เซ็นแล้ว!ตั้ง‘วิษณุ’ที่ปรึกษาของนายกฯ
อำนาจเท่ารองนายกฯ
กลั่นกรองเรื่องก่อนเข้าครม.
ให้คำปรึกษาปัญหาด้านก.ม.
‘วิษณุ’โวมีช่องสู้คดี40สว.
ปัดดีลช่วย2พี่น้องชินวัตร
“วิษณุ”แจงยิบ รับช่วยงานรัฐบาลเหตุไม่มีคนดูกฎหมาย เผย “เศรษฐา”โทรชวนเอง นั่งรองนายกฯแต่ปฏิเสธ 3 เหตุผลโต้เดือดไม่ได้ตระบัดสัตย์ ถ้าตระบัดสัตย์ก็เป็นรองนายกฯไปแล้วปัดเป็นหัวขบวน สู้คดี40สว. แย้มชี้มีช่องทางสู้ ย้ำไม่ติดใจ‘เศรษฐา’วิจารณ์ไร้ยางอาย บอก“ทักษิณ”ก็เคยว่าแลกหมัดไปแล้ว ปัดดีลช่วย‘2ชินวัตร’นากยฯเซ็นต์ตั้ง’วิษณุ’เป็นที่ปรึกษาของนายกฯให้อำนาจเทียบรองนายกฯดูงานกฎหมาย-กลั่นกรองเรื่องเข้าครม.
เมื่อเวลา 09.50 น.วันที่ 30 พฤษภาคม 2567 ที่เนติบัณฑิตยสภา นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีจะเดินทางเข้าทำเนียบเมื่อไหร่ว่ายังไม่ทราบเพราะคำสั่งยังไม่ออก และความจริงก็ไม่มีเรื่องอะไรต้องเข้าและตนไม่มีอะไรพูดไปกว่าสิ่งที่นายกฯได้พูดไปแล้ว นายกฯพูดตรงและครบทุกประเด็น
‘วิษณุ’แจงดีลขอมาช่วยงานรบ.
นายวิษณุ ชี้แจงว่า ที่ผ่านมานายกฯมาพบตน มาขอให้ไปช่วย ตนก็ได้บอกไปว่าสุขภาพไม่ดีเปิดพุงให้นายกฯดูด้วยและที่สำคัญ3ข้อที่ตนปฏิเสธไป 1.คือปัญหาสุขภาพ เมื่อก่อนเป็นแค่ไตอย่างเดียว วันนี้มีปัญหาเรื่องตาด้วยเพิ่งไปลอกตามา 2.ช่วง 10 เดือนที่ตนห่างหายไปก็ไปรับงานอื่นหลายอย่าง หากต้องลาออกไปงานเขาก็จะเสีย นอกจากนี้ 3.มีเรื่องที่เกี่ยวกับปัญหาในบ้านที่ต้องจัดการเลี้ยงหลานเลี้ยงลูกเดิมวางแผนไว้อย่างนั้น
แต่นายกฯบอกว่าถ้าเป็นอย่างนั้นให้ตนมาเป็นที่ปรึกษาก็ได้ โดยไม่ต้องทำอะไรมากมาย ตนก็ได้แจ้งไปว่าไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับการยื่นบัญชีทรัพย์สิน นายกฯเลยบอกว่าไม่ต้องเป็นที่ปรึกษานายกฯตามตำแหน่ง โดยที่ปรึกษามี 2 แบบ คือที่ปรึกษาโดยเจาะจงที่มี 5 คนและตั้งไปครบแล้วตนไม่ยอมเป็นอันนั้นแน่เพราะการเป็นข้าราชการการเมืองต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน แต่มีที่ปรึกษาอีกเยอะที่สามารถตั้งได้ อย่างที่นายกฯเคยตั้งนายกิติรัตน์ ณ ระนองและอีกหลายคน
ขอให้ช่วยงาน เหตุไม่มีคนดูก.ม.
อดีตรองนายกฯกล่าวอีกว่า นายกฯเลยบอกให้มาเป็นที่ปรึกษาแบบนี้ ที่ไม่มีห้องทำงาน ไม่มีรถประจำตำแหน่ง ไม่มีเงินประจำตำแหน่งมีแต่เบี้ยประชุม และได้ขอให้ช่วยทำในบางเรื่องที่รัฐบาลมีปัญหาซึ่งตนก็ได้ถามไปเหมือนกันว่าทุกวันนี้มีปัญหาอะไรก็เห็นทำได้ดีอยู่ แต่นายกฯบอกว่ามีปัญหาอยู่เหมือนกันเพราะบางทีเกิดความไม่แน่นอนขึ้นมา และในคณะรัฐมนตรีไม่มีนักกฎหมาย บางทีก็มีการทักท้วงกันระหว่างผู้ไม่รู้กับผู้ไม่รู้ หรือบางครั้งก็มีการทักท้วงจากคนข้างนอก เพราะฉะนั้นนายกฯเลยบอกว่าอาจจะส่งประเด็นที่มีการทักท้วงการให้ตนดูก่อนซึ่งตนก็บอกว่าหากเป็นเช่นนั้นก็ได้ ให้เป็นที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้วกันจะได้ไม่โลโปรไฟล์ และตนจะช่วยดูวาระคณะรัฐมนตรีที่สำคัญบางเรื่องซึ่งนายกฯบอกว่าว่าก็ได้
แนะให้หารองนายกฯช่วยดูกฎหมาย
นายวิษณุกล่าวต่อว่า ตอนหลังมีคนมาบอกตนว่าได้ไปคุยกับบรรดาหัวหน้าพรรคการเมืองทั้งหลายและเขาอยากให้ตนเข้ามานั่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย คอยยกมืออาจจะท้วงหรือแถมในระหว่างประชุมจะได้ไม่เสียเวลาไม่เช่นนั้นหากมีมติไปก่อนแล้วไปเช็กทีหลัง ตนก็ทักท้วงไปว่าในที่ประชุมมีกฤษฎีกา มีกระทรวงยุติธรรมอยู่ก็น่าจะช่วยได้ รัฐมนตรีหลายคนก็เป็นนักกฎหมาย เช่นนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและรมว.พลังงาน นายกฯบอกว่าบางเรื่องเป็นอย่างนั้นได้ แต่บางเรื่องรัฐบาลต้องการความเห็นที่กลางๆกรณีนายพีระพันธุ์ ถ้าพูดอะไรในขณะที่เป็นรมว.พลังงานด้วยมันจะลำบาก ตนจึงบอกว่าแล้วแต่นายกฯไปจัดการแต่ได้แจ้งไปว่าหากนายกฯสามารถหารองนายกฯที่ช่วยดูเรื่องนี้ได้เมื่อไหร่ตนก็จะขอกลับไปทำงานอย่างเดิม
‘ที่ปรึกษาของนายกฯ’พูดในครม.ได้
เมื่อถามว่าสรุปแล้วตำแหน่งที่รับเป็นที่ปรึกษาสลค. หรือที่ปรึกษาของนายกฯ นายวิษณุ กล่าวว่า ตอนแรกเป็นที่ปรึกษาสลค.แต่มีอุปสรรค์หลายอย่าง เช่นจ่ายเบี้ยประชุมไม่ได้ และไม่มีสิทธิเข้าไปดูเอกสารและเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี ตนก็เลยได้ยินว่าจะให้ตนเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ความจริงการเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีไม่มีปัญหาใครเข้าก็ได้ แต่ถ้าเป็นที่ปรึกษาสลค.จะพูดอะไรไม่ได้ แต่การเป็นที่ปรึกษาของนายกฯสามารถพูดได้
ย้ำไม่ใช่หัวขบวนไปต่อสู้คดี40สว.
เมื่อถามว่าการเข้ามาครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการที่ 40สว.ยื่นสอบคุณสมบัตินายกฯใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวอะไรเลย
เมื่อถามย้ำว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่นายกฯจะปรึกษาเรื่องนี้ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นไปได้ และคงต้องทำอยู่แล้ว เพราะเวลาเขามีอะไรเขาก็ต้องปรึกษา สมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯมีคดีความก็ส่งมาให้ตนดู แต่ยืนยันกรณี 40สว.ตนไม่เป็นหัวขบวน นายพิชิต ชื่นบาน อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นเจ้าของเรื่อง มีทนาย มีกฤฏฎีกา อัยการ ช่วยทำให้ แต่การที่มีหลายทีมอาจทำให้มีความคิดเห็นขัดกัน จึงให้ตนเข้าไปช่วยดูด้วยว่าแต่ละคนที่มีความเห็นคนละด้านจะนำมาผสมกลมกลืนอย่างไร
ชี้ช่องสู้คดี‘40สว.ยื่นถอดถอน
เมื่อถามว่าเท่าที่ดูคิดว่านายเศรษฐาจะสู้คดีได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่อยากตอบตอนนี้เพราะยังไม่เห็นคำร้องของ 40สว.ว่าเป็นอย่างไร แต่ถ้าจะพูดให้สื่อมีความหวังก็ขอตอบว่ามันก็มีหนทางที่จะสู้คดีอยู่ สู้แล้วชนะหรือไม่ไม่รู้ แต่เอาเป็นว่ามีโอกาสที่จะสู้คดีได้แต่จะฟังขึ้นหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แย้ม‘ยิ่งลักษณ์’กลับไทยไม่ยาก
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าการที่เข้ามาอาจต้องดูเรื่องที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯจะกลับมา และคดีของนายทักษิณด้วย นายวิษณุ กล่าวว่าไม่จริง เพราะความจริงการจะเอาน.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับมาไม่ยากเลย ซื้อตั๋วส่งไปให้แกก็กลับมาได้แล้ว ปัญหาคือมาแล้วต้องถูกจำคุก 5ปี ตามที่ศาลตัดสินไว้ แล้วตนจะไปช่วยอะไรตรงนี้ได้ หรือกรณีของนายทักษิณก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้ ที่ผ่านมาเพราะนายทักษิณ ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ แล้วตนจะไปช่วยอะไรได้เขาก็ต้องทำของเขาเอง
รับนายกฯโทรประสานเอง-ไม่ใช่ปลัดฉ.
เมื่อถามว่า การประสานให้เข้ามาทำงานกับรัฐบาลครั้งนี้ มีกระแสข่าวว่ามาจากขั้วอำนาจเดิมโดยเฉพาะจาก“ปลัด ฉ”นายวิษณุ กล่าวว่าไม่เกี่ยวเลย เมื่อถามว่ารู้จัดปลัดฉ.หรือไม่ นายวิษณุ ตอบว่าปลัดฉิ่ง(นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย)หรือ ตนรู้จักดีแต่ไม่ได้เป็นคนประสาน เพราะคนที่ประสานคือนายกฯ โดยนายกฯโทรศัพท์มาตั้งแต่อยู่ที่อิตาลีว่ากลับมาแล้วจะมาพบ แต่ไม่รู้ว่ามีใครไปบอกกับท่านหรือไม่ ที่สำคัญเรื่องนี้ไม่เคยติดต่อกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรีเพราะท่านไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ได้ติดต่อ
ไม่ติดใจ‘เศรษฐา’วิจารณ์ไร้ยางอาย
เมื่อถามอีกว่าหลังมีข่าวออกมา โซเชียลได้ไปขุดคำพูดของนายกฯที่กล่าวถึงนายวิษณุว่าไม่มียางอาย นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ติดใจอันนี้เหมือนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯก็เคยพูดถึงตนไว้ ตอนนั้นตนก็แลกไปคนละหมัดแล้ว เมื่อถามอีกว่านายเศรษฐาระบุว่าเป็นการว่าที่ความไม่ใช่ว่าที่คน นายวิษณุ กล่าวว่า“อันนี้จริง นายกฯก็พูดกับผมแบบนี้เช่นกัน นายกฯบอกว่าเราเอาความเป็นใหญ่ และผมรู้จักนายเศรษฐามาก่อน นานแล้ว”
ลั่นถ้าตระบัดสัตย์ก็เป็นรองนายกฯ
เมื่อถามอีกว่าทำไมถึงใจอ่อน เพราะคนในโซเชียลก็โจมตีว่าเป็นการตระบัดสัตย์ นายวิษณุ กล่าวว่า“ก็ผมไม่รับไง เพราะถ้าผมตระบัดสัตย์ผมก็เป็นรองนายกฯไปแล้ว ผมอุตส่าเขียนหนังสือ “ทะเลกับหาดทราย” วันหนึ่งทะเลซึ่งก็คือการเมืองมันคงขึ้นมาซัดทรายอยู่เรื่อยๆที่หมดดูเคยทายเอาไว้วันนี้ก็มาถึง แต่ให้เป็นรองนายกฯผมไม่เป็น เพราะเคยบอกแล้วว่าใครมาชวนจะเปิดสะดือให้ดูแล้วก็เปิดให้ดูจริงๆ และผมไม่หนักใจการวิจารณ์ในโซเชียล ระบอบประชาธิปไตยใครจะว่าอะไรก็ว่าไปข้อสำคัญ สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง บริสุทธิ์ ที่ไม่บริสุทธิ์ใจ ย่อมรู้อยู่แก่ตัวเอง“
เมื่อถามว่าถ้ายังไม่มีรองนายกฯด้านกฎหมายก็จะนั่งตำแหน่งนี้ยาวเลยใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ไปถึงจังหวะพอสมควร ถ้านานไปตนก็มีเหตุผลร้อยแปดที่จะบอกนายกฯ
เซ็นต์ตั้ง’วิษณุ’ที่ปรึกษาของนายกฯแล้ว
บ่ายวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 205/2567 เรื่อง การแต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติราชการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินและการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อให้คำปรึกษา เสนอความเห็นและประสานความร่วมมือกับหน่วยราชการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11(6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 จึงสมควรแต่งตั้ง นายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติราชการเพื่อให้คำปรึกษาและพิจารณาเสนอความเห็น หรือข้อเสนอแนะต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย
ให้อำนาจดูกม.-กลั่นกรองเรื่องเข้าครม.
โดยมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้ด้วย 1.ตรวจสอบและกลั่นกรองร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรี ร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายหรือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีร้องขอ 2.ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นทางกฎหมายแก่นายกรัฐมนตรี ตามที่มอบหมาย 3.เชิญเจ้าหน้าที่ส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมหรือให้ข้อมูลรายละเอียดหรือจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานได้ตามที่เห็นสมควร 4.ให้ข่าวสารในประเด็นที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความเข้าใจต่อสาธารณชนได้ตามความจำเป็นตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย 5.แต่งตั้งคณะทำงานหรืออนุกรรมการ เพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็นให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการ ข้าราชการพลเรือน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สนับสนุนการดำเนินการของที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติราชการ และคณะทำงาน หรืออนุกรรมการ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนดโดยให้เบิกจ่ายจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
‘สุทิน’เชื่อปมร้อนไม่ทำรัฐนาวาล่ม
นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหมกล่าวถึงเสถียรภาพของนายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ว่า คงไม่แปลก การเมืองในทุกรัฐบาล จะมีช่วงตื่นเต้น ช่วงสงบและช่วงที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ ตนคิดว่ารัฐบาลนายเศรษฐายังอยู่ในสถานการณ์ที่ปกติ คลื่นลมทะเลจะให้ราบเรียบคงไม่มี ก็จะมีคลื่นอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงกับเรือจมหรือเดินไม่ได้
เมื่อถามว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยโดนหนักทั้งตัวนายเศรษฐา และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ คดีม.112นายสุทิน กล่าวว่า เป็นกลไกของบ้านเมือง และกระบวนการยุติธรรมก็เดินหน้าไป แต่เชื่อว่าจะไม่เกิดอะไรรุนแรงต่อประเทศอีกทั้งยังมีกลไกทดแทนและขับเคลื่อนประเทศไปได้
เปลี่ยนตัวนายกฯอย่าคิดมากไป
ส่วนที่มีการวิเคราะห์กันว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนตัวนายกฯนั้นนายสุทินกล่าวว่า คนคิดมากไป เพราะเหตุการณ์ในอดีตทำให้คิดมากได้ทุกเรื่องก็คิดและวิตกกันไป หากมองในแง่ร้ายซึ่งมีองค์ประกอบชวนให้คิด แต่หากมองในแง่ดี ก็เป็นเรื่องปกติส่วนหากนายกฯไม่รอดคดีแคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย2 คน จะต้องเตรียมพร้อมซึ่งเป็นไปตามกลไกอยู่แล้วหากเป็นเช่นนั้นจริงเพราะในรัฐธรรมนูญเขียนเอาไว้ให้ระบุหลายคน
ชี้ดึงวิษณุช่วยงาน-ปัดเคลียร์คดีใคร
เมื่อถามว่าการดึงนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาของนายกฯจะสามารถช่วยเคลียร์คดีต่างๆได้หรือไม่ นายสุทินตอบว่า ไม่น่า จะเป็นเป้าหมายเข้ามาเคลียร์คดีให้ใคร เพราะปัจจุบันรัฐบาล มีวาระข้อกฎหมายจำนวนมากที่กำลังผลักดันของทุกกระทรวง ทบวง กรม จำเป็นต้องมีนักกฎหมายที่มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศ
นายสุทิน ยืนยันว่ายังไม่มีกระแสต่อต้านนายวิษณุจากคนในพรรคเพื่อไทยซึ่งเขาอยากให้รัฐบาลมั่นคงและแก้ปัญหาได้ ผลักดันนโยบายต่างๆจนสำเร็จดังนั้นจะมีแมวดำหรือแมวขาว เราไม่สน สามารถจับหนูได้ ยังเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆได้ เพราะเรามีประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมาสมควร
ก.ก.ชี้เป็นสิทธินายกฯตั้ง‘วิษณุ’ที่ปรึกษาฯ.
ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นายชัยธวัชระบุว่า เป็นสิทธิของนายกฯ จะเหมาะสมหรือไม่ก็แล้วแต่มุมมองส่วนการแต่งตั้งนายวิษณุมาเพื่อจะมาช่วยคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่าน่าจะคนละส่วนกัน นายวิษณุไม่ได้มาเป็นทนายความต่อสู้คดีเข้าใจว่านายกฯตั้งใจจะให้มาช่วยเรื่องกฎหมายฝ่ายบริหารมากกว่าอันที่จริงก็ทราบมาก่อนว่าคุณวิษณุสุขภาพค่อนข้างที่จำเป็นต้องใช้เวลารักษาตัวเยอะ
ส่วนความคืบหน้าในการต่อสู้คดียุบพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช กล่าวว่าอยู่ในช่วงยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหากับศาลรัฐธรรมนูญ หากยื่นเสร็จประมาณวันที่ 4 มิ.ย.จะมีการแถลงต่อสาธารณชน
‘เฉลิมชัย’ลั่นหักปากกาโพลกวาดสส.
ที่รัฐสภา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวถึงการระบุว่าจะแหกปากกาโพลที่ระบุว่าประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.น้อยลงว่าจากการลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่ผ่านมา เป็นการทำพื้นที่ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งจนถึงตอนนี้ได้ลงไปพูดคุยกับประชาชนและผู้นำศาสนารวมถึงอีกหลากหลายกลุ่ม ตนยืนยันคำเดิมว่า มั่นใจว่าประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.มากกว่าโพลที่ออกมา
เมื่อถามว่าเป็นการลงพื้นที่ที่มั่นใจก่อนหรือไม่นั้นนายเฉลิมชัย กล่าวว่าตนก็จะไปทุกพื้นที่ทั่วประเทศ แต่เริ่มลงพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และจ.สงขลา ก่อน หลังจากนี้จะไปจังหวัดอื่นๆในภาคใต้ รวมไปถึงภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคเหนือ ด้วย และการลงพื้นที่ของตนไปพื้นที่ไหนก็ต้องมั่นใจว่าจะสู้ได้
ย้ำ‘ประเทศไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้’
เมื่อถามถึงสถานการณ์การเมืองตอนนี้หลังจากที่นายกรัฐมนตรีถูกร้องเรียนให้ศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนออกจากตำแหน่งนั้น นายเฉลิมชัยตอบว่าต้องรอคำพิพากษาจากศาลรัฐธรรมนูญว่าจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร อย่าไปคาดเดาล่วงหน้าซึ่งได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ หากสมมติว่าเป็นไปในทางร้ายก็คงจะมีการพูดคุยกันใหม่ในรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นเพราะประเทศไทยอย่างไรก็ต้องมีรัฐบาล มีนายกฯมาบริหาร แต่ถ้าสมมติว่าเป็นไปในทางที่ดีก็คงจะอยู่ที่ผู้บริหารว่าจะตัดสินใจอย่างไรส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่ถูกอัยการสูงสุดสั่งฟ้องในคดีมาตรา 112 นั้น ก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่มีอะไรแปลก
เมื่อถามย้ำว่าคิดว่ากรณีของนายทักษิณจะเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินคดีมาตรา112สำหรับบุคคลอื่นด้วยหรือไม่นั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า นายทักษิณถูกสั่งฟ้องจากอัยการสูงสุดก่อนที่จะเดินทางเข้าประเทศซึ่งโดยธรรมเนียมปฏิบัติและวิธีการต่างๆ ตนคาดการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นว่าอัยการสูงสุดคนปัจจุบันจะต้องสั่งฟ้อง เพราะท่านไม่พลิกคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุดเพราะเป็นเรื่องของหลักกฎหมาย แต่ผลจะเป็นอย่างไรก็อยู่ที่ศาลวินิจฉัย เมื่อถามว่าในสถานการณ์ตอนนี้มีการประเมินหรือจะมีปัจจัยอะไรที่จะต้องเปลี่ยนรัฐบาล หรือจะมีการจับขั้วจับมือกันใหม่หรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า“ประเทศไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้”
ยันปชป.เลือกได้ปัดอยากเป็นรบ.ย่างเดียว
เมื่อถามย้ำว่า พรรคปชป.พร้อมจะจับมือทุกพรรค หรือเลือกเฉพาะพรรค นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ไม่ เราก็เลือก อย่าคิดว่าเราอยากเป็นรัฐบาลอย่างเดียว ไม่ใช่ ตนอยากฝากไปบอกถึงประชาชน และนักวิเคราะห์ข่าวทั้งหลายว่าให้เลิกคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคสำรองได้แล้ว แต่การที่เป็นพรรคการเมืองจะต้องพร้อมทั้งการเป็นรัฐบาลและเป็นพรรคฝ่ายค้าน ไม่มีพรรคไหนที่ประกาศออกมาแล้วจะต้องเป็นรัฐบาลอย่างเดียวแล้วได้เป็น หรือตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นฝ่ายค้านอย่างเดียว ซึ่งไม่ใช่แค่ประเทศไทย ในโลกก็ไม่มี
ฝ่ายค้านล็อคเป้าอภิปรายถล่มงบฯ68
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคประชาธิปัตย์ยังคงทำงานผลึกกันแน่นหรือไม่นั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า วันนี้เราทำหน้าที่ฝ่ายค้านด้วยกัน แต่เรื่องของการทำงานอื่นๆ อยู่ที่กับอุดมการณ์ ส่วนไหนที่ไปด้วยกันได้เราก็ทำงานร่วมกันได้กับได้ทุกพรรค ส่วนไหนที่ไปกันไม่ได้ เราก็ทำงานกันไม่ได้
สำหรับการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ที่จะพิจารณาในวันที่ 19 - 21 มิ.ย.นั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านก็ได้มีการพูดคุยกันแล้ว ในส่วนของคนที่จะไปเป็นกรรมาธิการงบประมาณก็จะต้องมีหน้าที่อยู่ประชุมตลอด จะต้องไม่ติดภารกิจ และต้องมีความรู้และมีเวลาจริงๆ
‘ราเมศ’ไขก๊อกสมาชิก-โฆษกปชป.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่28พ.ค.2567 นายราเมศรัตนเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์และผู้เชี่ยวชาญประจำตัวนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์โดยไม่ได้ระบุสาเหตุแจ้งเพียงขอประสงค์ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่28พ.ค.2567โดยทราบจากคนใกล้ชิดว่านายราเมศได้เข้าบรรพชาอุปสมบทที่วัดแห่งหนึ่งในจ.นครปฐมโดยไม่มีกำหนดลาสิขาบท ทั้งนี้ การลาออกจากสมาชิกพรรคปชป.ของนายราเมศ ได้แจ้งต่อผู้ใหญ่ที่นับถือเพียงไม่กี่คน อาทิ นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรค ขณะที่คนในพรรคและทีมงานโฆษกเองที่นายราเมศกำกับดูแลก็ไม่ทราบเรื่อง แต่มีการส่งไลน์แจ้งให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค ได้รับทราบในระหว่างเดินทางไปเยี่ยมสมาชิกพรรคใน3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างวันที่27-29 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยนายเฉลิมชัยกล่าวเพียงสั้นๆว่า “เดี๋ยวเขาก็กลับมา”
ทิ้งปริศนาปมขัดแย้งรุนแรงในพรรค
ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อทางโทรศัพท์มือถือและไลน์ส่วนตัวของนายราเมศ แต่ก็ปิดเครื่องตลอด3วันที่ผ่านมาซึ่งที่ผ่านมานายราเมศถือเป็นโฆษกพรรคที่ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของผู้บริหารพรรคชุดใหม่ทำหน้าที่ชี้แจงปะ ฉะ ดะ ตอบโต้คนในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยกรณีที่พาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์และคนในพรรคอย่างถึงพริกถึงขิงโดยเฉพาะประเด็นข้อกฎหมายและความไม่ชอบมาพากลในการยกร่างกฎหมายฉบับต่างๆ
ขณะที่รองโฆษกพรรค4 คนซึ่งเป็นสส.2คนและสมาชิกพรรค2คนนั้นยังถือว่าเป็นมือใหม่ที่ยังอ่อนพรรษาตีความทางการเมืองไม่แตก การขาดนายราเมศครั้งนี้จึงถือเป็นการขาดกำลังสำคัญในการเป็นกระบอกเสียงของพรรคในยุคที่มีการประกาศจะฟื้นศรัทธาด้วยการทำให้“เลือดเก่าไหลกลับ”จึงต้องจับตามองว่านายเฉลิมชัยจะเอาใครมานั่งตำแหน่งโฆษกแทน ส่วนสาเหตุที่คาดว่าทำให้นายราเมศรตัดสินใจลาออก บุคคลใกล้ชิดมองว่าน่าจะเกิดจากความขัดแย้งกับผู้มีอำนาจบริหารจัดการภายในพรรคบางคนรวมถึงการถูกบีบให้ช่วยทำคดีของผู้บริหารระดับสำคัญในพรรคบางคนด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี