‘เศรษฐา’ส่งพยานเพิ่ม1คนให้ศาลรธน.
ลั่น‘ไม่ออก-ไม่ยุบสภา’
ลุยสู้คดี40สว.ยื่นถอดถอน
รับนั่งนายกฯลำบากทุกเรื่อง
‘อุ๊งอิ๊ง’คุมทัพภาคกทม.เอง
เซ็นตั้งทีมบริหารพื้นที่เพิ่ม
“เศรษฐา” เผยส่งพยานเพิ่ม 1 คน คดี 40 สว.ถอดถอน ปมตั้ง “พิชิต” นั่งรมต.ลั่นไม่คิด “ลาออก-ยุบสภา” ไม่ใช้วิธีการพิสดารหนี ยอมรับนั่งนายกฯลำบากทุกเรื่อง น้อมรับคำตัดสิน ยันเคารพ “ลุงป้อม”ไม่พูดพาดพิง ด้าน “สงคราม” ลั่นพิจารณาพ.ร.บ.งบ’68 ผ่านแน่นอนขณะที่ “ก้าวไกล” ดิ้นพล่าน “พิธา” โพสต์ติงกกต.ยื่นยุบพรรค ใช้คดี“ไทยรักษาชาติ” เป็นบรรทัดฐานไม่ได้ ไม่หวั่นไหว “ทักษิณ” ทวงคืนสส.นนทบุรี ทุกเก้าอี้ ถามไม่กลับมาเลี้ยงหลานแล้วหรือ
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับทีมที่ปรึกษากฎหมาย เพื่อเตรียมข้อมูลเพิ่มเติมส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญในคดี 40 สว.ร้องให้ตรวจสอบอำนาจการแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า มีขอพยานเพิ่มเติมก็ต้องส่งรายชื่อพยานไป แต่ขอให้ส่งก่อนค่อยบอกจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นจะเป็นการก้าวล่วง ไม่ค่อยดี
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าแสดงว่ามีการขอให้ส่งพยานเพิ่มเติม นายกฯ กล่าวว่า ใช่ครับ มีการส่งพยานเพิ่มเติม เมื่อถามว่า เป็นการขอให้ไต่สวนเพิ่มเติมด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีพยานเพิ่มเติม 1 คน แล้วแต่ท่านจะไต่สวนหรือไม่ไต่สวน อันนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล เมื่อถามว่า ขณะนี้มีข่าวลือว่านายกฯจะชิงลาออกก่อนที่ศาลจะตัดสิน นายกฯ กล่าวว่า ไม่เคยได้ยินและไม่เคยคิดด้วย เมื่อถามอีกว่า เรื่องยุบสภาก็ไม่เคยคิดใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เคยคิดครับ
นายกฯน้อมรับคำตัดสินศาลรธน.
เมื่อถามว่า ทุกอย่างให้ว่าไปตามกระบวนการใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ว่าไปตามกระบวนการ ไม่มีการใช้วิธีการพิสดารในการหนี อย่างที่ตนเรียนเรามาในฝ่ายบริหาร ถ้าฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายตุลาการมีข้อข้องใจ หน้าที่ของตนก็ต้องเสนอและน้อมรับคำตัดสิน เมื่อถามว่า สถานะของนายกฯในตอนนี้ดูเหมือนเป็นกันชนระหว่างขั้วอนุรักษ์นิยมกับขั้วก้าวไกล ทำให้ลำบากที่จะเผชิญตรงนี้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าตำแหน่งนี้ก็ลำบากทุกเรื่อง เอาเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นหลักดีกว่า อย่าไปดูเรื่องความขัดแย้งว่าตนจะเป็นกันชนหรือเป็นตัวช่วยหรือเป็นอะไรเลยดีกว่า ถ้ามีปัญหาก็ต้องปรับกันไป มีข้อคิดเห็นไม่ตรงกันก็ต้องพยายามชี้แจง
ไม่พูดพาดพิง’ลุงป้อม’มีแต่เคารพ
เมื่อถามว่า นายกฯย้ำถึงความเป็นเสถียรภาพของรัฐบาลในการทำงาน การที่พบกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะทำให้พรรคเพื่อไทย และพลังประชารัฐ เป็นหนึ่งเดียวกันหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนก็คุยกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ดี และท่านยังเป็นห่วงว่าตนทำงานหนักเกินไป และตนได้บอกว่าไม่เป็นไรหรอกครับ สบายดี เรียบร้อยดี
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีการพาดพิงถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พี่ชายของ พล.ต.อ.พัชรวาท นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นคนพาดพิง และไม่เคยมีการคุยกันในเรื่องนี้ด้วย ตนให้ความเคารพท่านในฐานะที่เป็นอดีตรองนายกฯและเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบก และไม่เคยเจอกัน เคยเจอหนเดียวในงาน ตนก็สวัสดีท่าน แค่นั้นเอง ไม่มีเรื่องอื่น ไม่มีอะไรเลย ยืนยันได้
ให้รอวันออนแอร์’คุยกับเศรษฐา’
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยังให้สัมภาษณ์ถึงการจัดรายการ“คุยกับเศรษฐา”ที่จะออกอากาศทุกวันเสาร์ที่ 3 ของทุกเดือน ว่า ได้บันทึกเทปไปเมื่อวันก่อน ส่วนจะออกอากาศวันไหนตอนนี้ยังไม่ทราบขอให้รอ ส่วนเนื้อหาและรายละเอียดยังไม่ขอเปิดเผย ขอให้ติดตามในรายการ และเข้าใจว่าจะมีการจัดทุกเดือน เดือนละครั้ง หรือตามความจำเป็นหรือตามความจำเป็นที่มี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รายละเอียดทั้งหมดขอให้รอนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว แต่เมื่อคืนนี้ (14 มิ.ย.) นางสาวจิราพร ได้ส่งข้อความมาบอกว่าติดโควิด-19 และงานนี้ถือว่าเป็นงานชิ้นแรกของนางสาวจิราพร เชื่อว่า นางสาวจิราพร อยากจะทำให้ออกมาดีที่สุด จึงขอให้รอรายละเอียดจากทางนางสาวจิราพร
“สงคราม”มั่นใจงบ68ผ่านฉลุย ฃ
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่าที่ผ่านมานายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนทุกกลุ่มรวมทั้งหามาตรการในการแก้ปัญหาปากท้องอย่างมีระบบ นอกจากนี้การวางมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีระบบ นโยบายรัฐบาลทุกนโยบายกำลังขับเคลื่อนไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้น“มั่นใจว่าในช่วงปลายปี 2567 โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะขับเคลื่อนจะช่วยเพิ่มอำนาจในการจับจ่ายใช้สอยให้ประชาชนส่งผลให้เกิดการจ้างงานในประเทศ และประชาชนจะมีกำลังซื้อมากขึ้น เพราะเมื่อมีการซื้อย่อมต้องมีการผลิตสินค้าตามมา ดังนั้นรายได้ประชาชนจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศดีขึ้นตามไปด้วย เศรษฐกิจไทยฟื้นแน่”
นายสงคราม กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19-21 มิ.ย.นี้ โดยงบประมาณที่จัดทำขึ้นมาเพื่อรองรับการแก้ปัญหาปากท้อง หวังว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะให้ความสำคัญในการพิจารณาอย่างรอบครอบ เพราะงบประมาณปี 68 จัดทำบนพื้นฐานการแก้ปัญหาปากท้องและฟื้นเศรษฐกิจประเทศเป็นสำคัญ ดังนั้นสมาชิกสภาไม่ควรใช้เวทีดังกล่าวมาตีกินทางการเมือง มั่นใจการพิจารณางบปี 68 ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอย่างแน่นอน
‘พิเชษฐ์’ลั่นสภาฯ ใช้งบไม่หมดส่งคืน
ที่รัฐสภา สำนักงบประมาณของรัฐสภา(สงร.) จัดสัมมนาวิเคราะห์ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมีเนื้อหามิติเศรษฐกิจมหาภาคและการคลัง การรักษาเสถียรภาพและความยั่งยืนทางการคลัง โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มขีดความสามารถและความอิสระของฝ่ายนิติบัญญัติในกระบวนการงบประมาณ ทั้งนี้มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 เป็นประธานในพิธีเปิดและบรรยาย เรื่องการเพิ่มขีดความสามารถ และความอิสระของฝ่ายนิติบัญญัติ ในกระบวนการงบประมาณ โดย นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า คาดหวังจะรับทราบเสียงสะท้อนจากประชาชนเพื่อนำไปปรับปรุงการจัดทำงบประมาณต่อไป ทั้งงบกลางตามอำนาจของนายกรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัตินั้นจะต้องตรวจสอบ อย่างเข้มข้น เพื่อให้การใช้งบแผ่นดินเป็นไปด้วยความโปร่งใส ความคุ้มค่าและเป็นไปตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งงบกลางของนายกฯพอใช้ไม่หมด 1 ปี ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้
“ที่ผ่านมารัฐบาลมีเทคนิคที่จะหลบเลี่ยงในการตรวจสอบต่างๆ ตรงนี้ฝ่ายนิติบัญญัติจำเป็นจะต้องเข้มแข็ง เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาล ฝั่งโน้นฝั่งนี้ไปเป็นรัฐบาลก็ไม่ได้เป็นรัฐบาลตลอดชีวิตหรือเป็น 100ปีผลัดเปลี่ยนกันไปแต่การตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติจะต้องเข้มแข็ง
ของบไม่ได้เพิ่มเพราะชี้แจงไม่ชัดเจน
นายพิเชษฐ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เห็นว่า สงร.ควรเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถ ในเรื่องการตรวจสอบการใช้เงินของประเทศ โดยจะต้องตรวจสอบอย่างเข้มข้น ให้สส.และสว.ได้มีส่วนร่วม รวมทั้งจะต้องเป็นหน่วยงานที่มีความเป็นอิสระและมีข้อมูลเพื่อให้ สส. สว.นำไปใช้ในการพิจารณางบประมาณ และประชาชนสามารถเข้ามารับทราบงบประมาณของจังหวัดตัวเอง เพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนให้การกระจายงบประมาณทั่วถึง
“ปัจจุบันนี้สภาฯอยู่อย่างประหยัด อยู่อย่างเท่ เราใช้เงินไม่หมดก็คืนให้กับรัฐบาลทุกปี ปีหนึ่งงบ.สส.และสว.รวมแล้วประมาณ 5พันล้านบาทที่ต้องคืนและสส.ก็ไม่สามารถแปรญัตติเพิ่มงบประมาณให้กับตัวเองได้ เพราะกลัวขัดรัฐธรรมนููญที่ไม่ให้สส.เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เพราะกลัวเรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง ตัวอย่าง งบในปี68 เราได้งบฯทั้งสส.และสว.มีสัดส่วน 0.2 % ของงบทั้งประเทศ และเมื่อเทียบกับกระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงศึกษาธิการที่ได้มาก สภาฯยังได้น้อยกว่าบางกรมของกระทรวงเหล่านี้ ดังนั้นเราจะขับเคลื่อนประชาธิปไตยได้อย่างไร จึงทำให้สส.ที่เป็นกรรมาธิการงบฯก็ไม่กล้าแปรญัตติเพิ่มให้ทั้งที่เราขอเพิ่มไป 800 ล้านบาท จึงขอฝากให้จัดงบฯปี 69 เพิ่มกิจกรรมให้มากขึ้น เพื่อให้ได้งบจาก 5,400 ล้านบาท เป็น 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้การที่เราไม่ได้งบเพิ่ม จุดอ่อนคือสภาฯชี้แจงของบไม่ชัดเจน”นายเชษฐ์ กล่าว
เร่งร่างกฎหมายไม่ต้องส่งคืนงบ
นายพิเชษฐ์ กล่าวต่อว่า หากสภาฯสามารถหางบได้ด้วยตัวเองก็เป็นการดี เพราะวันนี้เราแพ้ อบต.แพ้เทศบาล ที่งบประมาณเหลือ เขาสามารถสะสมงบประมาณได้ แต่สภาฯต้องคืนทุกปี เพราะเราไม่สามารถจัดการตัวเองเพื่อไม่ต้องคืนเงินที่เหลือจ่ายได้ ซึ่งตอนนี้ตนได้หารือกับฝ่ายกฎหมายของสภาฯ เพื่อร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)แก้ไขระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา เมื่อร่างสร็จแล้วก็ต้องส่งให้รัฐบาล เนื่องจากเป็นกฎหมายการเงิน เมื่อเข้าสภาฯแล้วก็เชื่อว่าทุกพรรคคงไม่ขัดข้อง ดังนั้นต่อไปนี้เราจะต้องสู้ และขอให้ สงร. ไปวิจัยว่าในปีงบประมาณปี 69 และ ปี70 สภาฯควรมีงบประมาณเท่าไหร่ ซึ่งควรจะเพิ่มขึ้นทุกปี เพื่อนำไปอ้างอิงกับสำนักงบประมาณ
‘พิธา’โพสต์ติงกกต.ยื่นยุบพรรค
ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แถลงยืนยันว่าการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลได้ดำเนินการตาม พรป.พรรคการเมือง มาตรา 92จึงไม่มีเหตุต้องไต่สวนซึ่งทำเช่นเดียวกับกรณีพรรคไทยรักษาชาติโดยระบุว่า กกต.จะนำคดีของ “พรรคไทยรักษาชาติ”มาอ้างไม่ได้ เพราะคดีนั้น ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้วินิจฉัยประเด็นกระบวนการการยื่นคำร้องเป็นประเด็นแห่งคดีแต่อย่างใด ดังนั้น ในคดีดังกล่าวจึงไม่อาจเป็นบรรทัดฐานได้ แตกต่างจากคดียุบพรรคอนาคตใหม่ (กู้เงิน) ที่ศาลได้วินิจฉัยความเกี่ยวเนื่องของมาตรา 92 และมาตรา 93 เป็นประเด็นแห่งคดีไว้
นายพิธา ระบุอีกว่า ขณะเดียวกัน คำวินิจฉัยคดียุบพรรคอนาคตใหม่ วางหลักว่ากระบวนการตามมาตรา 93 เกี่ยวเนื่องกับการเสนอคำร้องตามมาตรา 92 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง เพียงแต่ขณะนั้นใช้ระเบียบ กกต.ว่าด้วยพรรคการเมืองปี2560 ซึ่งกำหนดเรื่องกระบวนการเสนอคำร้องตามมาตรา 92 ให้นำระเบียบสืบสวนไต่สวนมาใช้บังคับโดยอนุโลมโดยระเบียบสืบสวนไต่สวนดังกล่าว เป็นระเบียบที่ใช้ในการดำเนินคดีอาญา ซึ่งกำหนดให้ กกต.แจ้งข้อกล่าวหาก่อน แต่ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า การนำมาใช้โดยอนุโลม คือไม่ต้องนำทุกข้อมาใช้บังคับแก่กรณี ดังนั้นกกต.จึงไม่แจ้งข้อหาก่อน ย่อมถูกต้องแล้ว
อำนาจองค์กรอิสระไม่ควรมากเกิน
“แต่ปัจจุบัน ระเบียบ กกต.ว่าด้วยพรรคการเมืองปี2560 ถูกยกเลิกไปแล้ว และมีการออกระเบียบ กกต.ว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมืองปี 2566 ออกมาใช้บังคับกับกรณีการยื่นคำร้องตาม มาตรา 92 และมาตรา93 ดังนั้น การเสนอคำร้องตาม มาตรา 92 จึงต้องดำเนินการตามระเบียบปี2566 อย่างเคร่งครัดดังนั้น มาตรา92 กับมาตรา93 ต้องใช้ประกอบกัน แยกเป็นเอกเทศไม่ได้ หลักการใช้อำนาจขององค์กรอิสระคือไม่ควรล้นเกิน แต่ต้องยึดหลักการมีส่วนร่วมและการถ่วงดุลกัน การยื่นคำร้องยุบพรรค ระบบกฎหมายกำหนดให้เป็นการแสดงเจตนาของ “องค์กรร่วม” เสมอมา เพื่อให้กระบวนการมีการกลั่นกรองและถ่วงดุลตั้งแต่ 2 องค์กรขึ้นไป ก่อนการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค” นายพิธา ระบุ
‘ก้าวไกล’เมิน’ทักษิณ’ทวงส.ส.นนท์
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.ให้สัมภาษณ์กรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมงานวันเกิดนายกเทศบาลนครนนทบุรี และกล่าวภายในงานว่าเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทย (พท.) จะขอกวาด ส.ส.นนทบุรี คืนทั้งจังหวัด ทางพรรคหวั่นไหวกับเรื่องนี้หรือไม่ ว่า คนเลือก ส.ส.นนทบุรี ไม่ใช่นายทักษิณ แต่เป็นคนนนทบุรีที่เลือกมา ดังนั้นจะไปหวั่นไหวกับเรื่องนี้ทำไม เพราะ ส.ส.ของพวกเราก็ตั้งใจทำงานเช่นเดิม เราก็โฟกัสกับการทำงานต่อไป นายทักษิณไม่ได้มีหน้าที่ในการเลือก ส.ส.ไม่ใช่หรือ และไม่มีทะเบียนบ้านในพื้นที่นี้ ตนคิดว่าอย่าไปให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เลย
เย้ยไม่กลับมาเพื่อเลี้ยงหลานแล้วหรือ
“ตกลงที่คุณทักษิณกลับมาประเทศไทยเพื่อเลี้ยงหลาน ตอนนี้จะไม่เลี้ยงแล้วหรือ ทุกคนก็บอกว่าการที่คุณทักษิณกลับประเทศไทยก็เพราะวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างแน่นอน แต่เอาเถอะ อย่าไปใส่ใจเลย เป็นนายกฯก็ไม่ใช่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ไม่ใช่ ก็ถือว่าเป็นแค่หนึ่งเสียงจากคนหนึ่งที่รักษาอาการเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ยได้อย่างรวดเร็วเท่านั้นเอง” นายวิโรจน์ กล่าวและว่า ประชาชนไม่ได้เลือกเพราะนายทักษิณชี้แล้วเลือกตาม ซึ่งนายทักษิณก็ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรในพรรค พท.หรือในรัฐบาล อย่าไปใส่ใจเลย เพราะนายทักษิณก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง ก็มีสิทธิแสดงความคิดเห็นได้ แต่ถ้าเราไปเฝ้าติดตามทุกเมื่อเชื่อวัน งานการก็ไม่ต้องทำกันพอดี เมื่อถามว่า มองว่าการที่ทักษิณตระเวนเดินสายลงพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.ปทุมธานีและนนทุบรี ที่มี ส.ส.ก้าวไกลชนะเลือกตั้งยกจังหวัด ถือเป็นการส่งสัญญาณเดินหน้าทวงคืน ส.ส.กลับคืนให้พรรค พท.หรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า กว่าจะถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าก็ยังอีกนาน นายทักษิณก็อาจจะลงพื้นที่เพื่อพบเพื่อนเก่า แล้วแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของตนเองก็แค่นั้น หากเรามองว่านายทักษิณเป็นประชาชนคนหนึ่ง เราก็น้อมรับความคิดเห็น ซึ่งการตอบโต้ที่ดีที่สุดคือการตั้งใจทำงานของเราต่อไป
อย่ากลัวซักฟอกงบ-ไม่ตั้งองครักษ์
ขณะที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณฯ ปี 2568 ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าไม่หวั่นไหว ไม่ต้องจัดองครักษ์คอยช่วยรัฐมนตรี พร้อมกับเตือนฝ่ายค้านว่า อย่าใช้เวทีอภิปรายงบ มาเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า การอภิปรายงบประมาณของ ก.ก. จะโฟกัสที่เนื้อหาสาระ และตัวเลขงบประมาณการเชื่อมโยงข้อมูลอยู่แล้ว แต่จุดที่เราจะเพิ่มในการอภิปรายในครั้งนี้คือการพยายามอภิปรายเพื่อชี้ทิศทางที่จะเป็นคุณูปการต่อประเทศชาติ เศรษฐกิจ และปากท้องของประชาชน ในการจัดงบประมาณก้อนเดียวกันกับรัฐบาล คือ 3.75 ล้านล้านบาท เราจะเห็นได้ชัดเจนว่าหาก ก.ก. เป็นรัฐบาลจะจัดสรรงบก้อนนี้แตกต่างจากพรรคเพื่อไทย (พท.) อย่างไร งบแบบ ก.ก.ดีกว่าหรือไม่ในการแก้ปัญหาโครงสร้างค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะด้านพลังงาน หรือการมาเสริมสวัสดิการก็ดี ตนคิดว่ามันไม่ใช่การติติง แต่คงเป็นไปในลักษณะจะดีกว่าหรือไม่ถ้าให้ ก.ก.เป็นรัฐบาล และจัดสรรงบประมาณที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนครบทุกกลุ่ม ในระยะสั้น กลาง และยาว
ทำงบน่าสงสัยฝ่ายค้านต้องสอบถาม
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า เราอย่ามาติดกับประเด็นที่ว่า ฝ่ายค้านจะใช้การอภิปรายงบ เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สมมุติว่าหากการจัดงบไม่น่าไว้วางใจ จะให้พูดว่าไว้วางใจหรือ ต้องถามกับนายภูมิธรรม ว่าหากพบการจัดงบประมาณไม่น่าไว้วางใจ นายภูมิธรรม จะไม่ให้ส.ส.ตั้งข้อสังเกตให้กับประชาชน เข้ามาร่วมตรวจสอบกับงบประมาณเลยหรือ งบประมาณนี้เป็นของพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือ งบประมาณนี้มาจากภาษีและภาระที่ประชาชนต้องแบกรับจากการกู้หนี้ของรัฐบาลใช่หรือไม่ ดังนั้น หากเราพบการจัดงบประมาณที่น่าสงสัยในความโปร่งใส ทำไมเราจะพูดในลักษณะไม่ไว้วางใจไม่ได้ ใจเขาใจเรา คุณภูมิธรรมกลับมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบ้าง นอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น ซูเอี๋ยกันหรือ นั่นคงไม่ใช่หน้าที่ของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ดีแล้ว
นายกฯติดตามคืบหน้ารถไฟทางคู่
เย็นวันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานีรถไฟหัวหิน (สถานีเดิม) เพื่อยกระดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ส่งเสริมอัตลักษณ์ของหัวหิน และเยี่ยมชมรับฟังสรุปแผนการเดินรถรองรับการท่องเที่ยว STR Royal Blossom สอดรับกับนโยบายรัฐบาล IGNITE TOURSIM THAILAND โดยมี นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายอวิรุทธ์ ทองเนตร รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนักท่องเที่ยวให้การต้อนรับ เมื่อเดินทางถึงสถานีรถไฟหัวหิน นายกรัฐมนตรี ได้ทักทายประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาให้การต้อนรับ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชายไต้หวันได้มาเข้าทักทายและขอถ่ายรูปกับนายกรัฐมนตรี
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินเยี่ยมชมขบวนรถไฟ พร้อมรับฟังบรรยายสรุป โดยนายกรัฐมนตรี ได้ชื่นชมการปรับปรุงขบวนรถไฟว่ามีความสวยงาม มีเอกลักษณ์แสดงถึงความเป็นไทย ซึ่งคาดว่าจะสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว สำหรับขบวนรถไฟท่องเที่ยว “SRT Royal Blossom” เป็นขบวนรถโดยสารที่ รฟท.ได้รับมอบจากประเทศญี่ปุ่น และนำมาดัดแปลงเป็นขบวนท่องเที่ยวแล้วเสร็จชุดแรกจำนวน 5 คัน และได้นำขบวนพ่วงทดสอบความสมบูรณ์ และนำมาปรับปรุงรถโดยฝีมือคนไทยทั้งหมด ภายใต้แนวคิดต้องการให้เป็นรถเพื่อการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ มีสันทนาการบนรถ ออกแบบหน้าต่าง บานกระจกกว้างเป็นพิเศษ เพื่อให้สัมผัสบรรยากาศวิวสองข้างทางอย่างเต็มที่ มีมุมคาเฟ่บริการ สร้างความรู้สึกว่าได้ท่องเที่ยวอย่างเต็มที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี