่างตามสัญญาสัมปทาน ซึ่งเมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้วต่างฝ่ายไม่มีหนี้ที่ต้องชำระแก่กัน ชี้เป็นการใช้ดุลพินิจตามกฎหมาย ไม่มีเหตุให้ต้องสั่งเพิกถอนคำชี้ขาด
ที่อาคารศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. วันนี้(25 ม.ค.) ศาลปกครองสูงสุด องค์คณะที่ 2 มีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้นไม่รับคำฟ้องของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) ที่ร้องขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการในข้อพิพาทระหว่าง สปน.กับบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือไอทีวี ที่ระบุว่า สปน.และไอทีวี ต่างมีหน้าที่จะต้องชำระหนี้ให้แก่กันและกันในจำนวนเงินเท่ากัน คือ 2,890.35 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้วต่างฝ่ายจึงไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระแก่กันและกัน
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากศาลปกครองชั้นต้น (ศาลปกครองกลาง) มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 620/2559 หมายเลขแดงที่ 1948/2563 ระหว่างสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ร้อง และบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) ผู้คัดค้าน ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 46/2550 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 1/2559 ซึ่งได้วินิจฉัยสาระสำคัญสรุปได้ว่า 1. การบอกเลิกสัญญาของผู้ร้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย 2.ให้ผู้ร้องชดใช้ความเสียหายให้แก่ผู้คัดค้าน จำนวน 2,890.35 ล้านบาท 3. ผู้คัดค้านต้องชำระค่าตอบแทนส่วนต่างตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ ให้แก่ผู้ร้องเป็นเงินจำนวน2,890.35 ล้านบาท 4.ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างมีหน้าที่จะต้องชำระหนี้ให้แก่กันและกันในจำนวนเงินเท่ากัน คือ 2,890.35 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้ว ต่างฝ่ายจึงไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระแก่กันและกัน
โดยศาลปกครองสูงสุดให้เหตุผล ว่าคำอุทธรณ์ของ สปน.เป็นเพียงการโต้แย้งดุลพินิจในการวินิจฉัยรับฟังข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในสำนวนของคณะอนุญาโตตุลาการ และโต้แย้งเหตุผลในการวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการในข้อกฎหมายและข้อสัญญาระหว่าง สปน.กับ ไอทีวี เท่านั้น ซึ่งไม่ใช่กรณีที่เกี่ยวกับการยอมรับหรือการบังคับตามคำชี้ขาดจะเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ตาม พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 45 วรรคหนึ่ง (1) นอกจากนี้ ศาลปกครองชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเพื่อให้ผู้ร้องและผู้คัดค้านไปดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการแล้ว จึงไม่ใช่กรณีคู่กรณีฝ่ายเดียวกันยื่นคำเสนอข้อพิพาทหรือข้อเรียกร้องในเรื่องเดียวกัน และการเสนอข้อพิพาททั้งสองเรื่องดังกล่าวข้างต้นเป็นการเสนอข้อพิพาทต่อองค์กรชี้ขาดคนละองค์กร จึงไม่เข้าลักษณะเป็นการเสนอข้อพิพาทซ้อน ดังนั้น คำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการจึงอยู่ในขอบเขตของสัญญาอนุญาโตตุลาการและไม่เกินขอบเขตแห่งข้อตกลงในการเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการ
รวมทั้งประเด็นการที่คณะอนุญาโตตุลาการชี้ขาดว่า สปน.และไอทีวี ต่างไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระแก่กันและกัน ซึ่งเป็นอำนาจของคณะอนุญาโตตุลาการในเรื่องดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานและการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทตามกฎหมาย จึงไม่ใช่เหตุที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการได้ ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาคดีนี้ และมีคำสั่งยกคำฟ้องของ สปน.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี