ขอให้ช่วยกันส่งเสียงดังๆปกป้องสถาบัน
ผบ.ทบ.ปลกคนไทย
รู้ผิดชอบชั่วดี-มีจิตสำนึก
พสกนิกรร่วมถวายกำลังใจ
‘โคราช-สิงห์บุรี-ปทุมธานี’
แสดงพลังความจงรักภักดี
“ผบ.ทบ.”ปลุกคนไทย ส่งเสียงดังๆ ปมขวางขบวนเสด็จฯ ชี้สังคมต้องช่วยกัน ให้รู้ว่าอะไรควรไม่ควร อะไรคือกาลเทศะ รู้ผิดชอบชั่วดี มีจิตสำนึก “อดีตรองอธิการบดีมธ.” ลั่นการแสดงออกของประชาชนปกป้องพระเกียรติ เท่ากับไม่เอาขบวนการบ่อนทำลายสถาบัน ซัดหยุดเสียทีพฤติกรรมสร้างความแตกแยกขัดแย้ง “ดร.อานนท์” แนะควรให้โอกาสเยาวชนที่เห็นต่างได้กลับใจ ผู้ว่าฯ โคราช นำพสกนิกรสวมเสื้อม่วง พรึบลานย่าโม ถวายกำลังใจแด่กรมสมเด็จพระเทพฯ ส่วนชาวสิงห์บุรีรวมหัวใจใส่เสื้อโทนสีม่วง แสดงพลังความจงรักภักดี ขณะที่ชาวปทุมธานี ประกาศจุดยืนปกป้องพระเกียรติด้วยชีวิต
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ผบ.ฉก.ทม.904 ) กล่าวถึงกรณีนักกิจกรรมขัดขวางขบวนเสด็จฯ ว่า ตนมองว่าสังคมคิดเหมือนกันเพียงแต่ว่าเรากล้าที่จะพูดดัง ๆ หรือไม่ก็แค่นั้น และเราเองก็ต้องบอกกับคนที่มีข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน แล้วไปแสดงออกในทางที่ไม่ถูกไม่ควร สิ่งนี้ตนมองว่าสังคมต้องช่วยกัน อะไรควรหรือไม่ควร ทำอย่างไรให้คนในสังคมได้รู้ว่า อะไรคือกาลเทศะ รู้ผิดชอบชั่วดี เพราะบางสิ่งมันต้องใช้สำนึก ซึ่งสำนึกนี้สังคมต้องช่วยกัน
“รศ.หริรักษ์”ชี้กระทบหัวใจคนไทย
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า ปรากฏการณ์ที่มีประชาชนผู้จงรักภักดี ต่างออกมาในรูปแบบต่างๆ เพื่อปกป้องพระเกียรติของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กันอย่างล้มหลาม เป็นเครื่องยืนยันว่า การกระทำของ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และเพื่อนที่จงใจป่วนขบวนเสด็จอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย เป็นการกระทำที่กระทบต่อจิตใจต่อคนที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างใหญ่หลวง
ผมไม่คิดว่าตะวันและเพื่อนวางแผนล่วงหน้าที่จะป่วนขบวนเสด็จเช่นนี้ แต่คงมาเจอขบวนเสด็จโดยบังเอิญ และด้วยความคิดและความเชื่อที่ต่อต้าน ไม่ให้ความเคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว จึงไม่พลาดที่จะให้โอกาสนี้สร้างcontent เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย อย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้
เท่านั้นไม่พอ ตะวันยังประกาศล่วงหน้าว่าจะไปทำโพลที่สถานีรถไฟฟ้าที่สยามสแควร์ ทำให้กลุ่ม ศปปส ออกมาต่อต้าน เป็นเหตุให้เกิดการกระทบกระทั่งจนมีการต่อสู้ทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน อย่างที่ได้เห็นกันทั่วไปในสื่อต่างๆ
สรุปแนวคิด สส.ก้าวไกล
ในขณะที่ประชาชนจำนวนมากออกมาแสดงพลังเพื่อปกป้องพระเกียรติ บรรดา สส.พรรคก้าวไกลหลายคนก็ได้ออกมาแสดงความเห็นและจุดยืนทั้งในสภาและนอกสภาต่อกรณีป่วนขบวนเสด็จครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งสิ้น ซึ่งจะขอสรุปดังนี้
1.การกระทำของตะวัน เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม 2.ตำรวจควรมีการจัดการได้ดีกว่านี้ 3.การกระทำของตะวันเกิดจากการที่มีการปิดกั้นความคิดของผู้ที่เห็นต่าง ปิดปากไม่ให้แสดงออก ไม่ให้พูด ในที่สุดจึงเกิดระเบิดออกมา ซึ่งหัวหน้าพรรคก้าวไกลใช้คำว่า “ตะโกน” 4.การดำเนินคดีต่อคนที่เห็นต่าง เป็นการผลักผู้ที่เห็นต่างไปจนสุดขั้ว 5.มีความจำเป็นต้องสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้เห็นต่างสามารถแสดงออกเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสร้างสรรค์และมีวุฒิภาวะได้โดยไม่ต้องติดคุก ไม่ต้องถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง เพื่อแก้ปัญหารความขัดแย้งที่เกิดขึ้น 6.ปฏิเสธคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และความเห็นของคนจำนวนมาก ว่าการกระทำของตะวันและพวก เป็นการดำเนินการที่เป็นขบวนการและมีผู้อยู่เบื้องหลัง 7.เรียกร้องให้เลิกการใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในสังคม 8.ประณามกลุ่ม ศปปส. ที่ใช้ความรุนแรง โดยไม่กล่าวถึงการตอบโต้ที่รุนแรงกว่าของการ์ดของกลุ่มตะวัน
เผยที่มากิจกรรมจาบจ้วงเบื้องสูง
ไม่ว่าพรรคก้าวไกลจะเกี่ยวข้องกับ รุ้ง เพนกวิน ตะวัน แบม อานนท์ นำภา สายน้ำ และคนอื่นๆ หรือไม่ก็ตาม แต่การกระทำของกลุ่มคนที่กำลังต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ทุกวันนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญอย่างแน่นอน มีคนจำนวนหนึ่งที่เห็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เหมาะสมกับยุคสมัย ดังนั้นจึงต้องทำการจำกัดพระราชสถานะ และพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์เสียใหม่ ควบคุมเรื่องการใช้งบประมาณ และอาจไปไกลถึงขนาดเข้าไปจัดการกับพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และจะดีที่สุดหากประเทศไทยจะไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นอุปสรรคของความเท่าเทียมกันของสังคมเสียเลย
ขบวนการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์จึงเริ่มจากกลุ่มคนเหล่านี้ และด้วยเทคโนโลยีการสื่อสาร และสารสนเทศยุคใหม่ ทำให้ความคิดและความเชื่อแบบนี้เผยแพร่กระจายอย่างได้ผลได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้มีแนวร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดกิจกรรมก้าวร้าว จาบจ้วงล่วงละเมิดมากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา หากไม่มีการจัดการ หรือ organize อย่างเป็นระบบและมีเงินสนับสนุน กิจกรรมในระดับนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ
ชี้พรรคการเมืองจ่ายเงินหนุน
หากถามว่า เงินสนับสนุนมาจากไหน คงไม่มีใครมีหลักฐานที่จะบอกได้แน่นอน แต่ความเป็นไปได้คือ เงินส่วนหนึ่งอาจมากจากพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองที่มีอุดมการณ์เดียวกัน จากนักธุรกิจที่ให้การสนับสนุนนักการเมืองเหล่านั้น และมีความเป็นไปได้ว่าจะมีเงินสนับสนุนจากต่างประเทศที่ต้องการเข้ามาแทรกแซงการเมืองไทยให้เป็นอย่างที่เขาต้องการ ซึ่งก็ไม่มีหลักฐานแน่นอน แต่ที่น่าสังเกตคือ บรรดาองค์กรเอกชน หรือ NGO ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากต่างประเทศ ล้วนมีพฤติกรรมปกป้องสนับสนุน เรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกดำเนินคดี และให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่ผู้ที่ถูกดำเนินคดีทุกคนอีกด้วย
ข้อเรียกร้องให้สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้มีการถกเถียงเกี่ยวสถาบันพระมหากษัตริย์ได้อย่างสร้างสรรและมีวุฒิภาวะ เป็นข้อเรียกร้องที่ซ้ำซากเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง มิใยที่จะมีคนอธิบายว่าหากเป็นการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมีวุฒิภาวะด้วยความบริสุทธิ์ใจ หรือเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงวิชาการ สามารถทำได้อยู่แล้ว คำถามจึงมีว่า คำว่าพื้นที่ปลอดภัยคือพื้นที่อย่างไร เป็นพื้นที่ที่ใครก็ได้สามารถจาบจ้วง ใช้ถ้อยคำหยาบคาย และกล่าวหาองค์พระมหากษัตริย์อย่างไม่เป็นธรรม หรือเผาพระบรมฉายาลักษณ์ อย่างที่ทำกันมาตลอด 4 ปี ได้โดยสะดวกและไม่มีความผิดกระนั้นหรือ
ย้ำการล่วงละเมิดย่อมมีความผิด
คงต้องย้ำอีกไม่ทราบว่าเป็นครั้งที่เท่าใดว่า การเห็นต่างไม่เป็นปัญหาและไม่มีความผิด การแสดงความเห็นต่างหากไม่ไปละเมิดสิทธิ์ผู้อื่นก็ไม่มีความผิดเช่นกัน แต่การกระทำที่เกิดจากความเห็นต่าง หากเป็นการกระทำที่เป็นการล่วงละเมิดผู้อื่น หรือเป็นการกระทำที่เป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้ายองค์พระ มหากษัตริย์ย่อมมีความผิดตามกฎหมายอย่างแน่นอน โปรดเข้าใจตามนี้ด้วย
พรรคก้าวไกลจะมีบทบาทหรือไม่อย่างไรในขบวนการดังกล่าวนี้เราไม่มีหลักฐานที่จะบอกได้แน่ชัด แต่พรรคก้าวไกลคงปฏิเสธไม่ได้ว่า อุดมการณ์ของพรรคก้าวไกลกับอุดมการณ์ของขบวนการดังกล่าวนี้เป็นอุดมการณ์เดียวกัน และไม่ว่าจะอยู่เบื้องหลังขบวนการนี้หรือไม่ก็ตาม พรรคก้าวไกลได้แสดงบทบาทเป็นผู้ที่ช่วยแก้ต่าง ปกป้อง ช่วยเหลือ สนับสนุนทางความคิด ไม่เคยตำหนิ คนในขบวนการนี้ตลอดมา
คนไทยปกป้อง-เทิดทูนสถาบัน
การแสดงออกของประชาชนเพื่อปกป้องและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ กันอย่างมากมายเช่นนี้ เท่ากับเป็นการบอกว่า คนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ไม่เอาด้วยกับขบวนการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้น ไม่ต้องเรียกร้องให้สร้างพื้นที่ปลอดภัยใดๆ ทั้งสิ้น เพราะคนเขารู้แล้วว่าขบวนการนี้ต้องการอะไร และสิ่งที่เป็นเป้าหมายของขบวนการนี้ คนไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยและไม่ต้องการ
หยุดเสียทีเถิด เพราะพวกคุณต่างหากที่ทำให้เกิดความแตกแยกขัดแย้งในประเทศนี้ ไม่ใช่พวกเรา
“ดร.อานนท์”แนะให้โอกาสกลับใจ
ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich ระบุข้อความว่า ในสงครามนั้นการรบกันไม่ทำให้ชนะศึก แต่การจะชนะศึกได้ ต้องชนะใจ เปลี่ยนคนที่คิดต่างให้มาอยู่ข้างเดียวกันกับเราได้ เราอาจจะไม่ไว้วางใจ แต่เราต้องให้โอกาสให้เขาได้กลับใจครับ การให้โอกาสเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ยิ่งเรามีมวลชนน้อยกว่า เรายิ่งต้องแสวงหามวลชน ยิ่งเรามีสื่อในมือน้อยกว่า เรายิ่งต้องแสวงหาสื่อมาเป็นพวก ให้อภัย ให้ใจ และซื้อใจ ไม่ผลักไสไล่ส่งเขาออกไปไกลจนไม่อาจจะเดินร่วมทางด้วยกันได้อีก ยิ่งสำหรับเด็กและเยาวชน เขาเหล่านั้นยิ่งต้องการทั้งโอกาสและเมตตาที่โอบรับและโอบอุ้ม เขาอาจจะใส่เสื้อสีไม่ถูกใจเรา เขาอาจจะโพสต์สีที่เราเห็นว่าหยามเรา เราต้องมีความข่มใจครับ และถ้าเราข่มใจเราได้ เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะให้โอกาส ไม่ใช่แค่ให้โอกาสเขา แต่เป็นการให้โอกาสเราได้เป็นฝ่ายชนะใจเขาบ้างครับ ฝากไว้ให้คิดครับ
“อัครเดช”จี้ความรับผิดชอบ“ปดิพัทธ์”
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาเกี่ยวกับการทบทวนมาตรการการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ จนนำไปสู่การตอบโต้กันไปมาระหว่าง นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย กับ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ว่า เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งในการประชุมวันนั้นขณะที่มี สส.พรรคก้าวไกล อภิปรายออกนอกประเด็นของญัตติตามที่ผู้เสนอตั้งใจ โดยตนเองในฐานะเจ้าของญัตติได้ลุกขึ้นทักท้วงแล้วว่าเป็นการอภิปรายนอกประเด็นโดยเฉพาะการไปกล่าวถึงการปะทะกันระหว่างบุคคล 2 กลุ่ม เพราะจะทำให้การประชุมไม่ราบรื่น มีการประท้วงและตอบโต้กันไปมา แต่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมในขณะนั้น กลับให้อภิปรายต่อได้ โดยให้เหตุผลว่าเป็นผลต่อเนื่อง ทั้งที่โดยหลักหลักการแล้วประธานควรต้องฟังเจ้าของญัตติที่แถลงด้วยวาจาว่ามีเจตนารมณ์อย่างไร เมื่อนายปดิพัทธ์วินิจฉัยเสร็จก็ได้สลับการทำหน้าที่ประธานให้นายพิเชษฐ์ และทำให้นายพิเชษฐ์ต้องใช้คำวินิจฉัยของนายปดิพัทธ์มาใช้ควบคุมการประชุมต่อ จนทำให้เกิดความวุ่นวายเสียหายต่อภาพลักษณ์ของสภาผู้แทนราษฎร ทำให้การประชุมมีปัญหาและผิดไปจากเจตนารมณ์ของผู้เสนอญัตติ ดังนั้นกรณีนี้นายปดิพัทธ์จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร
โคราชถวายกำลังใจกรมสมเด็จพระเทพฯ
ช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนายอรทัย ปุณณะนิธิ นายกสมาคมศิษย์เก่าจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย และบรรดาศิษย์เก่าฯ , นางอรจรา ศิริมงคล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา ประธานชมรมแม่บ้านมหาดไทย จ.นครราชสีมา และข้าราชการ ผู้นำชุมชน ชาวบ้านหลายชุมชนในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา พี่น้องประชาชนทุกสาขาอาชีพต่างสวมใส่เสื้อสีม่วงสีประจำพระองค์สมเด็จพระเทพฯ รวมทั้งนักเรียน นักศึกษา รวมตัวกันกว่า 500 คน รวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว ร่วมพิธีถวายกำลังใจและถวายความจงรักภักดี แด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
โดยนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้นำประชาชนร่วมร้องเพลง อุ่นอ้อมอกมั่นคง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า และกล่าวคำถวายพระพร ทรงพระเจริญ เพื่อร่วมแสดงพลัง ถวายกำลังใจแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย
สิงห์บุรีแสดงพลังความจงรักภักดี
นายสุเมธ ธีรนิติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี พร้อมรองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ภาครัฐ ภาคเอกชน พ่อค้า ประชาชนทุกหมู่เหล่า กว่า 2,000 คน รวมพลังแสดงความจงรักภักดี แต่งกายด้วยเสื้อผ้าโทนสีม่วง ถวายความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดสิงห์บุรี (หลังเดิม) ร.ศ.130
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี เป็นประธานในพิธีเปิดกรวยกระทงดอกไม้ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมกล่าวน้อมแสดงความจงรักภักดี จากนั้นผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเปล่งเสียง ทรงพระเจริญ ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ พร้อมโบกธงสีม่วง แสดงถึงความจงรักภักดี และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าเสมอมา
ปทุมธานีประกาศปกป้องด้วยชีวิต
ที่บริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดปทุมธานี นายภาสกร บุญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทหาร ตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนทุกหมู่เหล่า นักเรียน นักศึกษา กว่า 2,000 คน รวมพลังแสดงความจงรักภักดี แต่งกายด้วยเสื้อผ้าโทนสีเหลือง ร่วมกิจกรรม “จังหวัดปทุมธานี รวมพลังถวายความจงรักภักดี แด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ทำพิธีเปิดกรวยกระทงดอกไม้ ถวายธูปเทียนแพ ถวายแจกันดอกไม้ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมกล่าวแถลงการณ์น้อมแสดงความจงรักภักดี จากนั้นผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเปล่งเสียง ทรงพระเจริญ ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ พร้อมโบกธงสีม่วง แสดงถึงความจงรักภักดี และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าเสมอมา
โอกาสนี้ ที่ว่าการอำเภอคลองหลวง อำเภอธัญบุรี อำเภอลำลูกกา และอำเภอหนองเสือ ต่างร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมใจกันจัดกิจกรรมถวายความจงรักภักดี แด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้ส่วนราชการ และประชาชนชาวจังหวัดปทุมธานีทุกหมู่เหล่า ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง และขอแสดงจุดยืนด้วยชีวิต ในการพิทักษ์ รักษา ปกป้อง มิให้บุคคลใดมาดูหมิ่นเหยียดหยามพระเกียรติของพระองค์ผู้ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี