"เครือข่ายกัญชา"จ่อชุมนุมยาวหน้าทำเนียบฯ เรียกร้องรัฐบาลออก พ.ร.บ.กัญชา มาควบคุม แทนนำกลับไปเป็นยาเสพติด ลั่นต้องใช้ข้อเท็จจริงกำหนดอนาคตกัญชาไทยเพื่อประโยชน์ของประชาชนมากกว่าเอื้อพวกพ้อง ชี้ถ้าทำไม่ได้"เศรษฐา"ก็ไม่ควรเป็นนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2567 เวลา 13.00 น.เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย และภาคีชาวกัญชาประเทศไทย นำโดย นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายฯ นายอัครเดช ฉากจินดา แกนนำเครือข่ายฯ นายอร่าม ลิ้มสกุล หรือลุงดำ ประธานวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรเกาะเต่า นายสนธยา แซ่โย้ หรือหลวงสน หมอยาจากเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี มล.รุ่งคุณ กิติยากร นายสหพร ทิพย์จำนงค์ นางสาวช่อขวัญ คิตตี้ ช่อผกา และตัวแทนเครือข่ายกัญชาทั่วประเทศราว 200 คนได้รวมตัวกัน ณ บริเวณ องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อแสดงจุดยืนเนื่องในวันกัญชาไทย ที่จะขอทวงสิทธิกัญชาคืนสู่ประชาชน และคัดค้านการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด โดยมีการแสดงแผ่นป้ายข้อความ แสดงถึงประวัติศาสตร์กัญชาที่ถูกค้นพบและใช้กันมากว่า 20,000 ปีก่อนคริสตกาล และใช้กันต่อเนื่องเรื่อยมาจากหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย และผลการวิจัย เปรียบเทียบกับ สุรา บุหรี่ ถึงผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ตลอดจนแผ่นป้ายคัดค้านการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เนื่องจากมีชาวต่างชาติสนใจเข้าร่วมด้วย
จากนั้นได้มีการตั้งวงเสวนา โดยสลับสับเปลี่ยนแกนนำขึ้นกล่าว โดยนายประสิทธิ์ชัย ได้ยืนยันว่า การรวมตัวกันในวันนี้เป็นการเริ่มต้น และเครือข่ายกัญชาจากทั่วประเทศจะทยอยมาสมทบ นอกจากนี้ข่าวการที่รัฐบาลประกาศจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดนั้นได้รับความสนใจจากชาวโลกเป็นจำนวนมาก เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยยืนยันว่าเราต้องการทำกัญชาให้อยู่ภายใต้กฎหมาย อย่าผลักใสเราลงสู่ใต้ดินเหมือนหลายสิบปีที่ผ่านมา หมอยาหลายที่ทำยาแจกคนป่วย เราต้องยกต้นกัญชาหนีตำรวจ เรามาวันนี้เพื่อการกฎหมายไม่ใช่หลบหนีกฎหมาย เราต้องการกฎหมายปกติควบคุมกัญชา อย่าเอากัญชาไปขังคุกยาเสพติดอีก
ขณะที่ 2 หมอยาชื่อดัง ลุงดำ และหลวงสน ต่างยืนยันว่า กัญชาคือยาดี ราคาถูก ปลูกเองได้ จากประสบการณ์ใช้กัญชารักษาผู้ป่วยหายนับหมื่นราย ทั้งโรคเบาหวาน ความดัน และใช้กับผู้ป่วยมะเร็งที่แพ้เคมีบำบัด ตลอดจนโรคอื่นๆ อีกมากมาย มีผลการรักษาชัดเจน เป็นเสมือนทองคำเขียว ที่ควรได้รับการสนับสนุน และมี พรบ.มาควบคุมให้ใช้เป็นที่เป็นทาง
ด้าน มล.รุ่งคุณ ได้หยิบยกกรณี ที่กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า มีผู้ป่วยจิตเวชเพิ่มขึ้นเนื่องจากกัญชา โดยได้นำผลการวิจัยที่พบว่าผู้ป่วยจิตเวชเพิ่มขึ้นเพราะวัคซีนโควิด ไม่ใช่เพราะกัญชา จึงอยากให้ทาง สธ.ได้อ้างอิงที่มาอย่างถูกต้องชัดเจน ไม่เช่นนั้นอาจจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นได้
กระทั่งเวลา 15.30 น. เครือข่ายฯ ได้เคลื่อนขบวนจากยูเอ็น มายังบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล และได้อ่านแถลงการณ์ โดยมีข้อเสนอร่วมกันว่า
สังคมตกผลึกร่วมกันว่ากัญชานั้นต้องควบคุม เราขอให้รัฐบาลใช้ พ.ร.บ.กัญชาควบคุมเพราะมีประสิทธิภาพมากกว่า และคัดค้านการควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติด หากรัฐบาลตั้งธงว่ากัญชาต้องเป็นยาเสพติดจะต้องใช้กระบวนการวิจัยสาธารณะตัดสิน เราขอให้ตั้งกรรมการร่วมเพื่อจัดทำข้อมูลเปรียบเทียบ และสำรวจวิจัยกัญชาในรอบ 2 ปี ที่ผ่านมา เพื่อใช้ข้อเท็จจริงจากการวิจัยมากำหนดว่ากัญชาควรควบคุมด้วยกฎหมายใดจึงจะก่อประโยชน์มากกว่า เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีดังนี้
1.ไม่มีใครถกเถียงว่ากัญชาต้องควบคุมแต่จะควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติดหรือ พ.ร.บ.กัญชา ให้ใช้ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์เป็นข้อกำหนดสถานะนายกรัฐมนตรีพึงตระหนักว่า การที่พรรคของท่านอยากเอากัญชากลับสู่ยาเสพติดเพราะท้ายที่สุดแล้วผู้ที่ผลิตกัญชาจะเหลือเพียงกลุ่มทุนใหญ่ และเมื่อพูดถึงกัญชาทางการแพทย์มันคือกัญชาที่อยู่ในมือของหมอแผนปัจจุบันและบริษัทยา ประชาชนจะไม่ได้ใช้กัญชาหรืออาจใช้ได้แต่ต้องจ่ายในราคาสูงมาก ข้อดีอย่างเดียวของการนำกัญชาสู่ยาเสพติดคือคนของพวกท่านจะเข้าควบคุมกัญชาที่มีมูลค่านับแสนล้าน
2.ขอให้ใช้ข้อมูลวิทยาศาสตร์จำนวน 2 ชุดเพื่อนำมากำหนดสถานะของกัญชา ชุดที่ 1 ข้อมูลเปรียบเทียบในประเด็นข้อดีข้อเสีย คุณสมบัติในการก่อโรคและคุณสมบัติในการรักษาโรค ระหว่าง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่และกัญชา หากปรากฎว่าคุณสมบัติทั้งสามประการกัญชาร้ายแรงกว่าสุราและบุหรี่ รัฐบาลสามารถนำกัญชากลับสู่ยาเสพติดแต่หากผลการวิจัยปรากฎว่ากัญชาไม่ได้ร้ายไปกว่าแต่กลับเป้นยารักษาโรคให้กับคนยากจนและคนที่หมอไม่รับรักษาจนหายจากโรคมานับไม่ถ้วน ก็ต้องให้กัญชาควบคุมโดยกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ
ชุดที่ 2 ให้ตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาคประชาชน ภาครัฐ ภาควิชาการ เพื่อสำรวจวิจัยชุดข้อมูลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงในมิติต่างๆของพืชกัญชานับตั้งแต่การปลดล็อคเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 หากการเปลี่ยนแปลงนำไปสู่ทางร้ายแก่สังคมจนไม่อาจแก้ไข รัฐบาลสามารถนำกัญชากลับสู่ยาเสพติดแต่หากว่าผลการสำรวจวิจัย กัญชาก่อประโยชน์การรักษาชีวิตคนมามากมายและกิจการอื่นใดที่เกี่ยวกับกัญชาไม่ได้ส่งผลร้ายจนเกินจะแก้ไข ก็ให้นำกัญชาไปควบคุมโดยกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติ
ข้อเสนอทั้งสองประการเป็นข้อเสนอที่เป็นหลักการพื้นฐานของการกำหนดนโยบายสาธารณะ หากนายกรัฐมนตรียังตระหนักว่าตนเองกำลังเป็นผู้นำรัฐบาลก็จงหันกลับมาใช้กระบวนการที่ถูกต้องในการกำหนดสถานะของกัญชาแต่หากนายกรัฐมนตรีคิดว่าตัวเองเป็นคนของพรรคต้องทำเพื่อประโยชน์ของคนในพรรคและบริวารว่านเครือ ท่านก็ไม่ควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไปและเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยจะปักหลักที่ทำเนียบรัฐบาลจนกว่านายกรัฐมนตรีจะยินยอมให้ใช้กฎหมายปกติในการควบคุมกัญชา
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี