‘รัดเกล้า’เผย‘ครม.’มีมติมอบหมายให้‘รองนายกรัฐมนตรี’รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
7 พฤษภาคม 2567 นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (7 พฤษภาคม 2567) มีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
ตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 228/2566 มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี และปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่ หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง ลงวันที่ 13 กันยายน 2566 และได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 27 เมษายน 2567 นั้น
เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย เหมาะสม คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้
1. ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ ดังนี้
1) นายภูมิธรรม เวชยชัย
2) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
3) นายพิชัย ชุณหวชิร
4) นายอนุทิน ชาญวีรกุล
5) พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
6) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
2. ในระหว่างรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนข้างต้น จะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน
ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 41 บัญญัติให้ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองนายกรัฐมนตรีหลายคน ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายรองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติราชการแทน และมาตรา 48 บัญญัติให้ผู้รักษาราชการแทนตามความในพระราชบัญญัติมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งตนแทน และวรรคสามบัญญัติให้ในกรณีที่มีกฎหมายอื่นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใดเป็นกรรมการหรือให้มีอำนาจหน้าที่อย่าวงใด ให้ผู้รักษาราชการแทนหรือผู้ปฏิบัติราชการแทนมีอำนาจหน้าที่เป็นกรรมการหรือมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ดำรงตำแหน่งนั้นในการรักษาราชการแทนหรือปฏิบัติราชการแทนด้วย แล้วแต่กรณี
ด้าน น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (7 พ.ค.) คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 166/2567 เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง ตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 228/2566 เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฎิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี และปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง ลงวันที่ 13 ก.ย. 66 นั้น
โดยที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 27 เม.ย. 67 เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 และมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 มาตรา 38 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 มาตรา 11 มาตรา 12 มาตรา 41 มาตรา 42 มาตรา 48 และมาตรา 49 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2567 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เห็นควรยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 228/2566 ลงวันที่ 13 ก.ย. 66 และมีคำสั่งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง ดังต่อไปนี้
ส่วนที่ 1 คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี 1. ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ ดังนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายพิชัย ชุณหวชิร นายอนุทิน ชาญวีรกูล พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค 2. ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนข้างต้น จะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน
ส่วนที่ 2 นายกรัฐมนตรีมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรีท่านใดท่านหนึ่งไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ ดังนี้ 1. หากนายภูมิธรรม ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้นายสุริยะ นายพิชิต ปฏิบัติราชการแทนกันตามลำดับ 2. หากนายสุริยะ ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้นายพิชัย นายอนุทิน ปฏิบัติราชการแทนกันตามลำดับ 3. หากนายพิชัย ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้นายอนุทิน พล.ต.อ.พัชรวาท ปฏิบัติราชการแทนกันตามลำดับ 4. หากนายอนุทิน ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้พล.ต.อ.พัชรวาท นายพีระพันธุ์ ปฏิบัติราชการแทนกันตามลำดับ 5. หากพล.ต.อ.พัชรวาท ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้นายพีระพันธุ์ นายภูมิธรรม ปฏิบัติราชการแทนกันตามลำดับ และ 6. หากนายพีระพันธุ์ ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้นายภูมิธรรม นายสุริยะ ปฏิบัติราชการแทนกันตามลำดับ
ส่วนที่ 3 นายกรัฐมนตรีมอบหมายและมอบอำนาจให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีท่านใดท่านหนึ่งไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ ดังนี้ 1.หากนายจักรพงษ์ แสงมณี ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้นายพิชิต ชื่นบาน น.ส.จิราพร สินธุไพร ปฏิบัติราชการแทนกันตามลำดับ 2.หากนายพิชิต ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้น.ส.จิราพร นายจักรพงษ์ ปฏิบัติราชการแทนกันตามลำดับ และ 3. หากน.ส.จิราพร ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้นายจักรพงษ์ นายพิชิต ปฏิบัติราชการแทนกันตามลำดับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. เป็นต้นไป
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี