เทข้าว‘ภูมิธรรม’
‘บิ๊กทิน’ไม่เอาข้าว10ปีให้ทหารกิน
ชี้ต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี
‘เสี่ยอ้วน’วอนเลิกอคติ
“บิ๊กทิน” รมว.กลาโหม ลั่น! ขอทหารใหม่มั่นใจ ไม่เอาข้าวรมยาฆ่าแมลงเก็บไว้ในโกดัง10ปี มาให้ทหารรับประทานแน่ แค่พูดไปเพื่อให้สอดคล้องรัฐบาล บอกทุกคนต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี ‘วิรังรอง’ร้อง สภาองค์กรของผู้บริโภคตรวจสอบยับยั้งประมูลข้าวมหาภัย ด้าน”ภูมิธรรม” วอนเลิกอคติ
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 ที่มณฑลทหารบกที่ 15 ค่ายเพชรบุรีราชสิรินธร จ.เพชรบุรี นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและบำรุงขวัญกำลังพล หน่วยฝึกทหารใหม่ โดยได้มีการรับรายงานผู้บังคับบัญชาประจำกองถึงจำนวนผู้สมัครเข้ามาเป็นทหารเกณฑ์ พร้อมชมวิธีการฝึกทหารและปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากนั้น ได้มอบสิ่งของเครื่องใช้ให้นายทหารใหม่ ที่มีภรรยาและลูกน้อย จำนวน 2 ราย
โดย นายสุทิน ได้ให้โอวาทกับทหารใหม่ ว่า วันนี้ตนดีใจที่ได้มาพบมาเยี่ยม เพราะตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้คิดและทุ่มเทกับการที่จะให้พวกเราซึ่งเป็นทหารใหม่เข้ามาในค่ายอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีอนาคตที่ดี และเพื่อให้กองทัพมีกำลังพลที่มีคุณภาพแข็งแกร่ง ฉะนั้น การคิดและการออกมาตรการมา วันนี้ได้มาเห็นดอกผลในสิ่งที่เราคิด ซึ่งก็ดีใจและมีความสุขหลายเรื่อง เดิมทีวันนี้คิดว่าต้องมามอบนโยบายเพิ่มหลายอย่าง แต่เมื่อเข้ามาแล้วเห็นว่านโยบายที่ตนคิด ทางผู้บังคับบัญชามอบให้ไปแล้วและลงมือปฏิบัติแล้ว ซึ่งเป็นผลที่น่าพอใจ จึงแทบจะไม่ต้องมอบนโยบายอีก
“ขอย้ำว่า ผมอยากคุยกับทหารใหม่ว่ายินดีกับพวกเราที่ได้เข้ามาเป็นทหาร ความเป็นลูกผู้ชาย ผมคิดว่าประสบการณ์สำคัญที่สุดคือประสบการณ์ที่จะต้องมาฝึกความเข้มแข็ง มาฝึกวิทยาการและการเตรียมความพร้อมที่จะรับใช้ประเทศชาติในบทบาทของการที่จะเป็นผู้ป้องกันประเทศ วันนี้ยินดีด้วยที่ได้รับโอกาสที่ดี และยินดีด้วยที่มาในยุคที่เราเป็นทหารที่ไม่ใช่มาเสียโอกาส แต่เรามาได้โอกาสที่ดี ส่วนอะไรบ้างที่เป็นโอกาสที่ดีก็อยากจะย้ำว่าเราอยากจะรับใช้ชาติ มาฟื้นฟูร่างกาย มาสร้างเสริมร่างกายให้แข็งแกร่ง หมายความว่าเรามาฝึกที่นี่เพื่อให้ร่างกายที่แข็งแรงถือเป็นลาภอันประเสริฐ เป็นโชคที่ดี เพราะหากอยู่บ้านก็ไม่มีโอกาสได้ดูแลสุขภาพที่ดีเช่นนี้ ตรงกันข้ามอาจปล่อยปะละเลย แต่การมาอยู่นี่ทำให้เราได้ฝึกระเบียบวินัย ซึ่งจะทำให้เราได้กำไรชีวิต” นายสุทิน กล่าว
ปลุกใจทหารใหม่คึกคัก
นายสุทิน กล่าวด้วยว่า หลายคนพลาดพลั้งในชีวิตเช่น อาจจะเผลอไปเสพยาเสพติด เลิกไม่ได้ แต่เชื่อมั่นว่าหากพวกเรามาอยู่ที่นี่ มาเป็นทหาร ก็จะสามารถหันหลังให้ยาเสพติดได้ ถือเป็นโอกาสที่ดี กระบวนการที่นี่จะดูแลเอาใจใส่พิเศษกับคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง คนที่เสพยาเสพติดไม่ใช่คนชั่ว แต่อาจจะผิดพลาดไป ทุกคนเป็นคนที่มีคุณค่าต่อครอบครัวและสังคม จึงต้องให้โอกาส และเชื่อว่าพวกเขาจะหายได้
นายสุทิน กล่าวต่อว่า เรามาอยู่ที่นี่ไม่ได้มาอยู่เปล่าๆ ตนเห็นในประเทศเพื่อนบ้านที่สมัครไปเป็นทหาร เขาไม่ได้รายได้สักบาท มีแค่ข้าวกิน และมีที่นอน แต่ของเรามีเบี้ยเลี้ยงให้ เงินที่ได้บางคนอาจคิดว่าน้อยแต่บางคนอยู่บ้านก็ไม่เคยมีรายได้เช่นนี้ ซึ่งก็เป็นรายได้ที่ไม่น้อย และบางคนส่งให้ครอบครัวใช้ด้วย หรือบางคนเมื่อฝึกจบก็มีเงินติดตัวไป 20,000 - 30,000 บาท นอกจากนี้ยังจะเรียนหนังสือด้วย ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมก็ได้มีการจัดระบบการศึกษาให้กับนายทหารใหม่ทุกระดับ เพื่อให้สามารถศึกษาต่อได้เมื่อฝึกจบ และเมื่อปลดประจำการก็สามารถได้วุติได้เลย ตนบอกได้เลยว่ายุคนี้คนที่โชคดีที่สุดคือคนที่ได้เข้ามาเป็นทหาร เป็นคนที่มีสิทธิ์พิเศษเพราะจะสามารถรับราชการทหารและตำรวจนั้นได้ไม่ยาก เนื่องจากได้ให้โควตาทหารถึงร้อยละ 80 และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ให้โควตาทหารเข้าไปรับราขการตำรวจถึงร้อยละ 50
ไม่ให้ทหารกินข้าวไร้คุณภาพ
นายสุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนใครที่ไม่อยากรับราชการตนก็ได้เซ็นเอ็มโอยูกับบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่หลายบริษัท ซึ่งสามารถที่จะไปสมัครกับบริษัทเหล่านี้ได้ แล้วพวกเขาก็พร้อมที่จะรับเข้าทำงาน นอกจากนี้ ใครที่มาเป็นทหารหากกลับบ้านไปแล้วต้องมีเกียรติกลับไปด้วย รวมถึงจะทำให้ใครที่เข้ามาเป็นทหารมีโอกาสได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์
“ผมขอเรียนด้วยความมั่นใจอีกครั้งว่าอยู่ที่นี่ตนได้กำชับมาแล้วว่าอาหารการกินต้องมีคุณภาพที่ดี ต้องกินอิ่มและนอนอุ่น เนื่องจากทางกระทรวงได้จัดสรรงบประมาณมาให้อย่างเพียงพอ และหากซื้ออาหารที่ไม่มีคุณภาพ ทางกระทรวงก็ต้องลงมาตรวจสอบและจัดการให้พวกเราได้อยู่ดี กินดี ส่วนข่าวที่ออกมาว่าจะซื้อข้าวเก่าให้ทหารกิน ขออย่าไปสนใจเพราะไม่เคยคิด แต่ที่ผมพูดไปเพราะผมเป็นรัฐมนตรีซึ่งเราจะต้องตอบคำถามให้สอดคล้องกับรัฐบาล สิ่งที่ผมจะทำคือทำให้ทุกคนได้อยู่ดี กินดีที่สุด เพื่อที่รุ่นน้องจะได้เข้ามาสมัครกันเยอะๆ ย้ำว่าถ้าอยากให้คนเข้ามาสมัครกันเยอะคือต้องทำให้อยู่ดี กินดี มีโอกาสที่ดี และอย่าไปคิดว่าจะได้กินข้าวที่ไม่ดี ไม่มีทาง ขอให้ทุกคนมั่นใจ” นายสุทิน กล่าว
นายสุทิน กล่าวอีกว่า สำหรับคนที่สมัครเข้ามาถือว่าเป็นคนที่มีสำนึกที่ดีต่อประเทศชาติ และปีต่อไปก็อยากให้มาสมัครเป็นทหาร 100% ส่วนคนที่จับฉลากก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีสำนึกที่ดี เพราะอาจจะมีการวางแผนชีวิตไว้อย่างอื่น หรือมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ จึงไม่อยากมาสมัคร ซึ่งก็เข้าใจได้ แต่เมื่อจับฉลากติดแล้ว ก็ขอต้อนรับที่จะเข้ามารับใช้ชาติให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ทั้งกลุ่มที่สมัครและกลุ่มที่จับฉลากได้ถือเป็นความหวังของประเทศ
ทั้งนี้ ภายหลังจากการให้โอวาทกับทหารใหม่จบแล้ว นายสุทินได้วิดีโอคอลเฟอเรนซ์กับญาติของทหารใหม่ โดยได้ถามว่ากังวลหรือไม่ ที่บุตรหลานเข้ามาเป็นทหารเกณฑ์ ซึ่งญาติของทหารเกณฑ์ได้ตอบนายสุทินว่า ไม่กังวล เพราะเชื่อกองทัพจะดูแลบุตรหลานของเขาอย่างดี
ร้ององค์กรผู้บริโภคสอบ
วันเดียวกัน นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ถึง เลขาธิการ สภาองค์กรของผู้บริโภค จากกรณีที่รัฐบาล จะเปิดให้มีการประมูลข้าว 10
ปี ที่นายเศรษฐา ทวีสิน และนายภูมิธรรม เวชยชัย อ้างว่าข้าวดังกล่าวไม่อันตราย สามารถบริโภคได้ และจะเปิดประมูลให้บริษัทเอกชนนำไปจำหน่ายโดยที่มิได้ทำการทดสอบคุณภาพข้าวว่าปลอดภัยได้มาตรฐานหรือไม่นั้น นับเป็นเรื่องร้ายแรงที่รัฐบาลไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนผู้บริโภคว่าข้าวดังกล่าวจะส่งผลต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนอย่างไรบ้างทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยยื่นข้อเสนอ 5 ข้อ
1.ขอให้แต่งตั้งคณะกรรมการ ประกอบด้วย นักวิทยาศาสตร์ นักเคมี นักวิชาการด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตลอดจนผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานอาหาร ทั้งจากภาครัฐและภาคประชาชน เพื่อทำการตรวจสอบคุณภาพข้าวที่รัฐบาลประกาศว่าจะนำออกขาย อย่างถูกต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ตามหลักเกณฑ์การตรวจระดับสินค้าข้าวเพื่อการส่งออก และประกาศให้สาธารณชนทราบถึงผลการตรวจพร้อมใบรับรองผลการทดลองอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการ
2.ขอให้ยับยั้งการประมูลข้าวเก่า 10 ปี ของรัฐบาลแก่บริษัทเอกชน กองทัพ เพื่อการบริโภค หรือเป็นอาหารสัตว์ ตลอดจนการจำหน่ายถ่ายเทออกจากโกดังไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ๆ จนกว่าจะได้ผลการทดลองในข้อ ๑
3.. หากผลการตรวจสอบพบว่า ข้าวมีคุณภาพดี ขอให้สภาองค์กรของผู้บริโภค เป็นตัวแทนประชาชนร่วมกับรัฐบาลในการวางแผนกระบวนการประมูล โดยบริษัทที่ประมูลจะต้องระบุเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนประมูลว่าจะนำข้าวนั้นไปขายอย่างไร ปลีกหรือส่ง แหล่งที่จะจำหน่าย ตรวจสอบประวัติของบริษัทผู้เข้าประมูลอย่างเข้มงวดว่ามีศักยภาพพอที่จะบริหารจัดการได้อย่างที่แจ้งไว้หรือไม่ กำหนดรายละเอียดป้ายฉลากสินค้าที่ควรต้องชัดเจนโดยละเอียดว่าเป็นข้าวที่ประมูลจากโครงการจำนำข้าว วันหมดอายุ วิธีการหุง และห้ามนำไปผสมปนกับข้าวที่ได้จากที่อื่นโดยเด็ดขาดฯ และจะต้องมีคณะกรรมการตรวจสอบติดตามการดำเนินงานของบริษัทที่ประมูลได้ว่า ได้ทำตามรายละเอียดที่กำหนดไว้ครบถ้วนหรือไม่จนกว่าจะขายข้าวที่ประมูลได้หมด
ถ้าไม่ดีต้องทำลายทิ้ง
4. หากพบว่าข้าวเสื่อมสภาพ ขอคัดค้านการประมูลแม้เพื่อเป็นอาหารสัตว์ แต่หากสามารถนำไปแปรรูปได้ ขอให้ให้สภาองค์กรของผู้บริโภค เป็นตัวแทนประชาชนร่วมกับรัฐบาลในการวางแผนการและติดตามการดำเนินงานเช่นเดียวกับในข้อ 3 และ 5. หากพบว่าไม่สามารถทำประโยชน์ได้ หรือทำได้แต่ไม่มีผู้สนใจประมูล ขอให้สภาองค์กรของผู้บริโภค เป็นตัวแทนประชาชนร่วมกับรัฐบาลในการกำจัดข้าวทั้งหมดที่ค้างอยู่ เพื่อความโปร่งใส และต้องไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
สว.สมชายชี้ข้าวเน่ามานานแล้ว
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “สมชาย แสวงการ” ดังนี้...ยิ่งตรวจสอบลึกยิ่งพบเงื่อนงำ #จำนำข้าว10ปีไม่เน่าจริงๆหรือ? เพราะรายงานของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ที่ตรวจสอบการเก็บรักษาข้าวขององค์การคลังสินค้าหรือ อคส. นั้น ย่อมตรงไปตรงมาและน่าเชื่อถือที่สุด เพราะต้องออกตรวจสอบพื้นที่ ทุกโกดังคลังเก็บข้าวจริง
อ่านรายงานนี้แล้ว จะเห็นพิรุธข้าว 2โกดังนี้ที่เรียงตั้งไว้อย่างสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อยผิดปกติ ทั้งๆที่กองเก็บไว้นานถึง 10 ปี ซึ่งรายงาน สตง.ชัดเจนครับ ว่า ตรวจนับข้าวไม่ได้ในปี 2565 และ 2566 เนื่องจากข้าวเปียกเน่าและล้มกอง คำถามนี้ ข้าวกองนี้มาได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องพิสูจน์กันให้ถึง DNA ครับ ใครโกหก ใครปาหี่การเมือง ความจริงมีหนึ่งเดียวครับ
“สมชัย”ถามหาจิตสำนึก
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “สมชัย ศรีสุทธิยากร” หัวข้อ “ว่าด้วยการตรวจสอบข้าว 10 ปี” ระบุว่า...ว่าด้วยการตรวจสอบข้าว 10 ปี 1. ดร.วีรชัย หรือ อ.อ๊อด เอาข้าวที่ไหนมาตรวจ เชื่อได้ไหมว่าเป็นข้าวจากโกดังที่สุรินทร์ ใครจะมีปัญญาเอาออกมา (ชัย โฆษกรัฐบาลกล่าว)
คำตอบ คือ เป็นข้าวที่ คุณภูมิธรรม รองนายก เอาออกมาจากโกดัง และส่งให้กับทีวีแค่บางช่อง พิธีกรแค่บางคน แต่ในวงการข่าว เขาขอต่อกันอีกที เลยหลุดไปถึง อ.วีรชัย ได้ ของแท้ครับของแท้
2. การตรวจของ อ.วีรชัย น่าเชื่อถือแล้วหรือไม่ คำตอบ คือ ไม่ เพราะเป็นการตรวจภายใต้ข้อจำกัดตัวอย่างจำนวนน้อย ขาดการสุ่มอย่างเป็นระบบที่มากพอเพื่อให้ได้ตัวอย่างที่เป็นตัวแทนข้าวทั้งโกดัง อย่างไรก็ตาม ผลที่พบว่ามีสารอะฟลาท็อกซิน 1 ใน 3 ตัวอย่างที่ตรวจ ถือว่ามาก เพราะเท่ากับ 33% ในขณะที่หากจะยอมรับว่าปลอดภัยควรไม่มีเลย หรือไม่ควรเกิน 1% ก็ถือว่ามากแล้ว สำหรับมาตรฐานความปลอดภัยของอาหาร
3. น่าแปลก ที่รัฐบาลผู้เป็นเจ้าของข้าวในโกดัง ไม่ใยดีต่อชีวิตคน ไม่ใช้อำนาจสั่งการให้ส่งข้าวไปทดสอบทางวิทยาศาสตร์ หน่วยราชการก็ไม่กล้าอาสาตัวเองออกมาตรวจ โยนไปที่กระทรวงพาณิชย์ ว่าไม่ส่งมาให้ กระทรวงพาณิชย์ก็อ้ำอึ้งบอกว่าการประมูลได้มีการตรวจคุณภาพโดยละเอียดแล้ว หรือคงดูด้วยสายตาใช้ปากของตัวเองชิม 4. การตรวจทางวิทยาศาสตร์ ไม่ได้ใช้เวลามาก ยิ่งเงินแทบไม่ต้องใช้ เพราะเรามีส่วนราชการมากมายที่พร้อมทำ อย่าไม่ตรวจเพียงแค่รักษาหน้ารัฐมนตรี แต่ควรส่งตรวจเพื่อรักษาชีวิต และความเชื่อมั่นในสินค้าข้าวไทยของคนไทยและชาวโลก แต่ขึ้นอยู่กับผู้บริหารประเทศว่าจะมีจิตสำนึก สติและปัญญา หรือไม่ ยิ่งนับวันยิ่งลดน้อยลงหรือเปล่า
ภูมิธรรม วอนเลิกอคติ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ โพสต์ข้อความผ่าน Facebook Phumtham Wechayachai ระบุว่า จากรายงานข่าวที่ มีผู้กล่าวอ้างว่า ได้ทำการตรวจสอบข้าวสารในโกดังโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งจะนำออกประมูลขายและอ้างว่าตรวจพบ สารก่อมะเร็ง
ข้อเท็จจริงจากอดีตถึงปัจจุบันไม่เคยตรวจสอบพบว่าข้าวฃองรัฐที่นำออกประมูลขายมีสารปนเปื้อนในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเลย และไม่เคยมีรายงานจากการวิเคราะห์วิจัยว่าการเก็บข้าวและจำนวนปีการเก็บข้าวทำให้เกิดสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหากมีการเก็บรักษาที่ถูกต้องตามมาตรฐาน
ในฐานะที่ผมเป็น รมว.กระทรวงพาณิชย์ เจตนาผมเพียงต้องการนำเอาข้าวที่ตกค้างอยู่ในสต็อก 2 โกดังสุดท้ายออกมาประมูลเพื่อนำรายได้กลับคืนคลัง ดีกว่าปล่อยให้ค้างเน่าเสีย (จริงๆ) จนไม่มีราคา
เรื่อง “ข้าว 10 ปี” หากวิพากษ์วิจารณ์ โดยมี “อคติทางการเมือง” และ ”จินตนาการ“ มาชี้นำ“ความจริง” จนกลายเป็นการด้อยค่าข้าวไทย จนทำให้ประเทศเสียประโยชน์ ผมเชื่อมั่นว่าทุกคนในสังคมไทยไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น และ ยังอยากเชื่อโดยสุจริตว่า ทุกท่านคงไม่อยากเห็นการสร้างวาทกรรมเปลี่ยนข้าวดีเป็นข้าวเน่า ทำให้รัฐเสียประโยชน์มหาศาลอย่างที่แล้วมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี