"ดร.ประสาร"อดีตผู้ว่า ธปท.แนะ"เศรษฐา"ห่วงแจกเงินหมื่นดิจิทัลไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ 5% เห็นต่างปั๊มหัวใจไม่ขึ้น แต่จะแผ่วแล้วไปเลยหรือไม่ แถมกระทบเสถียรภาพและความเชื่อมั่นเศรษฐกิจประเทศ เพราะหากเกิดภาวะฉุกเฉินไร้อาวุธ พร้อมแนะเล็งลดอัตราดอกเบี้ยลง ให้ดูตัวอย่างสหรัฐดอกเบี้ยสูงกว่าไทย 3% และแนวโน้มตรึงยาวไปถึงปลายปี 67 ชี้ถอยสักก้าวประชาชนคงไม่ว่า แต่จะเห็นเป็นผู้ใหญ่รับฟัง
ในรายการคุยนอกกรอบกับ"สิทธิชัย หยุ่น" คุยกับ"ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล "อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงความเห็นต่างระหว่างรัฐบาลกับแบงค์ชาติต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเรื่องดิจิตอล wallet ความกดดันในการลดอัตราดอกเบี้ยกับแนวทางการทำงานสอดประสานกันระหว่าง 2 หน่วยงานและประโยชน์ต่อประเทศชาติ โดยเผยแพร่ทางThai PBS Podcast เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา มีประเด็นที่น่าสนใจ
โดยดร.ประสาร พูดถึงจุดสมดุลระหว่างรัฐบาลกับแบงค์ชาติ ในประเด็นร้อนดิจิทัลวอลเล็ตกับอัตราดอกเบี้ย ว่า กรณีที่รัฐบาลจะแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้กับประชาชน 50 ล้านคนนั้น ไม่เห็นด้วยว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศได้อย่างไร ถ้างบประมาณปี 67 ถูกบีบ ส่วนงบปี 68 รัฐบาลก็จะต้องขยายเพดานเงินกู้ ซึ่งก็แปลว่ารัฐบาลต้องกู้เงินในตลาดการเงินเพิ่ม ทำให้ต้องไปแย่งเงินจากภาคเอกชน นั้นก็จะทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ซึ่งจะสวนทางกับความต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ต่อกรณีนี้ได้มีการพูดคุยกันระหว่างอดีตผู้ว่าธปท.มีความเห็นว่า ขณะนี้กระเป๋าข้างซ้ายข้างขวาเต็มไปด้วยบัญชีหนี้สิน และถ้าเพิ่มหนี้สินอีก 1.44 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้เท่ากับ 10% ของ GDP ซึ่งจะทำให้หลังหัก ก็จะทำให้คนไม่เชื่อนโยบายการเงินของเรา เพราะจะไม่มีน้ำยา ขาดอาวุธ ถ้าหากมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปแทรกแซงกำหนดอัตราดอกเบี้ย
ดร.ประสาน กล่าวย้ำว่า สิ่งสำคัญคือการปกครองเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศ โดยอย่าทำอะไรในสิ่งซึ่งชาวบ้านหรือชาวโลกเขาเห็นว่า ไม่สมเหตุสมผล เพราะจะทำให้เสียเสถียรภาพทางเงินและความเขื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของประเทศ
"แผนที่รัฐบาลบอกว่าแจกเงินหมื่นดิจิทัล จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศโตขึ้น 5% ได้ภายใน 4 ปีนั้น เวลาพูดถึง 5% หมายถึงว่าช่วยปั๊มหัวใจได้ แล้วหลังจากนั้นหัวใจจะแผ่วแล้วหยุดไปหรือเปล่า หรือแข็งแรง 5% ต่อไปอีกหลายปี นอกจากนี้การกันเงินแสนล้านกว่าออกจากงบปี 67 ซึ่งก็จะทำให้ไปขาดในส่วนอื่นแสนล้านบาทแทน นอกจากนี้การนำไปใช้เพื่ออุปโภคบริโภคนั้นยิ่งเป็นการทำให้เงินหมด เนื่องจากสายป่านห่วงโซ่ในระบบเศรษฐกิจมันสั้น ไม่เกิดการผลิต การลงทุนด้านอื่นๆ แต่เห็นหากเป็นการนำเงินมาช่วยเหลือเฉพาะในส่วนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดซึ่งรัฐบาลที่แล้วอาจจะช่วยได้ไม่ครบ"
ดร.ประสาร ยังกล่าวถึงเงื่อนไขของการจำกัดผู้รับเงินเช่นประเภทร้านค้าที่ทำให้คนเกิดความสงสัยเรื่องความเป็นธรรมและโปร่งใส นอกจากนี้การนำเงินมาใช้จะทำให้เกิดปัญหาของการรับซื้อสิทธิ นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีบลอกเชน สกุลเงิน token มาใช้นั้น เป็นที่รู้กันว่าเป็นเทคโนโลยีต่ำสุด ซึ่งการใช้จะต้องคำนวณ transaction ใช้เวลานานมากกว่าแอปธนาคารในมือถือ ทั้งนี้ถ้าหากรัฐบาลจะถอยสักก้าวหรือจะปรับก็คิดว่าสังคมไทยก็ไม่ได้ว่า แต่อาจมองไปในทางดีว่าเป็นผู้ใหญ่ เพราะฟังความเห็นแล้วเอามาปรับ
ส่วนจุดสมดุลของธนาคารแห่งประเทศไทยกับรัฐบาลที่ต้องการให้ลดอัตราดอกเบี้ยเหมือนยืนกันคนละฟากนั้น ดร.ประสาร กล่าวว่า มีเรื่องดีๆสำหรับประเทศที่ธนาคารกลาง หรือธปท.กับรัฐบาลควรจะช่วยกันร่วมมือกันมากกว่าที่ผ่านมา เพราะเรากำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย อย่างไรก็ตาม ดอกเบี้ยของไทยในขณะนี้ต่ำกว่าสหรัฐอเมริกาถึง 3% และจะยังคงอัตราดอกเบี้ยส่งไว้เช่นนี้จนถึงกันยายนหรือปลายปี รวมทั้งอินโดนีเซียก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับสหรัฐ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี