พันจ่าเอกประเสริฐ มาลัย อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้พิจารณาคัดเลือกเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาในสาขาต่างๆ เพื่อเข้ารับพระราชทานโล่รางวัลในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญประจำปี พ.ศ. 2567 เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2567 ที่ผ่านมา ณ พลับพลาที่ประทับมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อยกย่องชูเกียรติแก่เกษตรกรผู้ที่มีผลงานโดดเด่นให้เป็นที่ปรากฏต่อสาธารณะ ตลอดจนเป็นการให้ความสำคัญและสร้างขวัญกำลังใจกับเกษตรกร ซึ่งกรมหม่อนไหมได้พิจารณาคัดเลือกเกษตรกรสาขาอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เพื่อเข้ารับพระราชทานโล่รางวัลดังกล่าวในปีนี้ โดยเกษตรกรผู้ที่ผ่านการคัดเลือก คือ นายพินิจ แก้วพิมาย เป็นเกษตรกรสาขาอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ในพื้นที่บ้านดงบัง ต.ดงบัง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ
“ผลงานแต่เดิม ครอบครัวนายพินิจ ทำอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ จึงได้เรียนรู้จากช่วยแม่เลี้ยงไหมตั้งแต่ตอนเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ทำให้ซึมซับ จนรู้สึกชอบและผูกพัน จากความคุ้นเคยและเรียนรู้จากที่เคยช่วยแม่ทำสั่งสมประสบการณ์ จนกระทั่งอายุ 20 ปี ก็เริ่มหันมาปลูกหม่อนเลี้ยงไหม สาวไหม และทอผ้าเองแบบจริงจัง จนสามารถทำได้แบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ คือ ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม สาวไหม และทอผ้าไหม ในพื้นที่ 2.5 ไร่ ด้วยความใส่ใจในการดูแลแปลงปลูกหม่อนตั้งแต่การใส่ปุ๋ยบำรุงดินให้น้ำตัดแต่งกิ่งตามหลักวิชาการที่ได้รับคำแนะนำจากกรมหม่อนไหมทำให้ได้ผลผลิตใบหม่อนทั้งพันธุ์บุรีรัมย์ 60 และพันธุ์สกลนครถึงปีละ 8 ตัน โดยยึดเป็นอาชีพหลักมาจนถึงปัจจุบันรวม 29 ปีแล้ว” อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าว
พันจ่าเอกประเสริฐ กล่าวต่อไปว่า นายพินิจ มีผลงานโดดเด่นในสาขาอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม โดยได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย ปัจจุบัน นายพินิจ มีสินค้าผ้าไหม ได้รับใบรับรองแสดงเครื่องหมายรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยชนิด Royal Thai Silk (นกยูงสีทอง) Classic Thai Silk (นกยูงสีเงิน) และ Thai Silk (นกยูงสีน้ำเงิน) จากกรมหม่อนไหม โดยยึดหลัก“ตลาดนำการผลิต” เน้นผลิตผ้าไหมตามคำสั่งซื้อ โดยลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่อำเภอคอนสาร โดยใช้เส้นไหมที่ผลิตเองทั้งหมด จึงสามารถลดต้นทุน ควบคุมคุณภาพของผ้าไหมที่ผลิตและสามารถบริหารจัดการผลผลิตได้ตามความต้องการของตลาด รวมทั้งทำการตลาดออนไลน์โดยการโพสต์ขายผ่านทางเฟซบุ๊กอีกด้วย ทำให้มีรายได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปีในปี 2565 มีรายได้จากการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม 334,000 บาท และในปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 577,000 บาท
“นอกจากนี้ นายพินิจ เป็นผู้มีจิตอาสา มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของชุมชน เช่น เป็นเกษตรกรปราดเปรื่อง “Smart Farmer” ด้านการปลูกหม่อนไหมมีความรอบรู้ในกระบวนการผลิตหม่อนและไหม มีความสามารถในการวิเคราะห์ เชื่อมโยงและบริหารจัดการการผลิตและการตลาด โดยใช้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ คำนึงถึงคุณภาพของสินค้าผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอผ้าไหมและเลี้ยงไหม ตั้งแต่ ปี 2555 จนถึงปัจจุบันและเป็นอาสาสมัครเกษตรกร สาขาหม่อนไหมอาสา เปิดบ้านเป็นแหล่งศึกษาดูงานทั้งภาครัฐ สถานศึกษาและเอกชน และผู้สนใจอีกด้วย” พันจ่าเอกประเสริฐ มาลัย อธิบดีกรมหม่อนไหม ระบุ
ด้าน นายพินิจ แก้วพิมาย อาชีพเกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยทำนาและปลูกถั่วเหลืองมาก่อนแต่จากที่เห็นบรรพบุรุษรุ่นพ่อแม่เลี้ยงไหมเป็นอาชีพมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ และคิดว่าหม่อนก็เป็นพืชเศรษฐกิจ และเมื่อปลูกแล้วก็มีรายได้ดี พอเลี้ยงดูครอบครัวได้ ที่สำคัญเป็นอาชีพในพระราชดำริของพระพันปีหลวงจึงอยากสืบสานต่อไปยังคนรุ่นหลัง เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำในทุกกระบวนการ โดยได้ต่อยอดพัฒนาอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและทอผ้าไหม แบบครบวงจรในทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การปลูกหม่อนปลอดสารเคมีตลอดกระบวนการ โดยใช้แต่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมัก และใช้ฟางข้าวคลุมแปลงเพื่อรักษาความชุ่มชื้นและสร้างความอุดมสมบูรณ์ของดิน
ส่วนของ “การเลี้ยงไหม” มีการวางแผนการจัดการตั้งแต่เริ่มเตรียมความพร้อมโรงเรือนและอุปกรณ์ก่อนการเลี้ยงที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ และวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้องเหมาะสมตามสุขลักษณะทำให้ได้ปริมาณรังไหมและเส้นไหมที่มีคุณภาพ และมีจำนวนมาก จะเห็นได้จากผลผลิตในการเลี้ยงไหมพันธุ์ไทยลูกผสม(พันธุ์ J108xนางลายสระบุรี)จำนวน 10 รุ่น รุ่นละ 1-2 แผ่น สามารถผลิตเส้นใหม่ได้ 52 กิโลกรัมและการเลี้ยงไม้พันธุ์ไทยพื้นบ้าน(พันธุ์นางสิ่วนางตุ๋ย)จำนวน 5 รุ่น รุ่นละ 1 แผ่น สามารถผลิตเส้นใหม่ได้ 8.5 กิโลกรัม มีผลผลิตดักแด้จำนวน 270 กิโลกรัม
นอกจากนี้ก็คิดพัฒนานำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการสาวไหม เช่น การติดมอเตอร์ที่เครื่องสาวไหมทำให้สาวไหมได้เร็วขึ้นก่อนดักแด้จะกลายเป็นผีเสื้อออกมาเจาะรังไหมทำให้เสียหาย และได้เส้นไหมที่มีคุณภาพ มีความสวยงาม มีขนาดสม่ำเสมอ สะอาดและมีสีสันสดใส เพราะใช้สีจากวัสดุธรรมชาติในการย้อมเส้นไหม เช่น ใช้ใบไม้และเปลือกไม้ในท้องถิ่น เมื่อนำไปทอจึงออกมาเป็นผ้าไหมที่สวยงามและมีคุณภาพ
นายพินิจ กล่าวต่อไปว่า ในรอบการผลิตที่ผ่านมาสามารถผลิตผ้าไหมหางกระรอกจำนวน 240 เมตร ผ้าขาวม้าไหมจำนวน 28 ผืน ผลิตผ้าไหมชุด(ผ้าไหมพื้น+ผ้าไหมมัดหมี่)จำนวน 6 ชุด ผลิตผ้าไหมพื้น จำนวน 45 เมตร โดยมีการวางแผนในการทอผ้าให้ได้สัปดาห์ละ 200 เมตร นอกจากนี้ยังสามารถนำสิ่งของเหลือใช้อย่างมูลไหมมาหมักเป็นปุ๋ย นำดักแด้มาประกอบอาหาร นำน้ำจากการสาวไหมไปใช้รดพืชผักสวนครัว ใช้น้ำขี้เถ้ามาลอกกาวไหมและทำบ่อทิ้งน้ำลอกกาวไหมและน้ำย้อมสีเส้นไหมเพื่อไม่ให้เกิดมลพิษ
“การได้รับคัดเลือกให้เป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ เข้ารับพระราชทานโล่รางวัลในงานพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญประจำปี 2567 ครั้งนี้จึงนับว่าเป็นเกียรติ และเป็นความภาคภูมิใจแก่ตนเองและครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง จึงขอยืนยันว่าจะรักษาและสืบสานอาชีพการปลูกหม่อน เลี้ยงไหมและทอผ้าไหมให้คงอยู่สืบไป” นายพินิจ แก้วพิมาย กล่าว
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี