ตายสิบเกิดแสน!‘พล.ท.นันทเดช’วิเคราะห์ 6 เหตุผล‘ก้าวไกล’ไปถึงฝันได้จริงไหม?
8 กุมภาพันธ์ 2567 พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “ก้าวไกล จะตายสิบเกิดแสนได้จริงไหม” ดังนี้...
ก้าวไกล จะตายสิบเกิดแสนได้จริงไหม
ความฝันของแกนนำก้าวไกลหลังจาดถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าผิดแล้ว ก็ออกมาปลอบใจสาวก ว่า “จะตายสิบเกิดแสน” นั้น ถ้าสมัยรัฐบาลลุงตู่คงอาจเป็นไปได้ เพราะลุงแกเป็นคนดีไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใครตั้งหน้าตั้งตาพัฒนาโครงสร้างทางเศรษฐกิจจนมาอยู่ลำดับ 1 ในอาเซียนแล้ว แต่ก็ต้องพลาดเรื่องการจัดการปัญหาทางสังคมไปบ้าง ก้าวไกลจึงใช้โอกาสนั้นเข้ามาแทรกแซงครอบงำเด็กๆได้ค่อนข้างมาก โดยมี อบายมุข (เหล้า บุหรี่ไฟฟ้า และ SEX ) มาช่วย จนแพร่กระจายได้อย่างสะดวก
แต่ในรัฐบาลชุดนี้ คงเป็นไปได้ยากหน่อย เพราะ
1. จุดที่เด็กๆจะกลายเป็นพวก 3 นิ้ว ส่วนใหญ่แล้วมาจากการมั่วสุมในเรื่องสุรานารี แต่ปัจจุบันก็ถูก คุณอนุทิน (รมว.มท) บุกทำลายสถานที่กินเหล้า ที่เปิดให้เด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์ แอบเข้าบาร์ หรือ ผับ โต้รุ่งเหล่านี้ ไปถึง 6 แห่งแล้ว บางแห่งมีคนมั่วสุมเกือบ 2000 คน มีเด็กต่ำกว่า 18 ปีร่วม 800 คน ก็มี และยังเป็นการทำลายอย่างต่อเนื่องแบบที่กระทรวงมหาดไทยชุดเดิม ไม่เคยทำมาก่อนเลย ผับ- บาร์เหล่านี้คือ ตัวสร้าง “เด็ก 3 นิ้วขึ้นมา” เป็นจำนวนมาก จึงเริ่มหายไป
2. แบบเรียนของ ศธ.ที่ออกมาใช้ในสมัยก่อน ถูกควบคุมดูแล โดยนักวิชาการที่เลือกข้าง นอกจากไม่เสริมสร้างกระบวนการคิดแล้ว เรื่องที่เด็กควรรู้ควรเข้าใจก็ขาดหายไป ซึ่งปัจจุบัน ทาง ศธ.ก็ตื่นตัวออกมาเริ่มจะแก้ไขแล้ว
3.ในสถาบันการศึกษา ซึ่งกลุ่มอาจารย์บ้าคลั่งลัทธิ พยายามสอน และออกข้อสอบให้เด็กจำเป็นต้องตอบข้อสอบตามที่อาจารย์ต้องการนั้น เด็กส่วนใหญ่ก็เริ่มรู้ทันแล้ว ยังมีเจ้าหน้ารัฐ ที่แอบเข้าไปฟังอีก ก็ไม่สะดวกนักในการปลุกระดม อาจจะเสี่ยงคุกได้ เพราะอาจารย์พวกนี้เก่งแต่จะส่งเด็กไปติดคุกแทน ส่วนตัวเองยุๆๆๆเด็ก แต่ในขณะเดียวกันก็พยายามรักษาตัวให้รอด เพื่อคอยแต่จะสมัครเป็นอธิการบดี หวังรวยกันทั้งนั้น (คงต้องถามต่อว่า มหาวิทยาลัยเหล่านั้น มีกระบวนการคัดกรองอาจารย์ผู้สอนอย่างไรด้วย)
4.ส่วนอาจารย์แก่ๆ กลุ่มหนึ่ง แต่ยังมีกิเลสอยู่ คอยยุยงเด็กๆอยู่นอกมหาวิทยาลัยนั้น ก็เริ่มแพ้ภัยตัวเอง ไปตามๆกัน อย่าให้พูดถึงว่าแพ้อย่างไร เลยครับ
5.คนของพรรคการเมืองหลายแห่งเริ่มตื่นตัวต่อการรุกในพื้นที่ชนบทของ ก้าวไกล และ มูลนิธิก้าวหน้า ซึ่งมูลนิธินี้ก็แปลก ดันไปทำหน้าที่ เหมือนกับพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ทั้งๆที่เป็นมูลนิธิ (ฝากคุณอนุทินเข้าไปดูด้วยครับ) เพราะ กกต.ก็คุมไม่ได้ ถ้า มท ลงไปดูแล การเข้าไปปลุกระดมในพื้นที่ของก้าวไกล ก็จะยากขึ้น
6.ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มรู้กันบ้างแล้วว่า พรรคอะไรโกหกได้ติดต่อกันเกือบทุกวัน ขนาดมีคนตั้งเพจ ชื่อว่า “วันนี้ ก้าวไกลโกหกอะไร” เด็กตามสถาบันการศึกษาหลายแห่งก็เริ่มตื่นตัว ถ้าไม่มีเหล้า ยา และ SEX แล้ว ก้าวไกลก็ไม่ค่อยจะมีอะไรหรอกครับ
ข้อสรุป : ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบก้าวไกลเพิ่มขึ้นหรอกครับ แต่เป็นเพียงพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทั้งหลาย ยังห่วงเรื่องผลประโยชน์ จนทิ้งพื้นที่ไป ที่หาเสียงอยู่ก็หาเสียงแบบโบราณมาก เช่น งานศพก็เอาหรีดราคาถูกให้ตัวแทนเอาไปวาง จัดงานเลี้ยงโต๊ะจีนเวลาวันเกิด หรือพาหัวคะแนนไปเที่ยวทะเล ฯลฯ
ความล้าหลังของวิธีหาเสียงของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลน่ะ
ล้าหลังเอามากๆจริงๆ ครับ
ถ้าพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ตื่นตัว จริงๆ ก้าวไกลก็ไปได้ไม่กี่ก้าวหรอกครับ อยากมากก็ตายสิบ เกิดสิบ เท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี