“สมศักดิ์” ย้ำ ประกาศกระทรวง สธ. ครอบครองยาบ้า 1 เม็ดถือเป็นผู้เสพมีผลบังคับใชัแล้ว แต่ต้องผ่านกระบวนการพิสูจน์ พร้อมเผย ผลรับฟังความเห็นกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด โค้งสุดท้ายคะแนนสูสี
วันที่ 18 มิถุนายน 2567 จากกรณีเมื่อวันนี้ (17 มิ.ย.2567) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ กฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2567.
น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมืองเปิดเผยว่า กฎกระทรวงฉบับใหม่ประกาศใช้ล่าสุด ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 17 มิถุนายน 2567 มีผลบังคับใช้แล้ว นั่นหมายถึงการครอบครองยาบ้าไม่เกิน 1 เม็ด หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 100 มิลลิกรัม ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ ให้นำตัวไปบำบัดรักษา หากเกินกว่านี้ ถือว่า มีไว้เพื่อจำหน่าย จะต้องได้รับโทษตามกฎหมาย ซึ่งเป็นการแก้ไขกฎกระทรวงเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 5 เม็ด
น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า กฎกระทรวงนี้ ลงนามโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2567 กำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2567 ด้วยเหตุผลที่บันทึกไว้ท้ายกฎกระทรวงว่า “โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีครอบไว้เพื่อเสพ ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้โทษอย่างจริงจัง โดยเฉพาะยาเสพติดในประเภท 1 กรณีแอมเฟตามีนและเมทแอมเฟตามีน จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้”
น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า กฏกระทรวงฉบับนี้ แก้ไขปริมาณยาเสพติดไว้ 2 ประเภท คือ ยาบ้าหรือแอมเฟตามีน ดังกล่าวไว้ข้างต้น กับยาไอซ์ หรือเมทแอมเฟตามีน กำหนดปริมาณไม่เกิน 1 หน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 100 มิลลิกรัม หรือในกรณีที่เป็นเกล็ด ผง ผลึก มีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 20 มิลลิกรัม ให้สันนิษฐานว่ามีไว้่ในครอบครองเพื่อเสพ หากเกินกว่านี้ถือว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีและรับโทษ
น.ส.ตรีชฎากล่าว ย้ำว่า รัฐบาลนี้เอาจริง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มุ่งมั่นตั้งใจยาเสพติดต้องหมดไปในรัฐบาาลนี้ คืนลูกหลานกลับสู่อ้อมกอดครอบครัว คืนอนาคตให้ลูกหลาน ทันที่รับนโยบายนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบุคลากรในกระทรวงทำงานอย่างหนักและรวดเร็วเพื่อออกประกาศกฎกระทรวงฉบับนี้ ดังนั้นคนเสพที่มียาบ้า ไม่เกิน 1 เม็ด ยาไอซ์ในครอบครองไม่เกิน 100 มิลลิกรรม ขอให้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่นำตัวบำบัดรักษาให้หายขาดจากการเสพติด เป็นยาแรงในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้ได้ผลด้วยมาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มข้น ด้วยความร่วมมือกับกระทรวงยุติธรรม ตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล ปปส. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง
ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการบังคับใช้ร่างกฎกระทรวงสาธารณสุข ลดจำนวนผู้ถือครองยาบ้าจาก 5 เม็ดเป็น 1 เม็ด ถือเป็นผู้เสพ ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ววานนี้ (17 มิ.ย.) ถือว่ามีผลบังคับใช้แล้ว ทั้งนี้ในส่วนของผู้ที่ครอบครองยาบ้า 1 เม็ด มีสิทธิขอบำบัด แต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าตนเองเป็นผู้ติดยาเสพติด และถ้ามีผู้เสพต้องรู้ว่ายานั้นมาจากไหน เป็น 1 ผู้เสพ 1 ผู้ขาย กระบวนการนี้หากตำรวจทำครบวงจร ตนเชื่อว่ายาบ้าจะลดลง เพราะหากไม่มีผู้ขาย ผู้เสพก็จะลดลง ซึ่งปัจจุบันมีผู้เสพประมาณ 1.1 แสนคน
“หากไม่มีกระบวนการยึดทรัพย์แก้อย่างไรปัญหาก็ไม่หาย ย้ำว่า คนชี้เบาะแสจะได้ส่วนแบ่งจากการยึดทรัพย์ 5% คนที่ทำคดีแต่ต้นจนถึงส่งฟ้องได้ 25% ซึ่งกฎหมายใหม่คาดว่า 2 ปีก็น่าจะยึดทรัพย์ได้ทั้งหมดไม่ล่าช้าเหมือนในอดีต” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการรับฟังความคิดเห็นการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ที่เปิดรับฟังความคิดเห็นมาตั้งแต่วันที่ 11 -25 มิ.ย. ว่า ช่วงแรกคนไม่เห็นด้วยกับตนเยอะ แต่ตอนท้ายใกล้เคียงแล้ว
เมื่อถามว่า หากผลสรุปออกมาจะใช้เป็นข้อสรุปเลยหรือว่าจะใช้ข้อมูลทางวิชาการอื่นๆเข้ามาประกอบด้วยอีก นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดจะประชุมอีกครั้งให้ตกผลึกว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ซึ่งยังสามารถปรับปรุงได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี