พท.แจงซ้ำ1หมื่น
โพสต์แก้ปมสับสนสงสัยเงินดิจิทัล
50ล้านคนผ่านเกณฑ์รอรับได้เลย
พรรคเพื่อไทยโพสต์รัวๆ ทุกคำถามมีคำตอบเงื่อนไขรับ ดิจิทัล วอลเล็ต 17 ข้อ แก้ปมสงสัย - สับสนเดินหน้าตีปี๊บ ย้ำผู้มีสิทธิ์ได้เงิน 1 หมื่นบาทในโครงการ Digital Walletอยู่หรือไม่อยู่ในระบบภาษี ยื่นแบบหรือไม่ยื่นแบบ ได้เงินหมื่นหมดหากผ่านเกณฑ์ 3 ข้อ อายุเกิน 16 ปีเงินฝากต่ำกว่า 5 แสน รายได้ไม่เกิน 8.4 แสนต่อปี สับฝ่ายค้านไม่รู้เรื่อง
วันทึ่ 12 เมษายน 2567 โซเชียลมีเดียของพรรคเพื่อไทยโพสต์ข้อความ ”ทุกคำถามมีคำตอบ เงื่อนไขรับเงิน Digital Wallet“ จากที่คณะกรรมการนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต แถลงข่าวผลสรุปนโยบายดังกล่าวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังมีข้อสงสัยจำนวนมาก โดยพรรคเพื่อไทยได้รวบรวมประเด็นคำถามข้อสงสัยเพิ่มเติมจากพี่น้องประชาชนจากทุกช่องทาง รวม 17 ข้อ เช่น
1) เฉพาะคนที่เลือกพรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่จะได้รับเงินดิจิทัล 10,000
ตอบ ประชาชนสัญชาติไทยจำนวน 50 ล้านคน เกณฑ์ คือ อายุเกิน 16 ปี ณ เดือนที่มีการลงทะเบียน ไม่เป็นผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท
2) คนถือบัตรคนจน ใช้ได้มั้ย?
ตอบ ลงทะเบียนได้ทุกคน แต่ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการจะต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด
3) ผู้สูงอายุ ใช้ได้มั้ย
#ตอบ สามารถเข้าร่วมโครงการได้ หากมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ที่โครงการกำหนด
4) เงื่อนไขเยอะขนาดนี้ จะมีใครได้ใช้ แล้วจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงมั้ย เอาอะไรมาวัด
ตอบ ปัจจุบันคณะกรรมการฯ ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ซึ่งคณะอนุกรรมการจะได้กำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขทั้งหมดของโครงการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้มีการประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจต่อไป
5) จำกัดแค่ร้านเล็กในชุมชนเท่านั้น?
ตอบ สามารถซื้อสินค้าในร้านค้าขนาดเล็ก รวมถึงร้านสะดวกซื้อ แต่ไม่รวมห้างค้าปลีก-ค้าส่งขนาดใหญ่ อย่างซุปเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้า ตามนิยามและเงื่อนไขที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด เป็นต้น
รองโฆษกพท.ชี้แจงซ้ำ
ด้านดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า ผู้มีสิทธิ์ได้เงิน 10,000บาท ในโครงการ Digital Wallet อายุ 16ปีขึ้นไป ทุกคน ทั้งอยู่ในระบบภาษีและไม่อยู่ในระบบภาษี (ทั้งที่ยื่นแบบและไม่ยื่นแบบ) ‘ตัด’ผู้มีรายได้พึงประเมินเกิน 840,000บาท/ปี ออกและ’ตัด’ผู้ที่มีเงินฝากในสถาบันการเงินพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐรวมกันทุกบัญชีเกิน 500,000 บาท ออก ที่เหลือได้ทุกคนครับ ซึ่งจะมีคนผ่านเงื่อนไขนี้ราว 50ล้านคนครับ
‘เทพไท”สับ1หมื่นเข้ากาะเป๋าเจ้าสัว
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” หัวข้อ “แจกเงินดิจิทัล ประชาชนคือทางผ่าน สุดท้ายเข้ากระเป๋าเจ้าสัว” ดังนี้ แจกเงินดิจิทัล ประชาชนคือทางผ่าน สุดท้ายเข้ากระเป๋าเจ้าสัว ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ เตรียมเปิดรับร้านค้าเข้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต คาดมีมากว่า 8-9 ล้านรายทั่วประเทศ รวมถึงร้านสะดวกซื้ออย่างร้านเซเว่น-อีเลฟเว่นด้วยนั้น อย่าลืมว่าตอนนี้ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น เป็นร้านสะดวกซื้อที่มีสาขามากที่สุด ครอบคลุมทุกพื้นที่ มีอยู่ทุกปั๊มน้ำมัน ปตท. มีทุกซอย มีตั้งแต่ปากซอยยันปลายซอย ทำให้ร้านค้ารายย่อย ร้านโชห่วยตายหมดแล้ว
แนะกกต.เชือดพท.หาเสียงล่วงหน้า
เมื่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เปิดโอกาสให้ประชาชนใช้ซื้อของที่ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่นได้ จะมีสินค้าหลายชนิดจะหลั่งไหลเข้ามาวางขายในร้านเซเว่น-อีเลฟเว่นเพื่อจำหน่าย ให้กับผู้ต้องการใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ตซื้อสินค้า เชื่อว่าเงินของโครงการนี้ประมาณ 5 แสนล้านบาท จะไหลเข้าสู่ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่นไม่ต่ำกว่า 50%หรือ 2.5แสนล้านบาทเป็นอย่างน้อย เข้ากระเป๋ากลุ่มทุนรายใหญ่ หรือกระเป๋าเจ้าสัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การที่ คุณภูมิธรรม ยอมรับตรงๆว่า ไม่ปฏิเสธการหวังผลทางการเมือง เพราะทุกพรรคการเมืองประกาศหาเสียงกับประชาชนไว้ จะต้องทำให้ได้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ได้ใช้เงินภาษีของประชาชนไปหาเสียง คือนโยบายของพรรคเพื่อไทย ประกาศหาเสียงกับโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต คนละ 10,000 บาท เป็นการซื้อเสียงล่วงหน้า เมื่อเป็นเช่นนี้ อยากจะตั้งคำถามกับ กกต.ว่า จะพิจารณาและดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรต่อไป
ปชป.ย้ำอย่าเสี่ยงทำผิดกฎหมาย
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมากล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ต้องบอกว่า พรรคเพื่อไทยต้องสำเหนียกในเรื่องการรับฟังและการทำหน้าที่ตรวจสอบของฝ่ายค้าน ข้อท้วงติงของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรคปชป.ที่บอกว่า อย่าไปทำอะไรสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย และให้ดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอย่างตรงไปตรงมา ส่วนเงินกู้จาก ธกส.นั้นแน่นอนว่า นั่นคือภาระของรัฐบาลและเป็นภาระของประชาชนและประเทศ
ชูประกันรายได้เกษตรกรไม่มีโกงกิน
นายราเมศ ยังกล่าวถึงกรณีที่กล่าวหาประชาธิปัตย์ มี DNA ที่ไม่เคยดำเนินนโยบายใดประสบความสำเร็จเป็นที่จดจำของพี่น้องประชาชนว่า ประเด็นนี้เชื่อว่าไม่ได้ใช้สมองคิดก่อนพูด เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีผลงานเป็นที่ปรากฏมากมายซึ่งเกิดประโยชน์ต่อประชาชน และความจริงก็คือความจริง พี่น้องประชาชนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะออกนโยบายที่คิดทำเพื่อส่วนรวม ทำเพื่อประชาชนและประเทศชาติให้เกิดความยั่งยืน ตั้งแต่การวางโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม รถไฟทางคู่ ถนนสี่ช่องจราจร พัฒนารายจังหวัดให้มีศักยภาพในด้านการท่องเที่ยว ประชาชนยังจดจำผลงานต่างๆ ที่ทำสิ่งดีๆ ให้ประชาชนมากมาย ลูกหลานไปโรงเรียนได้ดื่มนม มีอาหารกลางวัน ได้กู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เรื่องสาธารณสุข เบี้ยผู้สูงอายุ ที่มีหลายพรรคการเมืองนำไปขยายผลหาเสียงเกทับเรื่องจำนวนเงิน เบี้ยผู้สูงอายุเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ที่เริ่มต้นจาก 200 บาท เป็น 300 บาท และเพิ่มขึ้นอีกครั้งสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เพิ่มเป็น 500 บาทต่อเดือน แต่ในสมัยรัฐบาลทักษิณ 5 ปี ไม่ได้เพิ่มให้แต่อย่างใด ขณะที่ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ได้ริเริ่มการรักษาฟรีด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ไปจนถึงเรียนฟรี 15 ปี และสมัยที่นายจุรินทร์เป็นหัวหน้าพรรค ได้ตั้งเงื่อนไข 1 ในการร่วมรัฐบาลคือนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ในพืชเกษตร 5ชนิด สามารถทำได้ดี ไร้ข้อครหาทุจริต ข้อมูลเหล่านี้ประชาชนจดจำได้
ชี้ดีเอ็นเอแห่งความสำเร็จต้องไม่โกง
“พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีนโยบายเลือกปฎิบัติ ไม่มีนโยบายที่คิดขึ้นมาเพื่อคดโกงงบประมาณแผ่นดิน ไม่มีความคิดเรื่องทุจริตเชิงนโยบายและไม่มีDNA สายกรรมพันธุ์แบบโกงบ้านโกงเมือง โฆษกพรรคเพื่อไทยทราบดีว่าคดีมหากาพย์โกงชาติ ศาลมีคำพิพากษาให้ถึงที่สุด มีจำนวนมากที่สุดเกิดขึ้นในรัฐบาลใด อย่ามาแถลงให้ดูดีแต่สวนทางความเป็นจริง การมาชี้นิ้วว่าคนอื่นแต่สี่นิ้วชี้เข้าหาตัวเองทั้งสิ้น ถ้าคิดว่าใครในพรรคประชาธิปัตย์ทำผิดก็ให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดอย่าละเว้น และถ้าคิดว่าโครงการจำนำข้าวดีจริง ไม่มีทุจริต ก็ขอท้าให้พรรคเพื่อไทยหยิบยกเอาโครงการจำนำข้าวกลับมาเป็นนโยบายหลักอีกรอบได้เลย” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
‘เกณิกา’ซัดงจุรินทร์’10ปี วนที่เดิม
น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า การใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) มาทำเป็นนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตนั้น เป็นดีเอ็นเอเดียวกันกับโครงการรับจำนำข้าวในอดีตนั้น ตนมองว่านายจุรินทร์ยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิม ๆ มากว่า 10 ปี เสมือนพายเรืออยู่ในอ่าง จึงไม่แปลกใจว่าทำไมความนิยมของพรรคต้นสังกัดของนายจุรินทร์ถึงไม่พัฒนาไปไหนเลย อีกทั้งยังดูตกต่ำลงด้วยซ้ำ
ยันนโยบายของรบ.จึงต้องเดินหน้าต่อ
น.ส.เกณิกา กล่าวต่อว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตอยู่ในนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาไว้ จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการนี้ โดยปัจจุบัน ธ.ก.ส. มีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับการดำเนินโครงการฯ และสามารถระดมเงินฝากเพิ่มเติมได้เมื่อมีความจำเป็น ทัังนี้ ธ.ก.ส. เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ เพื่อสนับสนุนการดำเนินนโยบายของรัฐ ดังนั้น หากรัฐบาลมีนโยบายที่จำเป็นต้องดำเนินการผ่าน ธ.ก.ส. และอยู่ภายใต้ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของ ธ.ก.ส.สามารถดำเนินการได้ “การที่มีข้อกังวลว่าจะใช้เงินของเกษตรกรจาก ธ.ก.ส.มาใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ท่านนายกรัฐมนตรีก็ได้กล่าวย้ำแล้วว่า จะให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบ ทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎหมาย รัฐบาลเข้าใจว่า หลายฝ่ายมีความกังวลเรื่องการกู้เงิน รัฐบาลก็พยายามหาทางลดความเสี่ยง และนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการที่จะต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และต้องเป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด“
มุ่งกระตุ้นศก.-ลดภาระค่าครองชีพปชช.
น.ส.เกณิกา กล่าวต่อว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ บรรเทาภาระค่าครองชีพ ยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ สามารถพึ่งพาตนเองได้ สร้าง และเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของประเทศ “นายจุรินทร์ ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน สามารถท้วงติงและเสนอแนะข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลและการบริหารประเทศไทยได้ แต่ไม่ใช่เอาผลประโยชน์ของประชาชนมาเป็นเครื่องมือตีกินเพื่อหวังผลทางการเมือง ขอฝากให้นายจุรินทร์มองไปที่ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ มากกว่าการเปรียบเทียบหรือสร้างวาทกรรมใดๆ เพื่อด้อยค่าโครงการที่มีเป้าประสงค์หลักคือ ประชาชนมาเป็นอันดับแรก” น.ส.เกณิกา กล่าว
“สามารถ”ไม่ขอรับเงินหมื่น
ด้าน นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ระบุว่า…หลอกให้รับ1หมื่นบาท เพื่อให้ลูกหลานเป็นหนี้ 5 แสนล้านบาท ใครเอาๆไปเถอะ ผมคนหนึงไม่กล้ารับกลัวลูกหลานมันด่าเอา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี