ศาลให้15วันส่งหลักฐานเพิ่ม
ยืดเวลา‘เศรษฐา’
นัดพิจารณาใหม่10ก.ค.นี้
สู้คดี40สว.ยื่นถอดถอน
นายกฯพร้อมชี้แจงงบ’68
ศาลรธน.ยืดเวลา 15 วันให้“เศรษฐา”ส่งหลักฐานเพิ่มคดี 40 สว.ยื่นถอดถอนนายกฯ ปมตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรมต.นัดพิจารณาใหม่ 10 กรกฎาคม “วิษณุ”เผยส่ง“เลขาฯครม.”เป็นพยานคดีนายกฯเชื่อศาลรธน.ยกเป็นประเด็นมาตรฐานจริยธรรม-ซื่อสัตย์สุจริต
ใช้พิจารณาเป็นหลัก ระบุผลคดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานแน่‘ณัฐฏ์จารี’เลขาฯครม.พร้อมชี้แจงศาลฯคดีถอดถอนนายกฯด้าน‘มนพร’เผย ‘เศรษฐา’หายป่วย เข้าร่วมประชุมงบฯ68 ทั้ง3วัน ‘ฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน’ได้อภิปรายฝ่ายละ20ชั่วโมง ‘เพื่อไทย’มั่นใจงบ68วาระแรกผ่านฉลุยขณะที่สภามีมติเอกฉันท์451เสียง รับร่างกม.ประชามติ ปลดล็อค2ชั้น
เมื่อเวลา 09.30น.วันที่ 18 มิถุนายน 2567 ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุมปรึกษาคดีสำคัญกรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 า ความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ กรณีนำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดศาล ซึ่งอาจเป็นเหตุให้นายเศรษฐาต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ในการประชุมเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้คู่กรณียื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันจันทร์ที่ 17 มิ.ย.นี้ และกำหนดนัดพิจารณาครั้งต่อไปในวันอังคารที่ 18 มิ.ย.นี้นั้น
ศาลพิจารณาคดี40สว.ร้องถอดถอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้แจ้งว่าวันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2567 ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดีที่สำคัญและเป็นที่สนใจโดยในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องสมาชิกวุฒิสภา(สว.) 40 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 17วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
สมาชิกวุฒิสภา จำนวน40 คน ยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภา(ผู้ร้อง)ว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้องที่1)ได้นำความกราบบังคมทูลฯเพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้องที่2) เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งๆที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าผู้ถูกร้องที่ 2 ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากผู้ถูกร้องที่2เคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลาหกเดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริตและมีพฤติกรรม อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5)เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสองสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 17วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 17 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82
ศาลยืด15วันให้ส่งหลักฐานเพิ่มคดี
ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องเฉพาะส่วนของผู้ถูกร้องที่มาตรา 160 (5) และ2หรือไม่ ผู้ร้องจึงส่งคำร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา170วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องเฉพาะส่วนของผู้ถูกร้องที่2
สำหรับกรณีของผู้ถูกร้องที่1มีคำสั่งรับไว้พิจารณาวินิจฉัยโดยผู้ถูกร้องที่1ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาให้หน่วยงาน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2567
‘วิษณุ’ส่งเลขาครม.พยานคดีนายกฯ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะมีผลอะไรออกมาหรือไม่ ว่า ไม่ได้พิจารณาในวันนี้ แต่ศาลให้ยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานต่อศาลที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ลักษณะเดียวกับคดีของพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นการเริ่มพิจารณา จะมานั่งประชุมพิจารณาและถกเถียงกัน ผลจะยังไม่เกิดขึ้นใน 1-2 วันนี้
“ส่วนพยานที่ส่งไปเพิ่มเติมมีเพียง 1 คน คือนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพราะเป็นบุคคลที่รู้กระบวนการทั้งหมด”นายวิษณุ กล่าว
เชื่อมั่นยังไม่วินิจฉัยเร็ว 7วันนี้
เมื่อถามว่าเท่าที่ตรวจดูคำชี้แจงของนายกฯมีความเป็นไปได้ที่นายกฯจะรอดใช่หรือไม่นายวิษณุตอบว่า ไม่มีความเห็น หากจะให้บอกว่าไม่รอดแน่ๆก็จะประหลาดหรือจะให้บอกว่ารอดแน่ๆก็พูดไม่ได้เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ในกระบวนการของศาล เพื่อให้ศาลสบายใจ ส่วนรายละเอียดคำชี้แจงเดี๋ยวคงมีการเปิดเผยกันออกมาเอง ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไรเพียงแต่ในชั้นนี้ศาลยังไม่ได้พิจารณา เราจะมาพูดแถลงนอกศาลไม่ได้
เมื่อถามว่าเป็นเพราะนายกฯไม่รู้พฤติกรรมในอดีตใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่าขอไม่อธิบายตรงนี้ ขอไปอธิบายกันในศาล ส่วนผลจะออกมาเร็วหรือช้านั้น ไม่ทราบแต่ไม่ใช่ภายใน 3-7 วันนี้ และหลังจากนี้ไม่ต้องชี้แจงแล้วเพราะได้ส่งพยานไปแล้ว 1 คน
ศาลยึดซื่อสัตย์สุจริตเป็นหลัก
เมื่อถามว่า2เรื่องที่รัฐบาลไม่ได้ถามคณะกรรมการกฤษฎีกาคือเรื่องมาตรฐานจริยธรรม และความซื่อสัตย์สุจริต ได้มีการชี้แจงต่อศาลไปหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ส่งคำอธิบายไป แต่ไม่ได้ถึงขนาดอธิบายเป็นคำนิยาม เพราะเป็นคำที่เข้าใจกันอยู่ทั่วไป เพียงแต่ว่า คำว่าซื่อสัตย์สุจริตหรือมาตรฐานจริยธรรม มีความหมายของมันตามรัฐธรรมนูญและมีกระบวนการ คำว่ามาตรฐานจริยธรรมไม่ใช่เป็นที่เราแต่งขึ้นเอง แต่เป็นคำเฉพาะที่เหมือนชื่อคน เป็นชื่อกฎหมาย ถ้าจะมากล่าวหาว่าใครผิดมาตรฐานจริยธรรมก็จะต้องร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ซึ่งมีเส้นทางในการดำเนินการ
“ผมเชื่อว่าเรื่องจริยธรรมและความซื่อสัตย์จริตน่าจะเป็นประเด็นสำคัญที่ศาลจะพิจารณา เพราะอย่างอื่นสามารถพิสูจน์เป็นรูปธรรมได้ เช่น เคยติดคุกหรือไม่ เคยต้องคำพิพากษาหรือไม่ แต่เรื่องมาตรฐานจริยธรรมไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ หากไม่มีกระบวนการโดยเฉพาะต่างหาก เรื่องซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ อยู่ๆจะไปบอกว่าใครไม่ซื่อสัตย์สุจริตตามรัฐธรรมนูญถือเป็นเรื่องอันตรายเพราะจะทำให้ขาดคุณสมบัติตลอดชีวิต”
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการมองว่าเรื่องมาตรฐานจริยธรรมน่าจะเป็นเรื่องของหน่วยงานอื่นเป็นผู้พิจารณา นายวิษณุกล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของหน่วยงานอื่นพิจารณาอยู่ด้วย
ระบุผลคดีนี้เป็นบรรทัดฐานแน่
เมื่อถามว่าในอดีตเคยมีคดีลักษณะเดียวกันหรือไม่นายวิษณุ กล่าวว่าไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด โดยเป็นกรณีที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่และมาร้องเรียนเพื่อเอาออกจากตำแหน่ง แต่กรณีของนายพิชิต ชื่นบาน ปัจจุบันได้ออกจากตำแหน่งไปแล้วก็จบ เป็นเรื่องที่ตั้งไปแล้ว เป็นรัฐมนตรีแล้ว หลายคนเป็นพฤติกรรมที่ทำไปแล้วเป็นชิ้นเป็นอันในขณะนั้น
เมื่อถามย้ำว่ามาตรฐานจริยธรรมต้องวัดหลังจากดำรงตำแหน่งใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ได้ตอบแบบนั้นแล้วแต่ศาล เราบอกก่อนไม่ได้เมื่อถามอีกว่าหากศาลรัฐธรรมนูญชี้ครั้งนี้จะถือเป็นบรรทัดฐานเลยใช่หรือไม่ นายวิษณุ ตอบว่า“เป็นบรรทัดฐาน”
เลขาฯครม.พร้อมชี้แจงศาลรธน.
ด้านนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความพรัอมในการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีเป็นพยานเพียงคนเดียวในคดี 40สว. ยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี ว่า คงพูดอะไรได้ไม่มาก
เมื่อถามอีกว่ามั่นใจในการชี้แจงในฐานะที่เป็นพยานเพียงหนึ่งเดียวหรือไม่ นางณัฐฏ์จารี กล่าวว่า“เราก็ทำตามขั้นตอน”เมื่อถามว่าทราบกำหนดนัดหมายของศาลในการนัดสอบพยานแล้วหรือยัง นางณัฐฏ์จารี กล่าวว่า ไม่ทราบเลย ยังไม่ทราบจริงๆเมื่อถามว่าจะชี้แจงกรณีที่40สว.ระบุว่าไม่ได้มีการชี้แจง มาตรา 160 (4)(5)รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องมาตรฐานจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์อย่างไร นางณัฐฏ์จารีกล่าวว่า มีในการชี้แจง
‘สุริยะ’นั่งหัวโต๊ะประชุมครม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเช้า ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล แทน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีที่ยังอยู่ระหว่างลาป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ในวันเดียวกันจะครบกำหนดลาป่วยเป็นวันสุดท้ายและช่วงเย็นเวลา 17.00 น.นายเศรษฐาจะเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงรับรองเพื่อแสดงความยินดีกับจุดเริ่มต้นของกฎหมายสมรสเท่าเทียม ผ่านระบบซูมมายังพื้นที่จัดงานที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯ
ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ติดภารกิจช่วงเช้าเข้าร่วมประชุมสภาสมัยวิสามัญเป็นพิเศษเพื่อพิจารณาแก้ไขร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่สภาจะเข้าร่วมการประชุม ครม.
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ครม.แจ้งลาการประชุมรวม 6 คน ประกอบด้วย นายเศรษฐา นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย และน.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
‘นายกฯ’พร้อมเข้าสภาแจงงบ68
ที่ทำเนียบรัฐบาล นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคมให้สัมภาษณ์ว่าในวันพรุ่งนี้(19มิ.ย.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจะเดินทางเข้าร่วมประชุมร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปี2568ได้ทั้ง 3วัน ซึ่งทางฝ่ายรัฐบาลก็เตรียมพร้อมในการอภิปราย ในสัดส่วนการอภิปรายของสส.พรรคเพื่อไทยจะมี สส.จำนวน 20 คน ขึ้นอภิปรายสนับสนุน โดยฝ่ายรัฐบาลได้เวลา 20ชั่วโมง ฝ่ายค้าน 20 ชั่วโมงและสัดส่วนของรัฐมนตรีและประธานสภาอีก 1 ชั่วโมง คาดว่าจะใช้เวลาอภิปรายครบทั้ง 3วันและจะสามารถลงมติได้ก่อนเวลา 24.00น.ของวันที่ 21มิ.ย.นี้
ทั้งนี้ ในการตอบคำถามของฝ่ายค้านเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีทุกกระทรวงทุกคนก็พร้อมลุกขึ้นมาชี้แจงเมื่อมีประเด็นที่ถามถึงสัดส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนกำกับ
คมนาคมเตรียมแจงปมส่วย20ล้าน
เมื่อถามถึงที่พรรคไทยสร้างไทย(ทสท.)จะอภิปรายเรื่องข้าราชการในกระทรวงคมนาคมที่มีการเรียกรับส่วย 20ล้านบาทนั้น นางมนพร กล่าวว่า ถ้าพูดถึงในสิ่งที่สมาชิกบางคนได้หยิบยกมา รัฐมนตรีก็ต้องชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้ก็ต้องมีพยานหลักฐานให้แน่ชัดว่ารับกับใคร จะกล่าวหากันลอยๆไม่ได้ ส่วนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้วหรือไม่นั้น ตนยังไม่ได้รับรายงาน แต่ก็ทราบว่าพรรคทสท.ได้ออกมาให้สัมภาษณ์และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและรมว.คมนาคมได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้แล้วว่าหากจะมาร้องว่าเป็นใคร ที่ไหน เราก็จะตั้งคณะกรรมการสอบ หากผิดก็ว่ากันไปตามผิด
เมื่อถามว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคม ได้เตรียมความพร้อมการอภิปรายงบฯ ที่มีดราม่าในหลายเรื่องอย่างไร นางมนพร กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม ไม่มีดราม่าแต่จะอภิปรายถึงสาระที่เกี่ยวเนื่องกับงบฯ 68 ซึ่งจะดราม่าหรือไม่ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าสมาชิกท่านใดที่ลุกขึ้นมาดราม่า และไม่มีมูลความจริง ซึ่งรัฐมนตรีทุกกระทรวง ก็พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะของสมาชิกในทั้ง 3วัน
พท.มั่นใจงบ68วาระแรกผ่านฉลุย
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมสส.พรรค พท. วานนี้ (17 มิถุนายน) ว่า ที่ประชุมได้มีการพูดคุยถึงการเตรียมอภิปรายงบประมาณร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม และมั่นใจว่าการอภิปรายงบฯ ครั้งนี้จะสามารถผ่านวาระ 1 ไปได้อย่างแน่นอน เพราะเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว
เผยครม.สัญจรโคราชช่วง1-2ก.ค.
เมื่อถามว่า วานนี้ที่ประชุมสส. พรรค พท. ได้มีการพูดคุยถึงสถานการณ์การพิจารณาคดีทางการเมือง 4 คดีใหญ่ในวันนี้บ้างหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า “ไม่ได้พูดคุย ไม่ได้มีอะไร” เป็นเพียงการติดตามสถานการณ์เท่านั้น ทั้งนี้ ทุกคนในพรรคก็มีความเป็นห่วง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา และที่ประชุมพรรคก็เป็นการพูดคุยกันปกติ ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรนอกสถานที่ จ.นครราชสีมา วันที่ 1-2 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมการ
แจงงบ68‘มหาดไทย’5หมื่นล้าน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการเตรียมการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2568ว่าทุกกระทรวงต้องมีข้อมูลเพื่อจะชี้แจงแก่สส.และสว.ซึ่งรัฐมนตรีแต่ละคนก็พร้อมชี้แจงหากโดนพาดพิง ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคฯได้จัดเตรียมสส.เพื่อเตรียมพร้อมอภิปรายแสดงความเห็นครั้งนี้เช่นกัน เมื่อถามว่าเกิดความสงสัยว่าเหตุใดงบของกระทรวงมหาดไทยจึงหายไป 50,000ล้านบาทนายอนุทินกล่าวว่าไม่ต้องสงสัย 50,000ล้านบาท ที่หายไปเป็นไปตามนโยบายกระจายอำนาจ โดยสมัยก่อนงบดังกล่าวต้องผ่านกระทรวงมหาดไทยซึ่งในอนาคตก็จะลดลงเรื่อยๆขณะนี้อบจ.ลงไปถึงเทศบาลก็มีการเสนองบตรงที่สำนักงบประมาณ 50,000 ล้านบาท โดยเริ่มตั้งแต่งบปี 2568 พอปี 2569 - 2570 อาจจะหายไปเป็นแสนล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายกระจายอำนาจ ซึ่งต่อไปกระทรวงมหาดไทยก็มีหน้าที่แค่ดำเนินการเมื่อถูกร้องขอมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี