"นายกฯ-ชัชชาติ"โชว์ปึ๊ก! ทำงานร่วมไร้ปัญหา ยันนโยบายกทม.สอดรับวิชั่น 8 ด้านรัฐบาล รอฟัง"สุริยะ"ชัดเจนค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ป้อง"ผู้ว่าฯกทม."ทำเต็มที่-ไม่นิ่งนอนใจปัญหาฝุ่น PM 2.5
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าในการเร่งรัดการพัฒนากรุงเทพมหานคร และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ กทม.ว่า เป็นจังหวะที่ดี เพราะเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ได้แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง” 8 ด้าน ซึ่งหลายๆ ข้อเกี่ยวข้องกับทางกรุงเทพฯปฏิเสธไม่ได้ว่าถึงแม้เราพยายามจะกระจายความเจริญไปยังต่างจังหวัดกรุงเทพฯ ก็ยังเป็นประเทศไทยเล็กๆ อันหนึ่ง ซึ่งตนก็ดีใจที่ได้มาเยือนกทม.เป็นครั้งแรก ได้ทราบวิสัยทัศน์และแผน ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งนโยบายหลายๆอันก็ล้อไปกับวิชั่นไทยแลนด์ และนโยบายรัฐบาลประเด็นที่ตนฝากกับผู้ว่าฯ กทม.ที่ได้ทำอะไรที่ดีๆ เยอะ แต่ก็อาจจะมีการพูดน้อยไปนิดก็อยากให้มีการสื่อสาร ก็ขอฝากสื่อมวลชนด้วย ซึ่งการสื่อสารไม่ใช่แค่การแถลงผลงานอย่างเดียว แต่ต้องเป็นการแถลงเพื่อให้ทราบว่าได้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพราะหากประชาชนได้รับข่าวสารที่จะสามารถนำไปปฏิบัติได้ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ทั้งฝ่ายรัฐบาลเอง โดย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็มีการประสานงานกันใกล้ชิดกับทางผู้ว่าฯ กทม.อยู่แล้ว แต่เราก็อยากให้ทำงานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น มีการรับนโยบายจากทาง กทม.ไปขยายผลได้ถ้ามีอะไรติดขัดและทางฝั่งรัฐบาล โดยนางพวงเพ็ชร จะเป็นคนประสาน ซึ่งวันนี้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็มา เรื่องความปลอดภัยเรื่องความมั่นคงเป็นเรื่องที่สำคัญ
นายกฯ กล่าวว่า หลายเรื่องที่ผู้ว่าฯ กทม.นำเสนอวันนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ซึ่งวันนี้เราก็จะทำงานใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นให้การสื่อสารดีขึ้น เช่น เรื่องฝุ่น PM 2.5 อย่างที่ผู้ว่าฯ กทม.ประกาศมาตรการเวิร์คฟอร์มโฮม ก็ทำให้รถยนต์น้อยลงไป 9% ถ้าเกิดการประสานที่ดี รัฐบาลก็จะประกาศพร้อมกัน อาจจะเป็นการให้หน่วยงานราชการเวิร์คฟอร์มโฮมเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ต่างคนต่างพยายามทำงานกันอย่างเต็มที่ มีการประสานงานกันอย่างขึ้น เพื่อทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า ไฟฟ้าในหมู่เยาวชน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องจัดการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพราะพบถึงขั้นทำบุหรี่ไฟฟ้าเป็นรูปกล่องนม ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเยาวชน เป็นเรื่องที่ไม่ควร ทั้งเรื่องการนำเข้าการเข้มงวดศุลกากรก็ต้องตรวจค้นมากยิ่งขึ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะมีแนวทางแก้ปัญหาจราจรติดขัดเพื่อลดปัญหาฝุ่นมลพิษได้อีกทางหนึ่ง นายกฯ กล่าวว่า ปัจจุบันการจราจรก็มีการบริหารจัดการกันอย่างชัดเจน ถามว่าทำได้ดีกว่านี้ไหม ซึ่งผู้ว่าฯ กทม.ก็มีการนำเสนอไปแล้วว่ามีความเข้มงวดในเรื่องวินัยการจราจร การสนับสนุนให้ประชาชนใช้บริการสาธารณะมากยิ่งขึ้น เช่น รถไฟฟ้า ที่จะทำให้ดีกว่านี้ โดยจะต้องมีการลดค่าโดยสารเพื่อลดการจราจรที่หนาแน่นลงได้
ด้าน นายชัชชาติ กล่าวว่า หัวใจการแก้ปัญหารถติดไม่ใช่การทำถนนเพิ่ม แต่เป็นการทำขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลหลายๆ รัฐบาล ก็ได้ทำเส้นเลือดใหญ่จำนวนมากแล้ว อย่างรถไฟฟ้า สายสีส้ม สายสีเหลือง สายสีชมพู สายสีม่วง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการที่จะทำอย่างไรให้ประชาชนเดินออกจากบ้านแล้วไปถึงรถไฟฟ้าได้ ก็เป็นสิ่งที่เรากำลังดำเนินการอยู่ ขณะที่ กทม.ได้ทำทางเดินเท้าเพื่อให้ประชาชนเดินทางได้อย่างสะดวก ซึ่งภายใน 4 ปี จะทำทางเดินเท้าให้ดีขึ้น 1,700 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมโยงระบบรถในซอยมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และระบบโครงสร้างหลัก นี่คือสิ่งที่แก้ปัญหาระยะยาว รวมทั้งระเบียบวินัยการจราจรต่างๆ ที่มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เรื่องสัญญาณไฟจราจร เห็นผลเป็นรูปธรรมภายในปีนี้เป็นต้นไป
เมื่อถามว่า ถึงนโยบายค่าโดยสารรถไฟ 20 บาทตลอดสาย เห็นว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 3 ปีหน้า ไม่ทราบว่ารัฐบาลจะมีการแก้ไขสัญญาสัมปทานอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ขอให้ รมว.คมนาคม เป็นผู้แถลง
เมื่อถามถึงเรื่องฝุ่นแม้ กทม.จะดำเนินนโยบายป้องกันแต่หลายฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องเดิมๆ ที่เคยทำมาทุกปีในช่วงที่มีฝุ่น จึงมองว่าการแก้ไขควรจริงจังมากกว่านี้หรือไม่โดยเฉพาะ กทม.ที่มีกฎหมายอยู่แล้ว แม้จะมีการควบคุม แต่ว่าเขตก่อสร้าง หรือแม้แต่รถก็ยังมีการดำเนินการอยู่ดีควรมีนโยบายที่จริงจัง หรือบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดกว่านี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนเห็นว่าจะต้องแฟร์กับทางเจ้าหน้าที่ กทม.ทุกท่านด้วย ซึ่งปัญหาฝุ่นมีทุกปีอยู่แล้ว แต่ปีนี้พิสูจน์ทราบได้ว่าปริมาณลดลงชัดเจน ผู้ว่าฯกทม.เข้ามาเกือบ 2 ปีแล้ว ท่านได้ทำอะไรดีๆ หลายอย่าง ตั้งแต่เรื่องใหญ่มาถึงเรื่องนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ร่วมกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หลายหน่วยงาน เพื่อให้ประชาชนมาเปลี่ยนไส้กรอง ให้รถที่ปล่อยไอเสียลดน้อยลง รวมถึงการออกนโยบายมีรถอัดฟางให้พื้นที่เขตหนองจอก แทนที่จะมีการเผา เรื่องที่ตนพูดเป็นเรื่องเล็ก แต่ผู้ว่าฯ กทม.และคณะกรรมการของกทม ไม่ได้ละเลย ดูรายละเอียดทุกรายละเอียด แต่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 มีมานานแล้ว รวมถึงเรื่องโครงสร้างอีกหลายอย่าง วันนี้รถยนต์ไฟฟ้าก็มีการจดทะเบียน 10 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้ว โดยในงานมอเตอร์โชว์เมื่อปลายปีที่แล้ว มีการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า 40%
ทั้งนี้ ปัญหาฝุ่นที่เกิดขึ้นใน กทม.เกิดจากการใช้รถยนต์ 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ ถ้าเราสามารถทำให้คนมาใช้รถไฟฟ้ามากยิ่งขึ้นได้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี รวมถึงการขนส่งต่างๆ ที่ต้องใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ ในขณะที่มีท่าเรือคลองเตยอยู่ ซึ่งผู้ว่าฯ กทม.ก็ได้เสนอเรื่องนี้ ทางรัฐบาลก็ได้มีการพูดคุยกันว่า ท่าเรือคลองเตยจะมีการย้ายออกไปหรือไม่ เพราะถ้าหากไม่มีการย้าย ก็จะยังมีการใช้รถบรรทุกขนของต่างๆ ผ่านเข้ามาในเขต กทม.ทำให้เกิดปัญหา PM 2.5 ยืนยันว่าทางรัฐบาล และ กทม.ได้พยายามแก้ไขปัญหานี้อยู่ แต่จะให้ทั้งหมดกลายเป็นศูนย์เลย ในระยะเวลานี้ มันก็คงไม่เป็นธรรม กับผู้ว่าฯ กทม.เท่าไหร่ เพราะท่านพยายามทำอย่างเต็มที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ ความจริงจัง และความจริงใจมีอยู่แล้ว
ขณะที่ นายชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องฝุ่นเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ จะต้องวิเคราะห์ให้ได้อย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นจะแก้ผิดจุด ที่ผ่านมาเราดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้อย่างเข้มข้น อย่างเรื่องไซส์งานก่อสร้างก็มีการตรวจอย่างเข้มข้น ส่วนเรื่องรถยนต์ถ้าเราห้ามรถยนต์วิ่งในกรุงเทพฯ มันจะช่วยหรือไม่ อันนี้ต้องคิดให้ดี ยกตัวอย่างที่ผ่านมาฝุ่นเยอะมาก แถวเขตมีนบุรีและหนองจอก ซึ่งทั้ง 2 เขตเป็นเขตที่ไม่มีรถยนต์เลย ถ้าเช่นนั้นก็แสดงว่า ถ้าเราห้ามไม่ให้รถยนต์วิ่ง ให้หยุดวิ่งจริง แต่ปรากฏว่าฝุ่นสูง ซึ่งตนคิดว่าฝุ่นอาจจะมาจากด้านนอกกรุงเทพฯ และเรื่องนี้เป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบ ในการออกมาตรการต่างๆ เพราะจะกระทบกับชีวิตของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งเราได้มีการหารือกรมการขนส่งทางบก เรื่องการวางแผนระยะยาว ในการลดจำนวนรถเก่าลง ซึ่งคงจะเป็นเรื่องของกฎหมายที่จะค่อยๆ พัฒนา ให้รอบคอบต่อไป
เมื่อถามว่า มีการพิจารณาย้ายท่าเรือคลองเตย การปรับเปลี่ยนตรงนี้ในมุมมองของนายกฯได้มีการชั่งน้ำหนักเรื่องการขนส่งที่มีมูลค่า ของท่าเรือคลองเตย กับน้ำหนักเรื่องการแก้ปัญหาฝุ่นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ดี มันจะต้องดูให้ครบทั้งองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนา ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง เฟส 2 และเฟส 3 ถ้าตรงนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว จะต้องล้อกันไป โดยที่จะต้องไม่กระทบกับการส่งออก
ส่วน นายชัชชาติ กล่าวว่า ท่าเรือคลองเตยอยู่ในแผนวาระฝุ่นแห่งชาติอยู่แล้ว ตั้งแต่ปี 2562 ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่อาจจะต้องมีการทบทวน ว่ามันเวิร์คหรือไม่เวิร์คขนาดไหน แต่จะเห็นตัวอย่างจากทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ท่าเรือที่อยู่ในเมืองเขาย้ายออกข้างนอก เรามีปัญหาเรื่องการควบคุมน้ำทะเลที่หนุนสูง เพราะหากมีเรือใหญ่เข้ามา แล้วน้ำทะเลหนุน เราจะควบคุมอย่างไร เพราะมีหลายปัจจัย ซึ่งคิดว่านายกฯ จะให้ศึกษารายละเอียดให้รอบคอบอีกครั้ง
เมื่อถามอีกว่า ความมั่นคงปลอดภัยทางกรุงเทพฯ จะมีการติดกล้อง CCTV นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นหรือไม่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศ นายกฯ กล่าวว่า CCTV เป็นแค่ปัจจัยเดียว การเอาระบบและเทคโนโลยีต่างๆ ก็จะมีการพิจารณาเพิ่มเติมให้ดีขึ้น
เมื่อถามอีกว่า ในวาระ 4 ปี นายกฯ อยากเห็นอะไรใน กทม.ในเรื่องการพัฒนามากที่สุด นายกฯ กล่าวว่า มีหลายมิติ ท่านผู้ว่าฯเองก็พูดไปแล้วทั้งเรื่องความสะอาดความปลอดภัย การจราจร เรื่อง PM 2.5 และเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของรถแท็กซี่ คนหาบเร่แผงลอย ต่างๆ เหล่านี้ต้องได้รับความเป็นธรรม และทำให้ กทม.เป็นเมืองที่น่าอยู่
เมื่อถามต่อว่า การทำงานกับผู้ว่าฯ กทม.จะไม่มีความขัดแย้งกัน สามารถทำงานร่วมกันได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ผมเชื่อว่าท่านดูจากภาษากาย ท่านคงทราบว่าไม่มีปัญหาอะไรกันเลย ท่านผู้ว่าฯเชิญผมมา ผมก็ยินดี ที่มาและขอขอบคุณด้วย ซึ่งเราเองมีการคุยกันตลอดเวลา ไปที่ทำเนียบรัฐบาลเจอกัน 5 - 6 คน พูดคุยกันตลอดเวลา ยกหูสายตรงได้ตลอด เรื่องนี้ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้นเลย และไม่เคยมีด้วย"
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี