หลังจากมีการเผยแพร่คลิปของนายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีทุจริตโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ที่หลบหนีหมายจับจนขาดอายุความ 15 ปี ปรากฏตัวในบ้านพักส่วนตัวแห่งหนึ่งอวยพรให้กับกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นปากน้ำ ที่จะลงสมัครรเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.สมุทรปราการ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วบ้านทั่วเมือง โดยล่าสุดนั้นมีรายงานว่า นายวัฒนา ยังไม่ได้กลับมาไทยแต่อย่างใด พร้อมระบุว่าส่วนภาพที่แชร์กันนั้น อยู่ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา
ล่าสุด เมื่อ 14 มิ.ย.67 WATCHDOG CHANNEL ได้เผยแพร่คลิปการให้สัมภาษณ์พิเศษของ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง วุฒิสมาชิกปี 2543 ที่มาจากการเลือกตั้ง ในฐานะอดีตกรรมาธิการตรวจสอบกรณีโรงบำบัดน้ำเสียคลองด่าน โดยเป็นการย้อนคดีมหากาพย์แห่งการโกง โรงบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นปี 2533- 2548 และไขคดีทำไมเจ้าพ่อปากน้ำหนีคดี 15 ปี
โดยดร.เจิมศักดิ์ เล่าย้อนให้ฟังว่า นายวัฒนา อัศวเหม ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย และเป็นผู้ดูแลกรมที่ดินออกโฉนดโดยมิชอบหนีคดีไป 15 ปี เอาที่ดินที่เป็นคลอง เป็นถนน ป่าชายเลน น้ำทะเลท่วมถึงได้ ที่ตำบลคลองด่าน 1,900 ไร่ มาออกโฉนดใหม่ โดยซื้อมาในราคาไร่ละ 30,000- 40,000 บาท แล้วขายให้กรมควบคุมมลพิษ ราคาไร่ละ 1,030,000 บาท
เมื่อมีข่าวนายวัฒนากลับมาเมืองไทย ก็มีคนตื่นเต้นเยอะว่าก่อนหน้านั้นคุณทักษิณ กลับมาแล้ว ไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว อย่างที่เขาเคยพูดว่าจะกลับมาอย่างเท่ๆ ถัดมาคุณวัฒนาก็มีข่าวโผล่มาในประเทศไทยโดยที่หนีคดีไป 15 ปี
มีคนถามผมว่า ตกลงคุณวัฒนา ว่าโดนคดีเรื่องเป็นอย่างไร บังเอิญว่า ผมเคยรับเรื่องนี้เมื่อครั้งทำรายการ"ลานบ้าน ลานเมือง" แล้วต่อเนื่องในที่สุดได้มาทำหน้าที่กรรมาธิการฯ เมื่อปี 2543 ซึ่งสอบสวนพบว่านายวัฒนา เกี่ยวข้องออกโฉนดที่ดินไม่ชอบ เริ่มมาจากที่ จ.สมุทรปราการ ริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มีโรงงานอุตสาหกรรมเยอะ ซึ่งแต่ละโรงงานก็มีบ่อบำบัดน้ำเสียของตัวเอง แต่ไม่เปิดใช้เพราะต้องการประหยัดต้นทุน ทางกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) จึงมีโครงการจะก่อสร้างโครงการบำบัดน้ำเสีย ซึ่งก็มีนักการเมืองมือดีไปออกแบบใหม่ เอาที่บำบัดน้ำเสียทั้ง 2 ฝั่งคือตะวันตก และตะวันออก เอามาต่อท่อมารวมกัน และยืดท่อออกไป 30 กม.เพื่อจะเอาน้ำเสียลงไปบำบัดที่ตำบลคลองด่าน
โดยมีคนซื้อที่ดินทั้ง ที่สค. ที่นส. 3 และโฉนด แล้วเขาก็บอกชาวบ้านว่าจะเอาไปทำสนามกอล์ฟริมทะเล แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคนเอาป้ายมาปักว่าจะทำบ่อบำบัดน้ำเสีย ซึ่งก็ทำให้ชาวบ้านตกใจและเรื่องจึงแดงขึ้นมา รวมตัวกันแสดงความไม่เห็นด้วยรวมทั้งศึกษาตรวจสอบ ว่าที่ดินโครงการสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย เป็นของใคร ต่อมาได้รู้ว่า กรมควบคุมมลพิษซื้อที่ดิน 1,900 ไร่จากบริษัทร่วมค้า NVPSKG ในราคาแพงขึ้นจากที่ซื้อมาหมื่นกว่าล้านบาท
จากการที่ชาวบ้านได้ร่วมกันกับกรรมาธิการฯ ได้เอาแผนที่ของกรมที่ดินมาเทียบเคียงภาพถ่ายดาวเทียม แล้วพบว่าโฉนดและเอกสารสิทธิ์ต่างๆมี 2- 3 บริษัท กว้านซื้อที่หลายสิบโฉนด แล้วเอามารวมกันเป็น 1 บริษัท คือ บริษัทร่วมค้า NVPSKG ซึ่งจากข้อเท็จจริงดังกล่าวได้นำมาเสนอพร้อมประกอบรายงานเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภา ซึ่งปรากฏว่ามีตัวละครเป็นนักการเมืองจำนวนเยอะมากที่ถือหุ้นในบริษัทซื้อที่ดินดังกล่าว อาทิ "ว." ,ส. ,ป ,ย. โดยมีการถือหุ้นไขว้กันในระหว่างบริษัทต่างๆและรวบรวมที่ดินจากที่เขาซื้อตอนแรกๆไร่ละ 30,000 บาท ซึ่งด้วยเหตุนี้หรือไม่จึงดูเอาโครงการบ่อบำบัดหนังสือมาอยู่ที่ตำบลคลองด่าน ที่ดินที่ตัวเองเตรียมไว้ มาขายได้กำไร
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวว่า จากการที่พยายามให้ความเป็นธรรม ได้สำรวจความเป็นไปได้ที่ราคาขยับสูงขึ้นจริงในเวลานั้น ซึ่งทางราชการตามระเบียบต้องให้ธนาคาร 2 ธนาคารมาประเมินราคาที่ดินเปรียบเทียบกัน ปรากฏว่าเขาเอา 2 ธนาคารเล็กๆซึ่งไม่มีสาขาเป็นผู้ประเมินในขณะที่ 3 ธนาคารใหญ่มีสาขาในคลองด่านกลับไม่ได้เป็นผู้ประเมินราคาที่ดิน ซึ่งรูปการณ์ชัดเจนว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างผู้กำหนดนโยบายไปตั้งบริษัทรับซื้อที่ดิน เป็นความบังเอิญหรือจงใจก็ไม่รู้ที่มีนักการเมืองคนหนึ่งที่ดูแลกรมที่ดินคือ นายวัฒนา ซึ่งเป็นรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย และดูแลกรมที่ดิน แล้วที่สาธารณะ คลอง ป่าชายเลน ถนน ที่น้ำทะเลท่วมถึงได้ ก็ได้ออกโฉนด
ทั้งนี้ เมื่อตนได้นำข้อเท็จจริง และประกอบการรายงานดังกล่าว นำเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภา ต้องบอกว่าเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่เห็นในสภาฯเมื่อลงมติเห็นชอบแบบ 100% ให้เอาผิดผู้กระทำ เมื่อสืบสาวเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ก็ติดคุกกันเรียบร้อย ส่วนนายวัฒนาก็หนีโทษจำคุกไปอยู่ต่างประเทศ ซึ่งอย่าถามผมว่านายวัฒนาอยู่เขมร หรือว่าแอบอยู่ในประเทศไทยมาตลอด ขอครบ 15 ปีคดีหมดอายุความแล้วนายวัฒนาก็มีข่าวกลับมา
ทั้งนี้ นายวัฒนามีคดีข่มขืนบังคับใจองค์การบริหารส่วนตำบลคลองด่านให้เห็นชอบกับเรื่องนี้ในการที่จะทำบ่อบำบัดน้ำเสีย ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เคยตั้งสอบเรื่องนี้ ชี้มูลความผิดแต่เมื่อนายวัฒนาหนีเรื่องนี้ก็พับ ตอนนี้คดีก็หมดอายุความ โดยกรณีนี้เกิดขึ้นปี 2530 กว่าๆ แต่กฎหมายคดีอายุความนั้นเพิ่งถูกแก้ให้ไม่มีหมดอายุความ เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง (ติดตามชมคลิปต้นฉบับที่นี่)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี