แฉฮั้วสนั่น!
‘สว.สมชาย’ประจานเลือกสว.
ซ้อมกาบัตร-พกโพยเข้าคูหา
“สว.สมชาย”ประจานคัดเลือกสว.ระดับอำเภอฮั้วสนั่น กระบวนการขนคนจ้างวานสมัครเข้าไปเลือกผู้สมัครทำสำเร็จแล้ว แฉต่อมีหลักฐานซ้อมกาบัตรก่อนวันจริง-พกโพยเข้าคูหา – 2 สส.พรรคใหญ่โซนอีสานจัดเลี้ยงผู้สมัครก่อนวันเลือก ตั้งคำถามกกต.ทำหน้าที่ตรวจสอบแล้วหรือไม่ ถ้าไล่สแกนจริงเจอทุจริตแน่ ด้าน “สว.เสรี” ชี้ศาลฯวินิจฉัยขัดรธน.เป็นอุบัติเหตุเดียวทำการเลือกสว.ครั้งนี้ต้องหยุด จี้คนมีหลักฐานฮั้วส่งให้กกต.ฟัน แค่ความเห็นตัดสินถูก-ผิดไม่ได้
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2567 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งว่า ตามที่คณะกรรมการและผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับอำเภอ เสร็จแล้ว เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอจะจัดทำประกาศผลการนับคะแนน โดยให้ผู้ได้รับคะแนนสูงสุด 3 ลำดับแรกของแต่ละกลุ่ม เป็นผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอสำหรับกลุ่มนั้น เพื่อไปเลือกระดับจังหวัดต่อไป และประกาศบัญชีรายชื่อผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอ 2 ชุด โดยส่งให้ผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด ปิดประกาศที่ที่ว่าการอำเภอ และเผยแพร่ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งจะเผยแพร่ในแอปพลิเคชันสมาร์ทโหวต (Smart Vote) และเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ก่อนวันเลือกระดับจังหวัดไม่น้อยกว่า 3 วัน โดยผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอหรือผู้ที่ผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอมอบหมาย จัดทำเอกสารหรือข้อมูลแนะนำตัวของแต่ละกลุ่มที่อยู่ในเขตอำเภอของตน จากระบบบริหารจัดการการเลือก พร้อมแจ้งให้ผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอมารับเอกสาร เพื่อนำมาในวันเลือกระดับจังหวัด
เปิดยอด23,645คนเข้าชิงระดับจว.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเลือก สว.ระดับอำเภอเสร็จแล้ว สำนักทะเบียน กระทรวงมหาดไทยรายงานสรุปการเลือก สว.ระดับอำเภอว่า ในจำนวนผู้สมัครที่คุณสมบัติผ่านข้อมูลถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 46,206 ราย เป็นชาย 26,727 ราย เป็นหญิง 19,479 ราย และจำนวนผู้มีสิทธิเลือก หลังเพิ่มชื่อ ถอนชื่อแล้ว 45,753 ราย เป็นชาย 26,436 ราย เป็นหญิง 19,317 ราย ส่วนจำนวนผู้มารายงานตัวรอบแรก 43,818 ราย เป็นชาย 25,459 ราย เป็นหญิง 18,359 ราย และจำนวนผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอ รอบแรก 32,190 ราย เป็นชาย 19,754 ราย เป็นหญิง 12,436 ราย สำหรับจำนวนผู้ได้รับเลือกรอบสองระดับอำเภอเพื่อเข้าสู่ระดับจังหวัดมี 23,645 ราย เป็นชาย 15,077 ราย เป็นหญิง 8,568 ราย และเมื่อแยกจำนวนผู้ได้รับเลือกจากระดับอำเภอไประดับจังหวัด พบว่า
กลุ่มที่ 1 กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง มีจำนวน 1,332 คน กลุ่มที่ 2 กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมมีจำนวน 1,171 คน กลุ่มที่ 3 กลุ่มการศึกษา มีจำนวน 1,975 คน กลุ่มที่ 4 กลุ่มการสาธารณสุข มีจำนวน 1,024 คน กลุ่มที่ 5 กลุ่มอาชีพทำนาปลูกพืชล้มลุกหรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน มีจำนวน 1,460 คน กลุ่มที่ 6 กลุ่มอาชีพทำสวนป่าไม้ปศุสัตว์ประมงหรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน มีจำนวน 1,565 คน กลุ่มที่ 7 กลุ่มพนักงานหรือลูกจ้างของบุคคลซึ่งไม่ใช่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ผู้ใช้แรงงานหรืออื่นๆในทำนองเดียวกัน มีจำนวน 1,261 คน กลุ่มที่ 8 กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านสิ่งแวดล้อมผังเมืองอสังหาริมทรัพย์และสาธารณูปโภค ทรัพยากรธรรมชาติพลังงานหรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน มีจำนวน 765 คน กลุ่มที่ 9 กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมตามกฏหมายว่าด้วยการนั้น มีจำนวน 1,057 คน กลุ่มที่ 10 กลุ่มผู้ประกอบกิจการอื่นนอกเหนือจากกิจการตามกลุ่ม 9 มีจำนวน 808 คน
กลุ่มที่ 11 กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจหรืออาชีพด้านการท่องเที่ยว มีจำนวน 707 คน กลุ่มที่ 12 กลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรม มีจำนวน 443 คน กลุ่มที่ 13 กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการสื่อสารการพัฒนานวัตกรรม มีจำนวน 671 คน กลุ่มที่ 14 กลุ่มสตรี มีจำนวน 1,800 คน กลุ่มที่ 15 กลุ่มผู้สูงอายุคนพิการฯ มีจำนวน 1,984 คน กลุ่มที่ 16 กลุ่มศิลปะวัฒนธรรมดนตรีการแสดงและบันเทิง นักกีฬา มีจำนวน 1,103 คน กลุ่มที่ 17 กลุ่มประชาสังคมฯ มีจำนวน 1,163 คน กลุ่มที่ 18 กลุ่มสื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม มีจำนวน 616 คน กลุ่มที่ 19 กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพอาชีพอิสระ มีจำนวน 1,465 คนกลุ่มที่ 20 กลุ่มอื่นๆ มีจำนวน 1,275 คน ทั้งนี้ สำนักงานฯจะรันหมายเลขผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอใหม่ เพื่อเป็นหมายเลขผู้สมัครที่จะใช้เลือกระดับจังหวัดต่อไป และจะเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ กกต.และแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโหวตวันที่ 11 มิถุนายน
ซัดแก๊งขนคนเลือกสว.ทำสำเร็จ
ด้านนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือก สว.ระดับอำเภอ เมื่อวันที่ 9 ถุนายนที่ผ่านมาโดยยืนยันว่ามีขบวนการขนคนไปสมัคร สว.ได้ดำเนินการสำเร็จลุล่วงไปแล้ว หลักฐานปรากฏได้จากการตรวจลงคะแนนทุกอำเภอทุกกลุ่ม ซึ่งจะพบมีคนได้คะแนน 0 คะแนนเยอะมาก ซึ่งช่องว่างเกิดจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมมนูญ ซึ่งการได้มาของสว. ที่บอกว่า ผู้สมัครเลือกตัวเองก็ได้ไม่เลือกตัวเองก็ได้ จึงทำให้เกิดขบวนการขนคน 25,000 คน ที่คาดการณ์ว่าขนมาเพื่อใช้จ้างวาน เกณฑ์มาเลือกได้กระทำการเต็มที่แล้ว โดย กกต.ระดับอำเภอ ไม่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติ และประสบการณ์ 10 ปีจริง ปล่อยให้ประกาศ กกต.ว่าลักษณะอื่นทำนองเดียวกัน เข้ามาสมัครได้ ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ได้เข้ามาเพื่อเป็นสว. ได้ทำการสำเร็จคือ เป็นผู้มาเลือกสว. ซึ่งทำให้ได้คะแนนที่ออกมาบิดเบี้ยว ในบางกลุ่มจังหวัด ก็จะเห็นประมาณ 5 คะแนน มี 3-4 คน ที่เกาะเป็นกลุ่ม บางกลุ่ม 8-10 คะแนน ซึ่งชัดเจน ดังนั้น กฎหมายที่เปิดช่องว่างคือพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯ เป็นอำนาจที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในอนาตต
ปูดมีซ้อมกาบัตร-นำโพยเข้าคูหาได้
นายสมชายกล่าวต่อว่า รวมถึงประกาศ กกต. ที่ทำให้กระจายกลุ่มคนรับจ้างหรือที่จัดตั้งมา ไปอยู่ในกลุ่มต่างๆเพื่อโหวตตรงและโหวตไขว้ได้ ที่สำคัญ นอกจากการไม่ตรวจประสบการณที่รับรองกันเอง ซึ่งจะเห็นว่าเป็นเท็จเยอะมาก เช่น ทำอาชีพรับจ้าง ก่อสร้าง ทำนา เลี้ยงไก่ หรือกลุ่มศิลปะ เมื่อเลือกเสร็จก็กลับบ้าน กกต.ไม่มีการติดตาม ซึ่งผิดวิสัยการตรวจสอบทุจริต
“สิ่งที่น่าจะทำให้กระบวนการการเลือกสว.ขั้นที่ 1 มีปัญหาคือ การอนุมัติให้นำเอกสารที่เรียกว่า สว.3 เข้าคูหา หมายความมว่าเอาโพยเข้าห้องสอบได้ ผมทราบว่ามีการซ้อมกาหมายเลขต่างๆ ในเซฟเฮ้าส์ก่อนหน้าที่จะถึงวันเลือกสว. และนำเอกสารที่ซ้อมกาหมายเลขไว้เข้าคูหาด้วย ไปดูกล้องวงจรปิดได้ทุกอำเภอว่ามีบุคคลนำเอกสารเข้าคูหา อย่าลืมว่าในอดีต กกต.เคยมีคดีหันคูหาให้สื่อมวลชนถ่ายวีดีโอมาแล้ว “นายสมชายเผย และว่า ส่วนบุคคลที่รับจ้างมาหายไปแล้ว 2 หมื่นกว่าคน ก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลที่เหลืออยู่จะฮั้วหมด อาจมีหลุดออกมาได้ จึงต้องจับตาต่อในการเลือกระดับจังหวัด ซึ่งจะเห็นชัดขึ้นว่าจะมีการฮั้วบล๊อกโหวตหรือไม่ ตรงนี้กลุ่มการเมืองและกลุ่มที่จัดตั้งเท่านั้นที่จะผ่านเข้ารอบ และเมื่อถึงระดับประเทศ ก็จะถึงบางอ้อเองว่า คนที่ได้สว.มาอย่างไร ตนไม่ได้กล่าวหาคนที่มาด้วยความบริสุทธิ์ แต่ยืนยันว่าถ้าไม่ได้เกณฑ์หรือจัดตั้งมา น้อยคนที่จะเข้ามาได้
ซัดกกต.ไม่ไปตรวจจะเจอได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ระบุมีหลักฐานนำโพยเข้าคูหาได้มาอย่างไร นายสมชายเผยว่า มีคนส่งตัวอย่างมาให้ดูว่าเขาไปซ้อมกันที่ไหน เป็นรูปให้กาหมายเลข 3 หมายเลข 6 จึงขึ้นอยู่กับกกต.ที่มีหน่วยสืบสวนสอบสวนทำงานหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาพบจุดอ่อนคือ ไม่พบว่ามีการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติ และปล่อยให้เข้ามา ซึ่งในทางการข่าวถ้าจะจับคนร้ายต้องดำเนินการตั้งแต่ต้นทาง ต้องสืบไปที่หมู่บ้านและตำบล ว่ามีการขนคนเก็บบัตรประชาชน ออกใบรับรองแพทย์โดยที่ไม่ได้ตรวจหรือไม่ ซึ่งรูปถ่ายก็เห็นว่าเป็นกระบวนการ แต่กกต.บอกว่าไม่พบทำความผิด ซึ่งตนเห็นว่าไม่ได้ตรวจจะเห็นอย่างไร โดยตนจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเข้าที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ
ฉะผอ.กกต.อำเภอปล่อยผีตั้งแต่สมัคร
สำหรับหลักฐานที่ได้มานั้น เอาไปร้องได้หรือไม่นั้น นายสมชายระบุว่า อยู่ที่ผู้ร้อง ปัญหาขณะนี้ ผู้ร้องมีสิทธิ์ร้องใคร ถ้าพบทุจริตผู้มีสิทธิ์ร้องคือ ผอ.กกต.อำเภอ แต่ผอ.กกต.อำเภอ ปล่อยออกมาหมด ทั้งที่กระบวนการทุจริต มีตั้งแต่ก่อนสมัคร ที่ปล่อยให้ขบวนการจับจ้าง 2 หมื่นกว่าคนขนปิ๊กอัพใส่สูทปลอม บัตรตรวจสุขภาพปลอม จัดจ้างเข้ามาตั้งแต่ระดับอำเภอ เช่นที่จ.มุกดาหาร มีหมอไปร้องว่าอสม.ไม่มีสิทธิ์สมัคร แต่ศาลบอกว่าผู้ร้องไม่มีอำนาจ ซึ่งก็ใช่ เพราะกฎหมายเขียนไว้ว่าผู้ร้องคือ ผอ.การเลือกตั้ง
2สส.อีสานพรรคใหญ่จัดเลี้ยงผู้สมัคร
“นอกจากนั้น ยังมีผู้ร้องว่าบางจังหวัดในภาคอีสานมีการจัดเลี้ยงก่อนลงสมัคร เรื่องนี้ส่งให้ประธานรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว และร้องมาที่ผมด้วยว่ามี สส.2 คน จัดงานเลี้ยงผู้สมัคร สว.ซึ่งทราบว่า เป็นสส.พรรคการเมืองใหญ่ เพราะถ้าไม่ใหญ่ไม่กล้าทำ ใหญ่ทั้งแผ่นดิน ถ้าเรื่องงนี้ประธานรัฐสภา เอาจริงในการตรวจสอบก็จะนำไปสู่การผิดจริยธรรมของสส. และอาจนำไปสู่การยุบพรรคได้” นายสมชาย กล่าว
ชี้โมฆียะตั้งแต่ต้น-ไม่ควรเลือกต่อ
และว่า เราคงไปเบรคการกระทำอะไรไม่ได้ มีหน้าที่ตรวจสอบก็ตรวจไป ใครทำทุจริต วันหน้าก็ต้องรับคดีความไป และคงเห็นภาพชัดเจนว่า การเลือกสว.เกิดโมฆียะตั้งแต่ต้นแล้ว และตนเชื่อว่าไปต่อยาก และถ้ากกต.ทำหน้าที่ของตัวเองสัก 90% ก็เจอแล้ว ขนาดตนทำหน้าที่กมธ. แค่กมธ.ยังเจอเลย แต่กกต.แถลงแค่ว่าเรียบร้อย แล้วเรียบร้อยใคร เรียบร้อยโรงเรียนวัวเท่านั้น
สว.ต้องระวังกม.ห้ามให้ความเห็น
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวหลังประชุมกมธ.ฯว่า กมธ.ฯก็คุยเรื่องการฮั้วในการเลือกสว. แต่สว.ที่จะหมดวาระ ต้องระวังในการจะทำหน้าที่ เพราะกฎหมายเกี่ยวกับการเลือก สว. ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐ ห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงสว.ด้วย ในการก้าวก่ายแทรกแซง การเสนอความเห็นต้องไม่ให้คุณ ให้โทษผู้สมัคร เราจึงต้องระวังเรื่องนี้ จะเห็นว่ากมธ.ฯ ไม่ได้ติดตามหรือยุ่งเกี่ยว เพราะถือว่ากฎหมายห้ามไว้ แต่ในกมธ.หารือกัน ถ้าสิ่งใดผิดกฎหมาย กกต.ต้องลงโทษผู้ทำความผิด เพื่อให้การเลือกสว.สุจริตและเที่ยงธรรม สิ่งที่พูดกันมากคือ การฮั้ว หรือการจับกลุ่มกันไปสมัคร สว.
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเลือกสว.ครั้งนี้อาจมีอุบัติเหตุจนไม่อาจประกาศรับรองสว.ได้ตามที่กำหนดการไว้ นายเสรีกล่าวว่า อุบัติเหตุมีอยู่เรื่องเดียวคือ การเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากฎหมายเกี่ยวกับการเลือกสว. ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งกกต.ต้องทำตามกฎหมายก่อน ถ้าไม่มีเหตุใดๆต้องเลื่อนการเลือกสว. กกต.ก็ต้องจัดให้เลือกตามกฎหมาย ถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยหรือคำสั่งใดออกมา กกต.ก็ต้องทำหน้าที่ตามคำสั่งศาล ซึ่งผูกพันทุกองค์กร
จี้คนมีหลักฐานส่งให้กกต.ฟัน
ถามว่า กมธ.ฯได้รับข้อมูลร้องเรียนความไม่โปร่งใสในการเลือก สว.หรือไม่ นายเสรีกล่าวว่า มีแต่เรื่องที่เป็นข่าว เป็นความเห็น จะนำความเห็นมาชี้ถูกผิดไม่ได้ เพราะต้องมีหลักฐาน และใครก็ตามที่มีหลักฐาน สิ่งที่ต้องทำคือ ต้องส่งให้กกต. การไปตัดสินเองไม่ได้ ต้องมีคนรับผิดชอบ เรื่องที่เข้ามาในคณะกมธ.เราก็เห็น แต่ไม่มีหลักฐาน เห็นแต่มีผู้สมัครใส่เสื้อเหมือนกัน ถ่ายรูปที่เดียวกัน แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน ใครทำผิดให้ว่ากันเป็นรายบุคคล จะล้มกระดานหรือเลื่อนไปเลยความเสียหายจะมากกว่า
ส่วนการเลือก สว.ระดับอำเภอ ที่มีคนเด่นคนดังเข้ารอบ นายเสรีเห็นว่า ถูกต้องแล้วที่มีแต่คนเด่น คนดังเข้ารอบมา เพราะการเลือกให้ใครมาลงคะแนนให้ใคร คนที่ได้ประโยชน์มากหรือมีโอกาส มีสิทธิ์ ก็คนดัง เพราะคนเหล่านี้เป็นที่รู้จัก ทำคุณงามความดีและประโยชน์ต่อสังคมมาก่อน ทำให้คนเชื่อถือ จึงได้รับเลือกเข้ามา ขณะเดียวกันคนดังหลายคนก็ไม่ผ่านเช่นกัน จึงมีทั้งคนดังและไม่ดังปนกันเข้ารอบมา
เลขาฯกกต.ลงนามส่งเอกสารถึงศาลรธน.
วันเดียวกัน นายแสวง บุญมี เลขาฯกกต.เปิดเผยว่า ตนลงนามจัดส่งเอกสารส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ในกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา รับวินิจฉัยประเด็นว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. พ.ส. 2561 จำนวน 4 มาตราว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่ โดย 4 มาตราประกอบด้วย มาตรา 36 เป็นบทบัญญัติที่กำหนดให้ผู้สมัคร แนะนำตัวได้ตามวิธีการและเงื่อนไขที่กกต.กำหนด หรือบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่ผู้สมัครจะช่วยเหลือผู้สมัครแนะนำตัว ต้องปฏิบัติตามวิธีการและเงื่อนไขที่กำหนด ส่วนมาตรา 40 วรรคหนึ่ง (3) มาตรา 41 วรรคหนึ่ง (3) และมาตรา 42 วรรคหนึ่ง (3) เกี่ยวข้องกับวิธีการเลือกระดับอำเภอ ระดับจังหวัดและระดับประเทศ ที่กำหนดให้ ผู้สมัครแต่ละกลุ่ม, ผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอ,ผู้ได้รับเลือกระดับจังหวัด ลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกันได้ไม่เกิน 2 คน และไม่เกิน10 คนโดยจะลงคะแนนเลือกตนเองก็ได้แต่จะลงคะแนนให้บุคคลใดเกิน 1 คะแนน มิได้ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107หรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี