กว่าจะถึงวัน‘อัยการสูงสุด’สั่งฟ้อง ‘วิรังรอง’เล่าย้อนช่วงไล่บี้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง เดินเรื่องคดีม.112 ‘ทักษิณ’
30 พ.ค. 2567 นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็นอัยการสูงสุดสั่งฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่เกาหลีใต้ เมื่อเดือน พ.ค. 2558 แล้วมีเนื้อหาบางส่วนพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ ว่า ตนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการเร่งรัดให้อัยการสั่งฟ้อง เนื่องจากท่านอัยการสูงสุดท่านเดิมได้มีความเห็นสั่งฟ้องไว้แล้ว
ซึ่งในขณะที่กระทำผิด นายทักษิณอยู่ในต่างประเทศ และเมื่อกลับมาประเทศไทย หลายคนไปให้ความสนใจกับการได้รับอนุญาตให้ไปพักอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ทำให้ตนตัดสินใจมาดำเนินการเรื่องนี้ ไล่ตั้งแต่การยื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน ด้วยเห็นว่าทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย บก.ปอท. และสำนักงานอัยการสูงสุดไม่ทำหน้าที่ เพราะเห็นว่านายทักษิณกลับมา 1 เดือนแล้วยังไม่ดำเนินการ และแม้จะอยู่ในโรงพยาบาลก็สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ ตามด้วยการตามข้อมูลถึง บก.ปอท. และสำนักงานอัยการสูงสุด ว่ามีการดำเนินตามขั้นตอนอะไรอย่างไรบ้าง
จากนั้นในวันที่ 18 ต.ค. 2566 มีหนังสือจาก บก.ปอท. ยืนยันว่ามีการดำเนินคดีและออกหมายจับจริง และเมื่อนายทักษิณเดินทางกลับมาประเทศไทย ทางตำรวจและอัยการก็ประชุมกันหลายครั้ง ซึ่งก็เข้าใจว่าทั้ง 2 หน่วยงานต้องทำตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด มีการทำหนังสืออายัดตัวและขอเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหา แต่ตัดขัดอยู่ที่กรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งตนก็เรียกร้องมาตลอดว่า วันที่นายทักษิณได้รับการพักโทษ ก็ต้องถูกอายัดตัวในคดีนี้ด้วย
ขณะที่ในวันที่ 18 ม.ค. 2567 จึงได้มีหนังสือตอบกลับจากอัยการสูงสุด แต่ก็เข้าใจได้ เพราะอัยการสูงสุดคนใหม่เพิ่งมารับตำแหน่ง ยืนยันอีกเสียงว่ามีการสั่งฟ้องและออกหมายจับ แต่ก็เช่นเดียวกันคือรอกรมราชทัณฑ์ให้เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า ในวันที่ 6 ก.พ. 2567 หรือ 1 วันหลังจากที่โพสต์หนังสือตอบกลับบนพื้นที่ออนไลน์ สำนักงานอัยการสูงสุดก็ตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่า ได้แจ้งข้อกล่าวหานายทักษิณตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. 2567 แล้ว
“คนก็ไปถ่างดูตราครุฑว่าวันที่เท่าไรกันแน่ เป็นหนังสือปลอมหรือเปล่า พี่ก็บอกว่าพี่จะกล้าปลอมไหม? โพสต์ขนาดนี้ ความรู้สึกของพี่ก็คือต้องเข้าใจว่าสำนักงานอัยการสูงสุดก็มีหลายสำนัก หลาบหน่วยงาน อาจจะก่อนที่จะออกหนังสือได้ก็ต้องมีคณะกรรมการในการร่างหนังสือ การประชุมกันก็หลายวันแล้วก่อนที่จะไปในส่วนแจ้งข้อกล่าวหา ก็อาจเป็นอีกสำนักหนึ่ง ฉะนั้นก็อาจไม่มีการประสานงานกัน เรามองในแง่ดี” นางวิรังรอง กล่าว
นางวิรังรอง กล่าวต่อไปว่า นอกจากอัยการสูงสุด กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ในวันที่ 20 พ.ย. 2566 ผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้เดินทางไปตรวจมาแล้ว เนื่องจากมีผู้ร้องเรียน 3-4 คน แต่ไม่มีการให้ข้อมูลว่าได้พบกับนายทักษิณหรือไม่ เพราะมองว่าเป็นข้อมูลข่าวสารที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ด้วยเหตุผลด้านสิทธิผู้ป่วย แต่ในเดือน ธ.ค. 2566 ตนก็ทำหนังสือยื่นถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานอัยการสูงสุด และ บก.ปอท. ทวงถามว่าจะรอไปถึงเมื่อไร เหตุใดไม่ไปดูว่านายทักษิณป่วยจริงหรือไม่ หากไม่เป็นอะไรมากก็แจ้งข้อกล่าวหาได้ เพราะสามารถแสวงหาข้อเท็จจริงได้
นอกจากนั้น กรมราชทัณฑ์ กรมคุมประพฤติ และโรงพยาบาลตำรวจ จะเป็นหน่วยงานที่ถูกยื่นหนังสือร้องเรียน แต่จนถึงปัจจุบันผู้ตรวจการแผ่นดินยังไม่มีคำวินิจฉัย ขณะที่สำนักงานอัยการสูงสุด กำหนดให้นายทักษิณ มารับทราบข้อกล่าวหาและนำตัวส่งฟ้องศาลในวันที่ 29 พ.ค. 2567 แต่ในวันที่ 28 พ.ค. 2567 ก็มีรายงานข่าวว่า นายทักษิณขอเลื่อนไปก่อนเพราะติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งโดยส่วนตัวแม้ไม่ค่อยเชื่อแต่ก็มองว่าเป็นไปได้ แต่จริงๆ โควิดทุกวันนี้เป็นโรคประจำถิ่นไม่ใช่โรคร้ายแรง จึงน่าจะสามารถเดินทางไปได้เพียงสวมหน้ากากอนามัย แต่ในเมื่อมีใบรับรองแพทย์มาก็ต้องเชื่อเขา
ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ก่อนหน้าจะถึงวันที่ 29 พ.ค. 2567 ที่อัยการสูงสุดแถลงข่าวว่าสั่งฟ้องนายทักษิณ คดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลายคนมองว่า 50/50 คือนายทักษิณก็มีโอกาสรอด หมายถึงหากไม่ใช่เป็นการไม่สั่งฟ้อง ก็จะเป็นการเลื่อนออกไปเรื่อยๆ ซึ่งกระบวนการยุติธรรมก็ต้องคิดว่าเหตุใดประชาชนจึงคิดแบบนั้น เหตุใดจึงไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม แต่ทางอัยการสูงสุดก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งตนก็ต้องขอบคุณทั้งทางอัยการสูงสุดและ บก.ปอท. ที่ได้ยืนยันคำสั่งฟ้องของอัยการสูงสุดคนก่อนหน้า
ชมคลิปเต็มได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=-3D1Kn1hJL8
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี