กมธ.นิรโทษฯชง4ข้อเสนอถึงรบ.
เอาใจ‘สามนิ้ว’
เคลียร์ปม‘บุ้ง’เสียชีวิต
คืนสิทธิยื่นประกันตัว
ชะลอดำเนินคดีม.112
ดัน‘ก.ม.นิรโทษกรรม’
เอาใจ 3 นิ้ว “กมธ.นิรโทษกรรม” จัดให้ชง 4 ข้อเสนอถึงรัฐบาล เร่งเคลียร์ปมเสียชีวิต“บุ้ง ทะลุวัง” คืนสิทธิประกันตัว-ชะลอดำเนินคดีการเมือง-ดันกฎหมายนิรโทษกรรม“วันนอร์” พร้อมถกร่างพ.ร.บ.นิรโทษฯถ้ารัฐบาลส่งมาให้ “อนุทิน” ย้ำภท.ไม่แตะม.112 เมิน “3 นิ้ว” “ธนกร” ค้าน “ปิยบุตร” นิรโทษผิดม.112 ไม่เห็นด้วย
ยกโทษหมิ่นสถาบัน เหยียบย่ำหัวใจคนไทยมากไปศปปส.ยื่นสภาฯค้านสุดลิ่มปล่อยผีนิรโทษคดี ม.112 ซัด“โรม”อุ้มช่วยบิดเบือนนำข้อมูลเท็จสู่สาธารณชน จี้ ‘วันนอร์’ตั้งคกก.สอบ ผิดจริยธรรม-ข้อบังคับหรือไม่ มติวิป3ฝ่ายเปิดวิสามัญถกประชามติ-งบฯ
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2567 จากกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง ผู้ต้องหาในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จนนำมาสู่เสียงข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการคืนสิทธิตามกระบวนการยุติธรรม รวมไปถึงกระบวนการออกกฎหมายนิรโทษกรรมซึ่งขณะนี้อยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พรบ.)นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธานขณะเดียวกัน เมื่อวันที่16 พ.ค. แนวร่วมกลุ่มทะลุฟ้าและเครือข่าย ยื่นข้อเรียกร้องต่อ กมธ.นิรโทษกรรม เพื่อขอให้เร่งพิจารณากำหนดให้คดีกระทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 ได้รับการนิรโทษกรรม
นายชูศักดิ์ ได้ส่งหนังสือด่วนที่สุด ถึงนายกรัฐมนตรี ลงวันที่17พ.ค.2567 ขอให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาคดีการเมือง เนื้อหาโดยสรุปคือ ข้อเรียกร้องจากกลุ่มบุคคลในนามนักกิจกรรมและประชาชนซึ่งเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ 4 ข้อ 1.ตรวจสอบการเสียชีวิตของน.ส.เนติพร ให้เกิดความโปร่งใสและชัดเจนโดยเร็ว 2.ดำเนินการใดๆให้ผู้ต้องขังซึ่งคดียังไม่ถึงที่สุดได้รับสิทธิในการประกันตัว 3.ชะลอการดำเนินคดี การจับกุมคุมขัง บุคคลในคดีการเมืองจนกว่าจะผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชน สั่งไม่ฟ้อง ไม่ยื่นคำร้อง ไม่อุทธรณ์ ไม่ฎีกา ถอนฟ้อง ถอนอุทธรรณ์ และถอนฎีกา ในคดีที่ไม่เป็นประโยชน์สาธารณะ 4.เร่งรัดออกกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนโดยรวมทุกฝ่ายทุกข้อหาที่มีมูลเหตุแห่งคดีการเมือง ซึ่งขณะนี้ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม พ.ศ....ได้เสนอต่อรัฐสภา และอยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ กมธ.เห็นว่า ข้อ1-3 มีความสำคัญและอยู่ในความสนใจของประชาชน สำหรับข้อ4การเร่งรัดออกกฎหมายนิรโทษกรรมฯ รัฐสภามีหน้าที่อำนาจทางนิติบัญญัติ ได้ดำเนินการโดยมีการตั้งกมธ.และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาศึกษา คาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จภายในเดือนก.ค.67
วันนอร์พร้อมเปิดสภาถกนิรโทษ
ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเปิดสมัยประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พรบ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ว่า ได้มอบหมายให้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เชิญวิป3 ฝ่ายไปหารือตกลงเรื่องกรอบเวลา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือจากรัฐบาลว่าจะเปิดสมัยประชุมวิสามัญเมื่อใด แต่ทางสภาฯจะต้องเตรียมเวลาในการประชุมไว้ให้ชัดเจน เมื่อถามว่า การเปิดสมัยประชุมวิสามัญครั้งนี้จะนำร่างพรบ.นิรโทษกรรม เข้าสู่การพิจารณาหรือไม่ ประธานสภากล่าวว่า ขึ้นอยู่กับรัฐบาล ว่าจะให้ขยายประชุมวิสามัญถึงวันที่เท่าไหร่ ถ้ายังไม่ปิดสมัยและมีกฎหมายค้างอยู่และสำคัญ เราก็ดำเนินการต่อได้ เพราะสภาฯต้องประชุมตามพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุม ซึ่งพร้อมหากเสนอกฎหมายนิรโทษเข้ามา
‘อนุทิน’ย้ำไม่แตะ112 เมิน‘3นิ้ว’
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงท่าทีจุดยืนของพรรคภท.ต่อกฎหมายนิรโทษกรรมกับคดี มาตรา112 ว่า เราไม่แตะอยู่แล้ว นี่เป็นจุดยืน เมื่อถามถึงกรณีมีมวลชนและพรรคการเมืองบางกลุ่ม อยากให้นำเรื่องมาตรา112 มาร่วมในกฎหมายนิรโทษกรรม นายอนุทิน กล่าวว่า เรายืนยันตามที่ ภท.ได้เคยมีจุดยืนเอาไว้ จุดยืนต้องเป็นจุดยืน
รทสช.ย้ำค้านนิรโทษกรรมม.112
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีการออกมาเรียกร้องให้มีการนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และเรียกร้องให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายมาตรา 112 ภายหลังจากที่มีการเสียชีวิตของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองว่า พรรครวมไทยสร้างชาติขอแสดงจุดยืนจะคัดค้านไม่ให้มีการนิรโทษให้กับผู้กระทำผิดในมาตรา 112 และคัดค้านไม่ให้มีการแก้มาตรา 112 เพราะประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่ได้เป็นปัญหา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาที่เกิดจากการกระทำความผิดที่ฝ่าฝืนกฎหมายมาตรา 112 อีกทั้งมาตรา 112 ไม่เคยทำให้คนปกติทั่วไปได้รับความเดือดร้อน
นายอัครเดชกล่าวว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้นเป็นกฎหมายที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นความมั่นคงของรัฐ ดังนั้นกรณีที่เกิดจะต้องไปดูสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากการทำผิดอะไร มีบุคคลใครอยู่เบื้องหลัง อีกทั้งกระบวนการในการพิจารณาคดีก็เป็นอำนาจศาลที่จะให้ประกันตัวหรือไม่ ซึ่งหากได้รับการประกันตัวแล้วก็จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลสั่ง แต่หากมีการฝ่าฝืนเงื่อนไขการประกันตัวก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยยกเลิกการประกันตัวเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
คปท.ถามปลุกคนรุ่นใหม่ใครรับผิดชอบ
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ดังนี้ ปลายทางที่โดดเดี่ยว การปลุกให้คนรุ่นใหม่ออกมาเคลื่อนไหว ให้จบที่รุ่นเรา จนมีบางส่วนทะลุธง สุดโต่ง เกินควบคุม เป็นบทเรียนที่ใครต้องรับผิดชอบ กระบวนการยุติธรรม หรือ คน หรือ คณะบุคคล ที่สนับสนุนทั้งแนวคิดและการชี้นำทางการเคลื่อนไหว แน่นอนมันอาจจะมี 2มาตรฐานระหว่าง ทักษิณ กับ กลุ่มเคลื่อนไหวอื่นๆ แต่ 2 มาตรฐานมันเป็นเหตุปลายทางในการบังคับใช้กฎหมาย ต้นเหตุที่ต้องรับผิดชอบจึงไม่ควรมองข้าม สำนึกหนึ่งไม่ใช่แค่ให้รัฐต้องรับผิดชอบ ซึ่งรัฐต้องรับผิดชอบอยู่แล้วการสรุปบทเรียนที่ ยุยง ส่งเสริม สนับสนุน ชี้นำ ให้จบที่รุ่นเราแล้ว แล้วไม่มีใครรับผิดชอบ ก็ควรทบทวนเช่นกัน ไม่งั้นจะเป็นเพียง อ้างหาความรับผิดชอบแค่ ปลายเหตุ ต้นเหตุก็ได้แต่รับชอบแต่ไม่รับผิด
‘ธนกร’ค้าน‘ปิยบุตร’นิรโทษคนผิดม.112
นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เรียกร้องให้ผู้มีอำนาจและรัฐบาลตรากฎหมายนิรโทษกรรม โดยรวมคดีผู้กระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้าด้วย หลังเกิดเหตุ “บุ้ง ทะลุวัง“เสียชีวิตในเรือนจำ โดยอ้างว่าคดีนี้มีแรงจูงใจจากการเมือง ว่า ส่วนตัวต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวบุ้งด้วย เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แต่ไม่เห็นด้วยกับทั้งการแก้ไขมาตรา 112 รวมถึงการนิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดในคดีมาตรา112 ดังกล่าว เพราะถือเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ
ต้องเอาผิดคนยุยงปลุกปั่นเบื้องหลัง
ทั้งนี้ นายธนกร กล่าว่ย้ำมาโดยตลอดว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง จึงขอคัดค้านหากมีผู้เสนอให้รวมคดีนี้เป็นคดีการเมือง เพราะมาตราดังกล่าวถือเป็นความมั่นคงของชาติที่ต้องมีไว้ปกป้องประมุขแห่งรัฐ ซึ่งผู้ใดจะละเมิดมิได้ ซึ่งควรมุ่งไปแก้ไขที่ต้นเหตุ คือผู้ที่ให้ข้อมูลบิดเบือนและอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวมากกว่า หากไม่มีผู้ใหญ่กลุ่มนี้ คอยยุยง ส่งเสริมให้ข้อมูลผิดๆ คงไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เมื่อถามว่า กลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวต้องการให้มีการแก้กฎหมายเกี่ยวกับการประกันตัวนั้น นายธนกร กล่าวว่า กฎหมายให้สิทธิขั้นพื้นฐานแก่ผู้ต้องหาตามกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งในกรณีของ “บุ้ง” นั้น ต้องแยกส่วน เรื่องศาลถอนประกันกับการประกาศอดอาหาร เป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งการถอนประกัน เชื่อว่าศาลมีการวินิจฉัยที่รอบคอบพิจารณาจากหลักฐานและพฤติการณ์การกระทำความผิดซ้ำหรือไม่ ซึ่งถือว่าเป็นดุลยพินิจของศาล ไม่ขอก้าวล่วง
ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกย่ำยีหัวใจคนไทย
นายธนกร กล่าวว่า เห็นด้วยที่ก่อนหน้านี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมมีคดีที่มาจากแรงจูงใจทางการเมือง มีข้อสรุปออกมาค่อนข้างชัดเจนแล้ว ว่า เรื่องการกระทำความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 112 นั้น ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและหลายฝ่ายไม่เห็นด้วย การจะนิรโทษกรรม ควรเป็นคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมือง ทั้งที่เป็นแกนนำและมวลชนที่ร่วมชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบัน หากเป็นคดีที่ไม่ร้ายแรงก็เข้าข่ายได้รับการนิรโทษกรรมได้
“คนที่พูดกล่าวหา ให้ร้ายดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำผิดมาตรา112 แบบซ้ำซาก หากมีการเหมารวมยกเข่งนิรโทษให้คนเหล่านี้ ถือเป็นการเหยียบย่ำหัวใจคนไทยมากเกินไป เพราะกฎหมายนี้ มีไว้ปกป้องประมุขของประเทศไม่ให้ถูกละเมิด เชื่อว่าถ้านิรโทษฯให้ไม่มีใครรับได้แน่นอน”นายธนกร ระบุ
ศปปส.ยื่นสภาฯค้านนิรโทษคม.112
ที่รัฐสภา นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) พร้อมคณะ ยื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายเจษ อนุกูลโภคารัตน์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานประสานการเมืองและรับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร กรณีความเหมาะสมและจริยธรรมของนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับประเด็นการออกมาให้สัมภาษณ์ในกรณีการเสียชีวิตของผู้ต้องหามาตรา 112 โดย นายอานนท์ กล่าวว่า จากกรณีการเสียชีวิตของน.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง ทะลุวัง นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ทางศปปส.ได้ติดตามการอดอาหารของผู้อยู่ในเรือนจำมาตลอด โดยผู้อดอาหารใช้เวลาอดอาหารถึง60วัน แต่ยังไม่เสียชีวิต ดังนั้นเป็นไปได้หรือไม่ว่า บุคคลเหล่านี้อดอาหารจริง ส่วนการที่ นายรังสิมันต์ เรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังตามมาตรา112 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ ตนอยากบอกว่าทุกครั้งที่ผู้ต้องหามาตรา112ถูกดำเนินคดีเข้าไปในเรือนจำ ได้รับความเมตตาจากศาลฯมาโดยตลอด แต่พฤติกรรมของกลุ่มคนพวกนี้ไม่เคยสำนึก หลายคนที่ได้รับการประกันตัวออกมา ก็มาทำพฤติกรรมเดิมๆด้วยการหมิ่นสถาบันฯ
จี้ตั้งกก.สอบ’โรม’บิดเบือนข้อมูล
“มาตรา112 ไม่ใช่คดีทางการเมืองที่จะมานิรโทษกรรม ที่กลุ่มทะลุฟ้าเดินทางมายื่นหนังสือเพื่อให้มีการพิจารณานิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำความผิดตามมาตรา112 ทางศปปส.ขอคัดค้านไม่ให้มีการนิรโทษกรรมคดีมาตรา112โดยเด็ดขาด ไม่ว่าด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ขณะที่การให้สัมภาษณ์ของนายรังสิมันต์ เมื่อวันที่14พ.ค.เป็นการนำข้อมูลอันเป็นเท็จและบิดเบือนออกสู่สาธารณชน การกระทำดังกล่าวผิดจรรยาบรรณ จริยธรรม รวมถึงข้อกฎหมาย ข้อบังคับใดๆหรือไม่ จึงขอให้ นายวันนอร์ รีบดำเนินการตรวจสอบ พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องดังกล่าว โดยให้ถือเป็นวาระเร่งด่วน” ประธาน ศปปส. ระบุ
วิป3ฝ่ายเปิดวิสามัญถกประชามติ-งบฯ
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่สอง เป็นประธาน และมีตัวแทนจากฝ่ายต่างๆเข้าร่วมประชุม อาทิ นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาฯ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อกำหนดกรอบระยะวันและเวลาเปิดประชุมสภาวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 และร่างพ.ร.บ.ประชามติ แก้ไขเพิ่มเติมโดยที่ประชุมใช้เวลาประมาณ 40นาที
‘ก้าวไกล’สนใจอภิปราย50-60คน
จากนั้น นายวิสุทธิ์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่าในวันที่ 18มิ.ย.จะมีประชุมสภาฯพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประชามติ ซึ่งเชื่อว่าฉบับของรัฐบาลจะเสนอทันในการประชุมวันดังกล่าว แต่ถ้าร่างของรัฐบาลไม่เสร็จเราจะพิจารณาร่างของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ซึ่งคาดว่าจะพิจารณาจบในเวลา 16.00 น.ส่วนระหว่างวันที่ 19-21 มิ.ย. จะเป็นการพิจารณาร่างพรบ.งบฯปี68 โดยเริ่มประชุมเวลา 09.00-22.00 น. สำหรับวันที่ 21 มิ.ย. เป็นวันสุดท้ายอาจประชุมถึงเวลา 24.00น.เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลมีผู้แสดงความจำนงค์ในการอภิปรายงบฯปี68 ประมาณ 20-30คนหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ยังบอกไม่ได้ เพราะคนที่สนใจจริงๆมีประมาณ 50-60คน เหมือนการอภิปรายงบฯปี67 โดยเราจะใช้วิธีการทำงานร่วมกันมากกว่า เพราะต้องการให้ทุกคนมีส่วนร่วมโดยไม่จำเป็นต้องอภิปราย
นายกฯเผย’มาครง’หนุนเชงเก้นวีซ่า
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสาธารณรัฐฝรั่งเศส ถึงการที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พบปะหารือและเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันกับ นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ว่านายเศรษฐา ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพบปะหารือและเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันกับนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ว่า จากการพบปะกันเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา มีการนำภาคธุรกิจมาพบปะสานสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง วันนี้มาตามสัญญาที่บอกว่าจะมาเป็นประธานการพูดคุยและอัพเดตกันว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งมีการพูดคุยกันหลายเรื่อง ทั้งการค้าระหว่างประเทศ รวมถึง FTA ซึ่งอาจจะมีความซับซ้อนในหลายด้าน ทางผู้แทนการค้าไทยจึงขอให้ดำเนินการทีละส่วน โดยเฉพาะรถอีวีที่จะส่งเข้ามาท่านก็เห็นด้วย ส่วนการทำวีซ่าฟรีเชงเก้นก็ได้มีการพูดคุยกันและยืนยันให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้พ้นการเลือกตั้งสภายุโรปในเดือนมิถุนายนนี้ก็จะดำเนินการต่อไป จึงขอเป็นเดือนสิงหาคมที่จะมีการพิจารณาต่อ แต่ยืนยันว่าสนับสนุน รวมไปถึงการท่องเที่ยวก็มีการพูดคุยกันว่าอาจจะต้องมีการเพิ่มเที่ยวบิน แต่วันนี้ยังไม่ Free-Covid
ไทยยึดแม่แบบฝรั่งเศสพลังงานสะอาด
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ในเรื่องพลังงานสะอาดทางฝรั่งเศสมีพลังงานสะอาดเยอะมาก เราก็อยากให้ฝรั่งเศสเป็นแม่แบบที่จะพัฒนาพลังงานสะอาดของเรา คงจะได้มีการพูดคุยกันและในการประชุม Forum ครั้งต่อไปในเดือนกันยายนที่ประเทศไทย เขาจะนำผู้เชี่ยวชาญด้าน Energyมาร่วม ซึ่งปัจจุบันนี้สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย ราคาถูก และสะอาดที่สุด ส่วน MOU ในวันนี้เกี่ยวกับข้อแลกเปลี่ยนของกระทรวงกลาโหม ซึ่งทางฝรั่งเศสมีอะไรที่จะสนับสนุนเราในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน รถถัง โดรน ไซเบอร์ และการป้องกันทั้งหลายที่อยากจะทำร่วมกับเรา ซึ่งวันนี้พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ก็มาร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกลางวันด้วย มีการพูดคุยในแง่ภาพรวมภาพใหญ่ โดยมีการวางแผนเรื่องการอัพเกรดของกองทัพในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า ซึ่งฝรั่งเศสมีอะไรที่จะ Offer เราบ้าง ก็จะมีการนำทีมงานของเขาไปที่ประเทศไทย อาจจะรวมไปถึงการฝึกซ้อมรบด้วย และจะได้เห็นว่าเขาสามารถช่วยอะไรกองทัพไทยได้บ้าง
นายเศรษฐากล่าวว่า และช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ก่อนที่จะพบกับประธานาธิบดีมาครง ได้มีโอกาสไปเปิดงาน Thailand-France Business Forum มีการพูดคุยหลายด้าน ทั้งเรื่องการผลิตเชื้อเพลิงพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน (SAF) ที่ใช้ในเครื่องบิน ซึ่งถือเป็นเรื่องสําคัญที่เราจะทํากัน มีการพูดคุยกันหลายวงที่จะมีการยกระดับความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่าง 2 ประเทศ เนื่องจากในครั้งนี้มีนักธุรกิจใหญ่เข้ามาจำนวนมาก ถือว่าได้ประโยชน์อย่างมากสําหรับการมาเพียงครึ่งวัน
นายกฯบินกระชับสัมพันธ์’อิตาลี’
จากนั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดนทางไปเยือนสาธารณรัฐอิตาลีอย่างเป็นทางการ เพื่อกระชับความร่วมมือในสาขาที่ทั้งสองประเทศมีศักยภาพ เช่น พลังงานหมุนเวียน การท่องเที่ยวเชิงกีฬา วิทยาศาสตร์การแพทย์และเภสัชกรรม กลาโหม รวมถึงแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ที่จดทะเบียนGI ในยุโรป การส่งเสริมธุรกิจ SMEs ด้านอวกาศ และความยั่งยืนทางอาหาร นอกจากนี้ ยังได้พบหารือกับภาคเอกชนรายใหญ่ระดับโลกและจะเชิญชวนให้มาลงทุนในไทยโดยเฉพาะด้านแฟชัน Soft power ด้านเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมยานยนต์และพลังงาน รวมทั้งหารือกับประธานของ the National Chamber of Italian Fashion ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความสำคัญด้านแฟชันของอิตาลีด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี