"ทวี" แจงงบใช้ 6 แสน นำตัว "แป้งนาโหนด"กลับไทยดำเนินคดี ถูกกว่าใช้เครื่องพาณิชย์ เผย ตร.หารือราชทัณฑ์ ถกนำตัวเข้าส่วนกลางได้หรือไม่
วันที่ 3 มิถุนายน 2567 เวลา 08.00 น.ที่ท้องสนามหลวง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังรายงานนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ถึงการรับตัวนายชวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด ผู้ต้องหาที่หลบหนีการจับกุมกลับประเทศไทย ว่า ตอนนี้การประสานงานในการรับตัวนายชวลิตกับทางประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งทางประเทศอินโดนีเซียแจ้งว่าสามารถรับตัวได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว แต่บังเอิญขาดเรื่องเอกสาร ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นความเข้มแข็งขององค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรือ (อินเตอร์โปล) นอกจากนี้ ทางประเทศอินโดนีเซียแจ้งว่าสามารถ นำตัวนายชวลิตมาส่งให้ประเทศไทยได้ตามระบบกฎหมายของอินโดนีเซีย ดังนั้นวันนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) จะมีการประชุมว่าจะใช้ช่องทางไหนได้ แต่ในหลักการคือวันที่ 4 มิ.ย.นี้ นายชวลิตควรจะมาถึงเมืองไทยแล้ว และเนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นกรณีแรกที่หนีการควบคุมจากเรือนจำที่จ.นครศรีธรรมราช ดังนั้น โดยหลักการเมื่อตำรวจสอบสวนเสร็จ และแจ้งข้อหาแล้วจะต้องนำไปขัง ณ ศาล ที่เกิดเหตุ เพราะขณะนี้สำนวนยังไม่ได้โอนมา และหลังจากนั้นจะเป็นเรื่องของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จะพิจารณาว่าจะนำตัวนายชวลิตควบคุมตัวไว้ ณ ที่ใด ตนจึงขอให้ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)และกรมราชทัณฑ์ ไปประชุมกัน เพื่อให้มีประสิทธิภาพและไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาอีก
เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่หากนายชวลิตกลับไปจ.นครศรีธรรมราชแล้วจะเกิดปัญหาอะไรตามมาหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ประเมินดู ซึ่งจากที่ตนลงพื้นที่ไปจ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมาทราบว่าเจ้าหน้าที่มีการประชุมกัน ว่าเมื่อนายชวลิตเดินทางมาถึงประเทศไทยจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง เพื่อให้การดำเนินการตามกฏหมายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งเป็นเรื่องของการนำตัวคนผิดมาฟ้องและลงโทษ
เมื่อถามต่อว่ามีความเป็นไปได้ใช่หรือไม่ ที่จะนำตัวนายชวลิตมาดำเนินคดีในกรุงเทพมหานครโดยไม่ไปที่จ. นครศรีธรรมราชตามที่นายชวลิตขอร้อง พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตอนนี้คดียังไม่ได้โอนมาที่ส่วนกลาง ดังนั้นจะต้องมีการสอบสวนที่จ.นครศรีธรรมราชและจ.พัทลุงก่อน ซึ่งที่จ.พัทลุงจะต้องมีการอายัดตัว แต่จากการฝากขังครั้งที่ 1 ครบ 48 ชั่วโมงแล้วเมื่อศาลอนุมัติฝากขัง ศาลฎีกามีระเบียบว่า สามารถฝากขังครั้งต่อไปให้สามารถปรากฏตัวทางออนไลน์ได้ ก็อาจจะนำไปขังที่อื่น
เมื่อถามอีกว่าประเด็นที่จะนำตัวมา ส่วนกลางที่กรุงเทพฯมีความเป็นไปได้มากกว่าใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เดิมเป็นความคิดของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ที่อยากนำตัวมาไว้ที่กรุงเทพฯ แต่ ตนก็บอกว่าต้องประชุมกันให้ดี ทั้งนี้ตนอยากจะบอกว่าการนำตัวนายชวลิตกลับมาประเทศไทยมีบางกระแสที่บอกว่ามีการใช้งบประมาณที่ฟุ่มเฟือย ซึ่งตนขอชี้แจงว่าทางเรามีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เพราะถ้ามาเครื่องบินพาณิชย์ ในเงื่อนไขเดิมจะแพงกว่าการที่มากับเครื่องบินของกองทัพอากาศ เพราะคณะของอินโดนีเซียที่มาส่งก็หลายคน
เมื่อถามย้ำว่าสามารถเปิดเผยตัวเลขค่าใช้จ่ายในครั้งนี้ว่ามีเท่าไหร่ได้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่าเท่าที่ปปส. ประมาณ 600,000 บาท ทั้งค่าน้ำมันและค่าจอดเครื่องบิน อย่างไรก็ตามย้ำว่าเราพิจารณาแนวทางที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องปฏิบัติตามกฏหมายโดยนำตัวผู้กระทำความผิดมาฟ้องร้อง และนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ซึ่งเรื่องนี้ความจริงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องน่าดีใจ มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิด แต่เมื่อมันเกิดแล้วเราก็ต้องไปตรวจสอบ ว่ามันเป็นอย่างไร หนีไปอย่างไร หรือมีความเกี่ยวข้องกับใคร มีผู้บงการ ผู้ใช้ หรือผู้ช่วยเหลืออย่างไร และกรณีที่นายชวลิตออกมา ร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากสื่อ แม้ว่าจะไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ แต่บุคคลที่เขาอ้างอิงถ้าเราไปสอบสวนแล้วมีมีความผิด ก็จะเป็นหลักฐานใหม่ ฉะนั้นก็ขอให้ทำหน้าที่ตรงนี้ก็แล้วกัน
เมื่อถามต่อว่าตอนนี้มีการหารือถึงสถานที่ที่จะนำตัวนายชวลิตไปคุมขังหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องนี้ขอให้ไปถามอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และในการไปรับตัวนายชวลิตตนจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและกระทรวงยุติธรรม จะจัดทีมไปรับตัว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี