‘เครือข่ายกัญชา’แฉเล่ห์การเมือง ดึงนักธุรกิจดังปั่นกระแสคนเกลียดกัญชา สวมผลประโยชน์ ตั้งกติกาเอื้อกลุ่มทุน‘กัญชาแปลงใหญ่’ เอ็มโอยู่กับมหาวิทยาลัย ตัดโอกาสประชาชน นัดชุมนุมใหญ่แตกหัก 8 กรกฎาคม
13 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย และภาคีชาวกัญชาประเทศไทย เดินทางเข้าพบนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข (รมว.สธ.) เมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา แต่กลับพบว่านายสมศักดิ์ ได้เชิญกลุ่มนักธุรกิจกัญชาเข้ามาหารือด้วย โดยทางเครือข่ายฯ ปฏิเสธที่จะร่วมโต๊ะหารือ เนื่องจากต่างอุดมการณ์
หลังจากนั้นนายสมศักดิ์ ได้พานักธุรกิจชื่อดังเข้าพบเครือข่ายกัญชาฯ และเป็นผู้ตอบคำถามแทน รมว.สาธารณสุข เป็นเหตุให้ทางเครือข่ายฯตั้งข้อสังเกตว่านักธุรกิจคนดังกล่าวมีสิทธิอะไร หรือเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนปั่นกระแสให้ประชาชนเกลียดกัญชา และสร้างความชอบธรรมในการดึงกัญชา กลับไปเป็นยาเสพติด และข้อสรุปของการเจรจา คือ นายสมศักดิ์ ยืนยันที่จะดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ซึ่งทางเครือข่ายกัญชา ยืนยันว่า จะไม่ยอมและจะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้กัญชาถูกควบคุมโดย พ.ร.บ.ไม่ว่าจะใช้เวลาเท่าไรก็ตาม
จากนั้นช่วงหัวค่ำวันที่ 12 มิถุนายน 2567 นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย กล่าวกับผู้ชุมนุมที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล ว่า เครือข่ายกัญชาฯได้พยายามทำทุกวิถีทางแล้วเพื่อที่จะคลี่คลายความขัดแย้ง แต่รัฐกลับใช้กลุ่มนักธุรกิจซึ่งแสดงจุดยืนว่าสนับสนุนการนำกัญชากลับไปสู่ยาเสพติดมาเจรจากับเรา เขาไม่มีสิทธิ แม้จะบอกว่าให้ประชาชนปลูกได้ แต่เงื่อนไขคือต้องปลูกโดยทำเอ็มโอยูกับมหาวิทยาลัยที่มีคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเป็นโรงเรือนขนาดใหญ่ เงินลงทุนมหาศาล เหมือน “กติกาให้ปลูกได้ แต่ปลูกไม่ได้” เพราะต้องเป็นนายทุนใหญ่ที่มีกัญชาแปลงใหญ่ เป็นกลุ่มที่รายล้อมพรรคการเมืองพรรคหนึ่งอยู่
“ปรากฏการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ และก็เอามาใช้กับประเทศไทย คาดว่าจะเกิดขึ้นไปทั่วโลก เพราะกัญชามีมูลค่านับแสนล้าน พรรคการเมืองดังกล่าวจึงใช้กลไกนักธุรกิจคนดังกล่าว สร้างข่าวปั่นกระแสให้คนกลัวและเกลียดกัญชา ทั้งที่กัญชาเป็นพืชมหัศจรรย์ แต่เขาถูกจับขังคุกมานานหลายสิบปี พอออกจากคุกมาได้ 2 ปี ก็จะเอาเขาเข้าคุกอีก โดยที่เขาไม่ได้มีความผิดอะไรเลย แบบนี้เรียกว่าเป็นการคอรัปชั่นเชิงนโยบาย ทำลายความมั่นคงทางยา ดูดประโยชน์จากประชาชน ไปพอกผลประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน พวกเรายืนยันจะต่อสู้จนกว่าจะชนะ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม และเราจะเปิดโปงความชั่วร้าย จากการคอรัปชั่นเชิงนโยบายออกมาอย่างต่อเนื่อง” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว
ล่าสุดวันนี้ (13 มิ.ย.67) เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยได้ออกแถลงการณ์ เพื่อแสดงจุดยืนต่อรัฐบาล ว่า จากการเจรจากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกรณีการนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดประเภท5 เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยได้รับคำตอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขว่า กระทรวงสาธารณสุขยืนยันที่จะเอากัญชาเข้าสู่บัญชียาเสพติดและปฏิเสธการตั้งกรรมการร่วมเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงร่วมกัน
การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขปฏิเสธการควบคุมกัญชาด้วยกฎหมายเฉพาะคือพระราชบัญญัติกัญชา ยังเข้าใจได้เนื่องจากมีการประกาศนโยบายเช่นนี้ตั้งแต่สมศักดิ์ เทพสุทิน เข้ารับตำแหน่ง แต่การปฏิเสธข้อเสนอว่าด้วยการตั้งกรรมการร่วมเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงร่วมกันในท่ามกลางความขัดแย้งอันเป็นหลักการสากลกลับถูกปฏิเสธด้วย ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าประเทศนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ข้อเท็จจริงในการกำหนดนโยบาย
จากปรากฏการณ์ที่พบเห็นและบทวิเคราะห์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องทำให้ค้นพบสาเหตุที่แท้จริงในการนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั่นคือเกิดการรวมตัวของกลุ่มทุนกลุ่มหนึ่งเพื่อกระทำการล็อบบี้กับนายใหญ่ของพรรคแกนนำรัฐบาลเพื่อให้กลุ่มทุนใหญ่ควบคุมกัญชาแต่เพียงกลุ่มเดียว โดยมีเหตุผลดังนี้
1.หากจะผูกขาดกัญชาจะต้องนำกัญชาไปควบคุมในกฎหมายที่จำกัดสิทธิ มีเงื่อนไขเฉพาะเพื่อให้เกิดกติกาที่ยากและมีเพียงคนบางกลุ่มเท่านั้นที่สามารถปฏิบัติได้ กลุ่มทุนเหล่านี้จึงสนับสนุนให้นำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดเพราะนี่คือช่องทางของการผูกขาด
2.จากเหตุการณ์การเจรจากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพบว่าก่อนการเจรจามีกลุ่มนักธุรกิจกลุ่มใหญ่จำนวนหลายสิบคนทั้งคนไทยและต่างชาติได้เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและที่น่าแปลกมากคือในการประชุมระหว่างเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยกับรัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทินซึ่งเป็นการคลี่คลายความขัดแย้งจากกรณีการชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลระหว่างรัฐกับประชาชน แต่กลับมีนักธุรกิจคนนั้นนั่งคู่กับรัฐมนตรี ชี้แจงแทนรัฐมนตรีว่าการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติดนั้นดีอย่างไร
3.หากควบคุมกัญชาด้วยกฎหมายยาเสพติดจะทำให้มีผู้ผลิตเพียงน้อยรายเท่านั้น และกลไกการใช้กัญชาจะถูกสั่งโดยแพทย์และการซื้อน้ำมันกัญชามารักษาจะต้องซื้อจากเภสัชกรเท่านั้นและน้ำมันกัญชาที่เภสัชกรจ่ายก็จะต้องเอามาจากบริษัทยาหรือกลุ่มทุนใหญ่ที่สามารถผลิตกัญชาภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ ฉะนั้นโดยกลไกกฎหมายยาเสพติดจะส่งผลให้เกิดการผูกขาดการปลูก การใช้ การซื้อขาย ภายใต้มูลค่ากัญชานับแสนล้าน
4.เมื่อนักธุรกิจคนนั้นสามารถนั่งคู่กับรัฐมนตรีและสามารถชี้แจงประชาชนแทนรัฐมนตรีได้แสดงให้เห็นถึงอำนาจที่มี เพราะปกติแล้วนักธุรกิจไม่มีสิทธิอันใดที่จะทำหน้าที่คลี่คลายความขัดแย้งของการชุมนุมระหว่างรัฐและประชาชน คำถามที่สำคัญคืออำนาจของนักธุรกิจคนนี้มาจากไหน
5.นักธุรกิจซึ่งประกาศให้เอากัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดแต่กลับไม่กล่าวอ้างเหตุผลของการคุ้มครองเยาวชนหรือกลัวว่ากัญชาจะเกิดผลกระทบในเชิงลบอย่างที่ปั่นข่าวกัญชาคลั่งในช่วง2ปีที่ผ่านมา ฉะนั้นเมื่อประมวลเหตุการณ์ทั้งหมด กระบวนการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติดในครั้งนี้คือกระบวนการของกลุ่มทุนที่กระทำการล็อบบี้ยิสต์กับนายใหญ่ของพรรคแกนนำ เมื่อสมประโยชน์กันแล้วจึงหยิบยื่นเงื่อนไขนี้แก่ผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้นำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดเมื่อพวกเขาตกลงกันได้ จึงกระทำการครั้งนี้ขึ้น
6.การปั่นข่าวกัญชาคลั่ง การนำตัวเลขปลอมเรื่องผลกระทบจากกัญชาหรือการกระทำใดที่ผ่านมาล้วนเป็นกระบวนการสร้างความกลัวให้เกิดขึ้นแก่ประชาชน เพื่อนำกัญชาไปควบคุมโดยยาเสพติด เพราะหลายเหตุการณ์พิสูจน์ว่าไม่จริงและข้อมูลของรัฐที่กล่าวร้ายกัญชาก็ผิดพลาด ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การเป็นห่วงเยาวชนแต่เอาเยาวชนมากล่าวอ้างเพื่อควบคุมกัญชาเท่านั้น
เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอประกาศว่า เราจะพักการชุมนุมไว้ชั่วคราวเพื่อเตรียมการครั้งสำคัญ โดยขอประกาศการชุมนุมใหม่ในวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป
หลังจากนี้เครือข่ายขอประสานความร่วมมือกับเครือข่ายกัญชาทั่วประเทศเพื่อปฏิบัติการครั้งสำคัญในการเอากัญชาคืนจากกลุ่มทุนสู่ประชาชน การเคลื่อนไหวครั้งใหม่นี้ไม่ใช่เพียงเพื่อกัญชาแต่เพื่อทำลายการผูกขาดของกลุ่มทุนที่มีมาตลอดในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทยและปรากฏการณ์กัญชาทำให้เห็นความเลวร้ายของพรรคแกนนำรัฐบาลที่กระทำการผลิตนโยบายทุกอย่างเข้าสู่ประโยชน์ของกลุ่มทุน จึงขอเรียนเชิญทุกท่านพร้อมกันวันที่ 8 กรกฎกาคม2567 เพื่อทวงสิทธิกัญชาคืนสู่ประชาชน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี