‘ธนกร’ซัด‘พิธา-ก.ก.’
ไม่เคารพศาลรธน.
รั้นดิ้นสู้ผวาถูกยุบ
พาลไม่ยอมรับก.ม.
“ธนกร”ซัด“พิธา-ก้าวไกล”รั้น! แถลง 9 ข้อดิ้นสู้คดียุบ“ก้าวไกล” ไม่เคารพคำสั่งศาล รธน. อ้างกฎหมายบิดเบือน เอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่คนอื่น แบบข้างๆ คูๆอ้างประชาธิปไตยสารพัด เย้ยกังวลค่อนข้างหนัก ถูกยุบ พาลไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม กระบวนการกฎหมายทั้งระบบ
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2567 นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล แถลง 9 ข้อต่อสู้คดียุบพรรคก้าวไกลว่าเป็นการไม่เคารพคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ที่ได้ออกมาเตือนก่อนล่วงหน้าแล้ว ว่าไม่ควรมีการชี้นำกระทบความเชื่อมั่นในกระบวนการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นข้อสำคัญที่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ต้องยึดมั่น นั่นคือการเคารพกฎหมาย เคารพคำสั่งศาล การออกมาแถลงข้อต่อสู้คดีควรยื่นต่อศาลโดยตรง
“ไม่ใช่มาแถลงต่อสื่อมวลชน ต่อประชาชน มากกว่านั้น ยังอ้างข้อกฎหมายแบบบิดเบือน เอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่คนอื่น แบบข้างๆคูๆ อ้างประชาธิปไตยสารพัด ทั้งเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีอำนาจยุบพรรค ซ้ำยังอ้างว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต.มีกระบวนการยื่นคำร้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมายอีก ผมมองว่านายพิธาและพรรคก้าวไกล มีความกังวลค่อนข้างหนัก เรื่องคดีจนทำให้พาลไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม กระบวนการกฎหมายทั้งระบบ แบบนี้จะเป็นผู้นำประเทศที่ดีได้อย่างไร”รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ย้ำ
เมื่อถามว่านายพิธาอ้างว่ากกต.ยื่นศาลโดยไม่แจ้งให้พรรคได้ชี้แจงนั้น นายธนกร กล่าวว่า ประธานกกต.ได้ยืนยันการดำเนินการของกกต.แล้วว่าไม่ได้ใช้ระเบียบสืบสวนไต่สวน แต่เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการตรวจสอบข้อเท็จจริงซึ่งไม่จำเป็นต้องแจ้งให้พรรคก้าวไกลทราบ เพราะมีหลักฐานตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ตนมองว่า ในชั้นกระบวนการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญเอง ก็เปิดโอกาสให้พรรคก้าวไกลได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาตามที่พรรคขอขยายเวลาถึง 3 ครั้ง ครั้งละ 15วัน จนครบกำหนดยื่นคำชี้แจงแล้ว ถือว่าคดีนี้กกต.และศาลได้ดำเนินการครบถ้วนตามกระบวนการยุติธรรม หลังจากนี้ก็เป็นดุลยพินิจของศาลผลจะออกมาเป็นบวกหรือ ลบ พรรคก้าวไกลควรยอมรับน้อมรับคำตัดสิน
“การที่นายพิธาและก้าวไกลออกมาแถลงอ้างว่าพรรคการเมืองเป็นส่วนสำคัญของระบอบประชาธิปไตย เท่านั้นจะอ้างไม่ได้เพราะถ้าพรรคการเมืองทำผิดกฎหมายก็ต้องยอมรับข้อเท็จจริงตรงนี้ การอ้างและชี้นำสังคม ว่าศาลไม่มีอำนาจ กกต.ยื่นโดยไม่ชอบ เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงด้วยคำพูดสวยหรูให้ตัวเองดูดี แต่เป็นการก้าวล่วงและไม่เคารพคำสั่งศาล แบบนี้จะเป็นผู้นำประเทศที่ดีได้อย่างไร” นายธนกร กล่าว
ด้าน นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่ปรึกษากรรมาธิการการแรงงาน กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวแนวทางการต่อสู้คดียุบพรรคก้าวไกล 9 ข้อ โดยอ้างว่า ศาลรัฐธรรมนูญ(รธน.)ไม่มีอำนาจวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลนั้นตนขอบอกว่าชาวบ้านฝากมาบอกว่านายพิธารู้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องจริงหรือค้านทุกเรื่องยกเว้นเรื่องของตัวเอง และเป็นคนประเภทที่ว่า“ยึดแต่กฎของกู ถ้ากูได้ประโยชน์ กูเอา ถ้าเสียประโยชน์ กูด่า”ทั้งนี้ ตนขอย้อนไปตอนที่ศาลรธน.วินิจฉัยเรื่องการ ถือหุ้นไอทีวีของนายพิธาที่ศาลระบุว่านายพิธาไม่มีความผิด และนายพิธาออกมาแถลงขอบคุณ ศาลรธน.แต่พอวันนี้ จะถูกยุบพรรคก็ออกมาบอกว่าศาลรธน.ไม่มีอำนาจ
นายสามารถ ระบุว่า ที่ผ่านมาศาลรธน.ได้วินิจฉัยยุบพรรคการเมืองมาหลายพรรคแต่ไม่มีพรรคการเมืองไหน ที่มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง เซาะกร่อนบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เหมือนเช่นเดียวกับพรรคก้าวไกลและไม่เคยมีพรรคการเมืองใดเอามาตรา112 มาหาเสียง เพราะทุกคนรู้ว่า สถาบันนั้น ทรงดำรงอยู่เหนือการเมือง ซึ่งในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ได้ระบุเอาไว้ชัดเจน และ ในมาตรา 50 ระบุเรื่องหน้าที่ของปวงชนชาวไทยชัดเจนว่า ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่สิ่งที่พรรคก้าวไกลจะทำคือให้คนมาด่าสถาบัน ลดโทษในคดีอาฆาตมาดร้าย ดูหมิ่นสถาบันและต้องให้สถาบันเป็นผู้ฟ้อง ซึ่งการกระทำเช่นนี้คือ การหวังจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระบบการเมืองไทย
“การกระทำของพรรคก้าวไกล ส.ส.ในพรรคไม่ควรที่จะได้เป็น สส.แม้แต่วันเดียว และแทนที่จะสำนึกผิดในสิ่งที่ทำ กลับออกมาตั้งโต๊ะแถลงว่าศาล รธน.ไม่มีอำนาจยุบพรรค การยุบพรรคก้าวไกลในครั้งนี้ เป็นเพราะการกระทำผิดที่รุนแรงมากกว่าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกยุบ เพราะการทำผิดระเบียบพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญที่บัญญัติไว้ ไม่ใช่ข้อหาล้มล้างการปกครอง เหมือนครั้งนี้ ตอนนั้นนายพิธาไปนอนหลับอยู่ที่ไหน หรือยังไม่มีคนเขียนโพยให้อ่าน“นายสามารถ ระบุ
นายสามารถ กล่าวอีกว่าส่วนกรณีที่ส.ส.พรรคก้าวไกล ทั้ง 44 คน ที่เซ็นชื่อยื่นแก้ไขมาตรา112กกต.ก็เอง ได้ส่งข้อมูลทั้งหมดไปให้ ศาลรธน.วินิจฉัยด้วย ซึ่งที่ผ่านมา การไปยืนชู 3 นิ้ว ปปช.ยังตัดสินว่าน่าจะผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตนอยากจะปลุกสติว่า คนรุ่นใหม่ จำนวนมาก ยังรักและปกป้องสถาบัน ซึ่งตนได้พูดคุยกับคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่ไม่เข้าใจว่า จะไปทำเรื่องมาตรา 112 ทำไม เพราะสถาบันอยู่เฉย ๆ ไปยุ่งทำไม แกนนำคนรุ่นใหม่เขาบอกเลยว่าเขาไม่เอาด้วย เขาผิดหวังในการเลือกพรรคก้าวไกล
“ผมถึงบอกว่าผู้มีอำนาจในบ้านเมืองต้องทำตามหน้าที่ ไม่ใช่ปล่อยให้สังคมแตกแยก ปล่อยให้คนที่ไม่รู้ออกมาพูดอะไรมั่วๆตนว่าประเทศสะเทือน ตนจึงฝากให้ศาลรธน.รีบยุบพรรคการเมืองแบบนี้ในวันพุธที่ 12 มิถุนายนนี้ มะเร็งเวลาตรวจเจอ เขาให้ทำลายทิ้ง เช่นพรรคการเมืองที่มีเจตนาทำลายระบบสถาบันก็ต้องยุบทิ้ง ไม่ให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง”นายสามารถ ย้ำทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี