"กลุ่ม24มิถุนาฯ"ร้องสภาฯ นิรโทษกรรมเหมารวม ม.112 เพื่อฉลองวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ ชี้เป็นประโยชน์ เดินหน้าก้าวข้ามขัดแย้ง ด้าน"ชัยธวัช"เผยกำลังพิจารณาเรื่องอำนาจหน้าที่ หากมีโต้แย้งกันสูง อาจกำหนดเงื่อนไข-กระบวนการในคดีนั้นๆเป็นพิเศษ
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ที่รัฐสภา กลุ่ม Peace and Harmony Organization และกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมการและที่ปรึษากรรมาธิการฯ เพื่อขอให้นิรโทษคดีการเมืองทุกคดี รวมถึงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
โดย นายเกียรติชัย ตั้งภรณ์พรรณ แกนนำกลุ่ม กล่าวว่า เราเสนอให้มีการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองทุกคดี ไม่มียกเว้นมาตรา 112 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของความขัดแย้งของชาติในปัจจุบัน การดำเนินคดีด้วยกฎหมายอาญามาตรา 112 คือการกลั่นแกล้งทางการเมือง ซึ่งถือได้ว่าเป็นคดีการเมือง จำนวนคดีที่พุ่งสูงขึ้นมักจะสอดคล้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองเสมอเพื่อปิดกั้นการแสดงความเห็นต่างต่อคณะ รัฐประหารโดยการนำสถาบันกษัตริย์เป็นข้ออ้าง สำคัญที่สุดสิทธิในการประกันตัว ตั้งแต่ต้นยังปลายกระบวนการ ตั้งแต่คดีอยู่ในมือตำรวจก็มีการออกหมายจับ ทั้งที่ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ในชั้น อัยการในระยะแรกก็มีผู้ถูกละเมิดสิทธิประกันตัว จนมาถึงในระยะหลังทีคดีเริ่มมีการตัดสินไปบ้างแล้ว แต่ละคนก็ได้สิทธิประกันตัวไม่เท่ากัน บางคนได้ประกันตัวแต่บางคนไม่ได้ ทั้งที่ระยะเวลาห่างกันไม่มาก และที่สำคัญที่สุดหลายคนที่ไม่ได้ประกันตัวมักจะถูกอ้างว่าเกรงว่าจะหลบหนี แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยผิดเงื่อนไขประกันตัว
นายเกียรติชัย กล่าวต่อว่า จึงมีความชัดเจนว่าคดีมาตรา 112 เข้าเกณฑ์การกระทำที่มีแรงจูงใจทางการเมือง การเมืองเป็นไปตามนิยามของ กมธ.ศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม "การกระทำที่มีพื้นฐานมาจากความคิดที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง หรือต้องการบรรลุเป้าหมายทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง ในช่วงเวลาที่มีความขัดแย้งหรือเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง" เพราะบุคคลที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 มักจะเป็นผู้ที่มีความเห็นต่างทางการเมืองกับคณะรัฐประหาร และพวกเขาวิจารณ์การอ้างสถาบันกษัตริย์ของคณะรัฐประหารเพื่อให้การปกครองแบบเผด็จการ
นายเกียรติชัย กล่าวว่า เนื่องในวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา ในวันที่ 28 ก.ค.2567 การนิรโทษกรรม ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการเดินหน้าก้าวข้ามความขัดแย้ง และสร้างความปรองดองให้กับคนในชาติ เพื่อเป็นการเดินหน้าพัฒนาชาติในทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และภาพลักษณ์ที่ดีของไทยด้านสิทธิมนุษยชนบนเวทีระหว่างประเทศ หากความขัดแย้งที่มีการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นคู่ขัดแย้งยังดำเนินต่อไป ย่อมไม่เป็นผลดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แน่นอน จึงขอให้ทาง กมธ.ทุกท่าน ในการมีความเห็นให้มีการนิรโทษกรรมตามมาตรา 112 เพื่อยุติความขัดแย้งทางการเมือง
ด้าน นายชัยธวัช กล่าวว่า หากจะใช้กลไกการนิรโทษกรรมผ่านสภาฯ นั้น แน่นอนว่ามี กมธ.บางคนแสดงความคิดเห็นส่วนตัวเรื่องเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมมาตรา 112 แต่รายงานของ กมธ.ก็มีการรวบรวมเกี่ยวกับความผิดในมาตรานี้ และจะเห็นได้ชัดว่าคดีเกี่ยวกับมาตรา 112 เกิดขึ้นมากและเห็นได้ชัดหลังการรัฐประหารปี 2549 และการรัฐประหารทุกครั้งมักจะมีการอ้างอิงเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อสร้างความชอบธรรม มีการใช้ความจงรักภักดีในการชอบทำให้ตนเอง ทำให้สถิติความผิดเกี่ยวกับมาตรา 112 มีมากขึ้นในช่วงนั้นๆ แต่ย้ำว่า กมธ.ยังไม่ได้มีข้อสรุป รวมถึงยังไม่ได้มีการพิจารณาใน กมธ.ขณะนี้เรากำลังพิจารณาในเรื่องของอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนิรโทษกรรม ซึ่งมีข้อเสนอด้วยว่าหากมีการโต้แย้งกันสูง อาจจะให้คณะกรรมการนิรโทษกรรมกำหนดเงื่อนไขและกระบวนการเพื่อนิรโทษกรรมคดีนั้นๆ เป็นพิเศษก็ได้
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี