ไร้กังวลถูกเช็คบิลย้อนหลัง!!! "สมชาย"คาดศาลรธน.ใช้เวลาวินิจฉัย 2 เดือน ขู่"เศรษฐา"หากพ้นสภาพนายกฯ เจอเช็คบิลเอาผิดทางอาญาต่อ เตือน"ทักษิณ"กลับไปเลี้ยงหลานดีแล้ว ทำตัวเป็น"นายกฯเงา" ระวังโดนข้อหา"ครอบงำ-แทรกแซง"
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 1 ใน 40 สว.ที่เข้าชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องผิดปกติ หรือปิดเป็นความลับ แต่เมื่อฝ่ายค้านไม่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ก็เป็นหน้าที่ของ สว.ที่จะต้องดำเนินการ เพราะเห็นว่าเป็นกรณีที่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ โดยเฉพาะคุณสมบัติของคนที่เป็นรัฐมนตรี จะต้องเหนือกว่าคุณสมบัติของ ส.ส.จะต้องไม่มีความผิดเรื่อจริยธรรม หรือเบื้องหลัง
ขณะนี้เรื่องอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองแต่เป็นเรื่องของบ้านเมือง คนเป็นนายกฯ จะต้องรับผิดชอบต่อการนำเอาชื่อรัฐมนตรีที่ขัดคุณสมบัติขึ้นทูลเกล้าฯ แม้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้สอบถามคุณสมบัติของนายพิชิต ต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว แต่เป็นการถามเฉพาะรัฐธรรมนูญมาตรา 160 อนุ 6 และ 7 ถือเป็นเรื่องไม่ปกติ เพราะควรถามมาตรา 160 ทั้งมาตรา ไม่ใช่แค่อนุใดอนุหนึ่ง ไม่ทราบว่าทำไมถึงถามแค่นี้ เป็นเรื่องที่นายเศรษฐา จะต้องไปชี้แจงต่อศาลฯ เอง เพราะ สว.ได้ตรวจสอบแล้วว่ามีการสอบถามกฤษฎีกาไปแค่ครั้งเดียว คือ ตั้งแต่การตั้ง ครม.เศรษฐา 1 เมื่อเดือน ก.ย.66 แต่การปรับ ครม.ครั้งล่าสุด เมื่อเดือน เม.ย.67 ไม่มีการสอบถามเรื่องคุณสมบัติของนายพิชิต เพิ่มเติมต่อคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งที่ควรสอบถามไปเพิ่มเติมว่านายพิชิตมีคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรีควบถ้วนตามมาตรา 160 และมาตราอื่นๆ หรือไม่
นายสมชาย กล่าวว่า เรื่องนี้นายเศรษฐารู้อยู่แล้วว่านายพิชิตมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ดังนั้น การที่นายเศรษฐา เป็นผู้ถูกร้องที่ 1 ถือว่าถูกต้องแล้ว เพราะต้องรับผิดชอบต่อการนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ ถ้ารู้ว่านายพิชิตมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ แต่ยังนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ นายกฯ ก็จะมีความผิดจริยธรรมร้ายแรง
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ส่วนที่ต้องมีการปิดรายชื่อ 40 สว.ที่เข้าชื่อตรวจสอบเป็นความลับในตอนแรกนั้น เหตุที่ต้องปิดเป็นความลับเพราะเคยเกิดกรณีการนำชื่อ สว.ที่ลงชื่อตรวจสอบข้อพิพาทกรณีเขาพระวิหาร ไปเล่นงาน สว.รวมถึงครอบครัวของ สว.ที่ร่วมลงชื่อ อีกทั้ง สว.ที่ลงชื่อส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ ไม่อยากถูกตามสัมภาษณ์หรือถูกล็อบบี้ให้ถอนชื่อ เพราะแม้แต่วันที่ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ก็ยังมีความพยายามให้ สว.ถอนชื่อออกมา แต่ไม่สามารถถอนชื่อได้แล้ว ทั้งหมดนี้จึงมีความจำเป็นต้องปกปิดรายชื่อและข้อมูลทั้งหมด ข้อมูลเหล่านี้อยู่ที่ตนคนเดียว เพราะมีการตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาที่จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญถึง 14 ครั้ง โดยตนเป็นคนตรวจคนสุดท้าย และเป็นผู้ยื่นต่อศาลด้วยตัวเอง แต่รายชื่อ 40 สว.ที่หลุดออกไป เป็นผลมาจากผู้ถูกร้องไปยื่นขอคัดร้องคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนรายชื่อ 40 คน เดิมจะมี สว.ลงชื่อเกือบ 100 คน ทั้งๆ ที่ใช้รายชื่อเพียง 25 คนเท่านั้น แต่ตนเห็นว่าได้รายชื่อ 40 คน ก็มากเพียงพอแล้ว บางคนแม้ไม่เข้าชื่อ ก็มีส่วนร่วมในการตรวจสอบร่างที่ยื่นต่อศาลฯ หรือบางคนก็ถูกขอร้องไม่ให้เซ็นชื่อ ฉะนั้น ทุกคนลงชื่อด้วยตัวเอง ไม่มีใครมาขอร้อง
เมื่อถามว่า การกล่าวหาว่ามีการปลอมรายชื่อ สว.ที่ร่วมลงชื่อ นายสมชาย กล่าวว่า กำลังจะพิจารณาว่าจะมีการฟ้องดำเนินคดีหรือไม่ เพราะคนที่เข้าร่วมลงชื่อเสียหาย และยืนยันว่าไม่มีการปลอมรายชื่อแน่นอน เพราะหากมีการปลอมถือว่าผิดกฎหมาย เหมือนกรณี ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน ที่ศาลมีการตัดสินไปแล้วว่าผิดและมีการตัดสิทธิ์
ส่วนที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่า รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้ เกรงว่า สว.จะถูกเช็คบิลย้อนหลังนั้น นายสมชาย กล่าวยืนยันว่า ไม่มีความกังวลที่จะถูกตามเช็คบิลย้อนหลัง นายทักษิณกลับไปเลี้ยงหลานดีแล้ว ถ้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เป็นนายกฯ เงา อาจจะมีความผิดข้อหาเกี่ยวกับเรื่องการครอบงำ แทรกแซงได้ นายเศรษฐาอาจโดน 2 เด้ง
นายสมชาย กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้นายเศรษฐาจะต้องไปชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ คาดว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเชิญนายเศรษฐา สลค. คณะกรรมการกฤษฎีกา สภาทนายความ ไปไต่สวน หรือถ้าจะเชิญผู้ร้องไปไต่สวนตนก็พร้อมไปชี้แจง คาดว่าใช้เวลา 2 เดือน ถ้าศาลฯ วินิจฉัยว่านายเศรษฐา มีความผิด นอกจากจะต้องสิ้นสภาพการเป็นนายกฯ แล้ว จะต้องมีการดำเนินคดีทางอาญาต่อนายกฯ อาจจะไปยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) หรือศาลฎีกา ดำเนินคดีต่อไป
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่นายกฯ จะไปยุ่งเยิงกับพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับกรรมการกฤษฎีกา และ สลค.ที่เป็นหน่วยงานในสังกัดของนายกฯ นายสมชาย กล่าวว่า เชื่อว่าเลขาธิการกฤษฎีกา และเลขา ครม.แม้จะอยู่ภายใต้ ครม.แต่จะทำหน้าที่โดยสุจริต บิดเบือนข้อมูลไม่ได้ การไปยุ่งเยิงกับพยานไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงได้
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี