ปลุกไทยผู้นำซอฟต์พาวเวอร์โลก
‘อุ๊งอิ๊ง’โวแหลก
คุยดึงเงินเข้าปท.4ล้านล้าน
นายกฯเริ่มทัวร์อีสาน6จว.
เร่งแก้ไขปัญหายาเสพติด
นายกฯ ควง “แพทองธาร” เปิดงาน THACCA SPLASH-Soft Power Forum 2024 ครั้งแรก ตั้งเป้าหมายใหญ่คือ “สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้”เริ่มทัวร์นกขมิ้นเยือนอีสาน 6 จังหวัด ประเดิมลุยร้อยเอ็ด เยี่ยม รร.ธวัชบุรี ศึกษาต้นแบบบูรณาการจัดการปัญหายาเสพติดก่อนไปต่ออุบลราชธานี ด้าน’แพทองธาร’ปาฐกถาพิเศษ ประกาศปักหมุดหมายไทยพร้อมเป็นหนึ่งในผู้นำซอฟต์พาวเวอร์โลก โวโกยเงินเขาประเทศ4ล้านล้านบาท ครอบครัวละ2แสนบาทต่อปี
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน THACCA SPLASH - Soft Power Forum2024 พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กรรมการและเลขานุการฯและคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ให้การต้อนรับ จากนั้น น.ส.แพทองธาร ได้นำนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเยี่ยมชมนิทรรศการ THACCA SPLASH - Soft Power Forum 2024 โดยแบ่งออกเป็น 21จุด 4โซน11 พาวิลเลี่ยนจาก 11 อุตสาหกรรม รวมถึงพาวิลเลี่ยน THACCAและพาวิลเลี่ยนซอฟต์พาวเวอร์นานาชาติจากประเทศอิตาลี ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผู้นำด้านซอฟต์พาวเวอร์ที่ส่งออกวัฒนธรรมสร้างสรรค์จนเป็นที่นิยมในระดับนานาชาติ
นายกฯใช้ซอฟต์พาวเวอร์หนุนศก.
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดงานว่า นโยบายซอฟต์พาวเวอร์นี้ เกิดจากความตั้งใจที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจของเราเติบโตจากภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร ที่มีคนเกี่ยวข้องทำงานอยู่จำนวนมาก ซึ่งงานในภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้จำนวนไม่น้อยเป็นแรงงานที่ใช้ทักษะต่ำ หนำซ้ำยังต้องพึ่งพาอาศัยธรรมชาติ ฤดูกาล น้ำฝน น้ำท่วม น้ำแล้ง ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่มีความไม่แน่นอน ส่งผลกระทบไปสู่สถานะทางการเงินของครอบครัว และระดับประเทศ แสดงออกมาเป็นปริมาณหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ที่สูงกว่า 90% ดังนั้น โครงสร้างเศรษฐกิจไทยต้องได้รับการ Upgrade จากการใช้แรงงานทักษะต่ำ หันไปใช้ความมันสมองและความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น โดยเฉพาะในยุคของดิจิทัลเอจ (Digital Age) และงานที่ให้มูลค่ากับฝีมือมากยิ่งขึ้น
หนุนชาวไททุกคนเข้ามีส่วนร่วม
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า จากภาพรวมดังกล่าว รัฐบาลจึงเล็งเห็นการผลักดันยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ ให้เป็นอุตสาหกรรมที่คนไทยทั้งหมด สามารถมีส่วนร่วมได้ด้วยศักยภาพของทุกคน ที่มีพื้นฐานทางวัฒนธรรม ฝีมือ และเวทีในการแสดงออก เป้าหมายใหญ่ของเราคือ “สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้” เพื่อให้คนไทยอยู่ดีมีสุข และทำให้เศรษฐกิจของประเทศเจริญก้าวหน้า ดังนั้น การจัดงานครั้งนี้จึงมุ่งปักหมุดใน 3 สร้าง คือ สร้างแรงบันดาลใจ ให้ทุกคนตระหนักถึงศักยภาพของตนเอง สร้างเวทีแลกเปลี่ยนระดับนานาชาติ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม Soft Power ของไทยผ่านการเรียนรู้ case study ที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ และสร้างสุดท้าย คือ สร้างการรับรู้ให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางถึงพลังซอฟต์พาวเวอร์ไทย ให้สื่อสารทุกทิศทางอย่างทรงพลัง เปรียบเสมือนการสาด หรือSPLASH
“รัฐบาลนี้ ตั้งเป้าผลักดันอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ทั้ง 11สาขา โดยนำความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมและเทคโนโลยีมาประยุกต์กับทุนทางวัฒนธรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และบริการของไทย เราตั้งเป้าให้เวทีนี้เปิดกว้างสำหรับประชาชนทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความสนใจ รวมถึงเป็นเวทีแห่งโอกาสในการแลกเปลี่ยนมุมมองกับผู้ที่ประสบความสำเร็จในวงการอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลก” นายกรัฐมนตรี กล่าว
‘อิ๊ง’ชู1ครอบครัว1ซอฟต์พาวเวอร์
ต่อมา น.ส.แพทองธาร กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “นโยบายการขับเคลื่อนและพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ไทย”ว่า การจัดงานTHACCA SPLASH : Soft Power Forum 2024 นี้ เป็นจุดเริ่มสำคัญของนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ซึ่งเราจะได้สร้างแรงบันดาลใจ สร้างความฝันและโอกาสที่จะปลดปล่อยพลังของคนไทยให้กระจายไปทั่วโลก ซึ่งในงานตลอดทั้ง3วันนี้ จะได้พบกับการแสดงวิสัยทัศน์ การแบ่งปันเรื่องราวจากตัวจริงของแต่ละภาคอุตสาหกรรม ทั้งในไทยและต่างประเทศ นิทรรศการนโยบายที่จะบอกเล่าเรื่องราวการทำงาน การทำเวิร์กช็อปมาให้เรียนรู้และที่สำคัญที่สุดคือจะเป็นครั้งแรกที่จะเปิดให้มีการลงทะเบียน“โครงการหนึ่งครอบครัวหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์(OFOS)” เพื่อยกระดับศักยภาพตัวเองในงานนี้
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า นโยบายซอฟต์พาวเวอร์นี้เพิ่งเริ่มต้นมาแค่ 9เดือน แต่ภารกิจนี้ไม่ใช่เริ่มวันนี้ แต่เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย โดยที่เราเชื่อเสมอว่า ภูมิปัญญา วัฒนธรรมไทย และศักยภาพคนไทยมีมูลค่าสูง สามารถดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก ซึ่งในวันนั้นนโยบายที่เป็นรูปธรรมคือ OTOP หรือหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่สนับสนุนพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานรากของพี่น้อง 7,000 ตำบลทั่วประเทศมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงระดับประเทศและสร้างมูลค่าต่อเนื่องมาจากปี 2545 จนถึงวันนี้ไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านบาท
ดึงเม็ดเงินเข้าประเทศ4ล้านล้านบาท
น.ส.แพทองธาร กล่าวด้วยว่า แม้จะผ่านมาแล้ว 20ปี นโยบายนั้นสำเร็จแต่ยังไม่ถึงเป้าหมายเพราะยังขาดจิ๊กซอว์ที่หายไปจากภาพใหญ่ที่จะทำให้ซอฟต์พาวเวอร์นั้นสมบูรณ์ ครั้งนี้เราจึงคิดใหญ่ ตั้งเป้าหมายใหญ่ ตั้งเป้าให้ชัดเจนว่า ซอฟต์พาวเวอร์ จะต้องสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 4ล้านล้านบาทยกระดับชีวิตคนไทยทุกครอบครัว ให้มีรายได้ไม่น้อยกว่า 200,000บาทต่อปี สร้างแรงงานทักษะสร้างสรรค์ไม่น้อยกว่า 20 ล้านตำแหน่ง จะต้องมีร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ไม่น้อยกว่า 100,000 แห่ง ยิมมวยไทยทั่วโลกจะต้องเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20,000แห่ง หนังสือจากคนไทยจะต้องได้รับการแปลในหลายภาษาอย่างเป็นระบบ หมอลำ TPOP นักร้องลูกทุ่ง จะได้มีพื้นที่ในเวทีคอนเสิร์ตระดับนานาชาติ มีแฟนเพลงทั่วโลก เทศกาลของประเทศไทยจะต้องได้รับ IP Festival
กาง3ยุทธศาสตร์ผลักดันไปสู่เป้าหมาย
โจทย์ของการทำงานซอฟต์พาวเวอร์ในเวลานี้คือ เราจะไปถึงเป้าหมายทั้งหมดนี้ได้อย่างไร เราจะสร้างซอฟต์พาวเวอร์ให้แข็งแรงจากวันนี้ไปถึงอนาคตได้อย่างไร คำตอบก็คือเราจะต้องสร้าง Ecosystem ให้ยั่งยืนด้วยการเติม 3ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ได้แก่1.นโยบายการพัฒนาศักยภาพคน นโยบาย OFOS หนึ่งครอบครัวหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ คือ การreskill Up skill ครั้งใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศ เราจะยกระดับทักษะของคนไทย ยกระดับรายได้ เติมแรงงานที่เก่งเข้ามาในระบบเพื่อทำให้เกิดการพัฒนา2.นโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรม คือการตั้งTHACCA Thailand Creative Culture Agency หน่วยงานกลางที่จะเป็นผู้กำหนดนโยบาย รวบรวมงบประมาณไม่ให้กระจัดกระจาย แก้ไขปัญหากฎหมายที่ติดขัดในอุตสาหกรรม ความพิเศษของ THACCA คือการสร้างกลไก ให้ภาคเอกชนในแต่ละอุตสาหกรรมเป็นผู้นำภาครัฐเป็นครั้งแรก3.นโยบายต่างประเทศ หลักสำคัญคือ เราจะส่งออกสิ่งที่แต่ละประเทศต้องการ เราได้ทำงานร่วมกับคณะทูตไทยทั่วโลกและทูตพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้มอบนโยบายนี้เพื่อจับคู่สิ่งที่เรามีกับสิ่งที่ในแต่ละประเทศต้องการ เพื่อขยายโอกาสให้คนไทย
รบ.ให้ความสำคัญเรื่องนี้มากที่สุด
“ซอฟต์พาวเวอร์ที่เราทำในวันนี้ อาจผลิดอกออกผลอย่างเต็มที่ในอีก 10ปีข้างหน้า มันไม่มีสูตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ต้องทำด้วยกลไกใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นจริงเท่านั้น แต่วันนี้ รัฐบาลนี้เริ่มทำแล้ว และทำอย่างจริงจังมากที่สุดเท่าที่เคยมีในประวัติศาสตร์และนโยบายนี้จะเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทยในอีกหลายสิบปีข้างหน้า” น.ส.แพทองธาร กล่าว
ทั้งนี้งาน THACCA SPLASH : Soft Power Forum 2024 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 - 30 มิถุนายน 2567 เวลา 10.00 - 19.00 น.ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ฮอลล์ 1 - 2 ชั้น G ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมชมงานได้ฟรีตลอดทั้ง 3 วัน โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงาน THACCA SPLASH : Soft Power Forum 2024 ได้ทาง https://general.icv-allservice.com
ควง’แม้ว’ออกงานเตรียมฟื้นโอทอป
เวลา 14.30น.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้พา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าชมงาน THACCA: SPLASH SOFT POWER FORUM ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดย นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินเข้าชมงาน ว่า ตนได้ให้คำแนะนำกับคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ ว่า การจัดงานต้องการพัฒนาศักยภาพคนไทยให้มีรายได้ที่ดีขึ้น เพราะคนไทยมีฝีมือ แต่อาจจะถูกใช้งานที่มีรายได้ขั้นต่ำ ทั้งที่เขาควรจะได้รับ ทั้งๆ ที่เขาควรจะมีโอกาสในชีวิตที่ดีกว่านี้ ซอฟต์พาวเวอร์ คือ เราจะพยายามเอาคนเก่งๆ ได้มีโอกาสเข้ามา ส่วนงานโอทอปที่ตนเคยทำไว้ เป็นเรื่องของงานด้านฝีมือด้านอาหาร แต่วันนี้มันมากกว่านั้น เช่น ดนตรี กีฬา แล้วก็นักวิทยาศาสตร์เกม ซึ่งมีหลายอย่าง เมื่อถามว่า เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ต่อยอดมาจากโอทอปที่หายไปหลายปีแล้วรู้สึกอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า ฟื้นได้ฟื้นไม่ยาก โอทอปฟื้นไม่ยาก
นายกฯทัวร์นกขมิ้นอีสาน6จังหวัด
เวลา 12.30 น.ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางเพื่อมายังท่าอากาศยานร้อยเอ็ด ตำบลมะอึ อำเภอธวัชบุรี เพื่อปฏิบัติภารกิจในการลงพื้นที่อีสานใต้ โดยวันเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรีปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยเวลา 13.15 น. นายกรัฐมนตรีศึกษาต้นแบบการบูรณาการจัดการปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด วัดโกศลรังสฤษฏ์ ต.อุ่มเม้า อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังโรงเรียนธวัชบุรีวิทยาคม เพื่อเยี่ยมและดูการพัฒนาด้านการศึกษาของโรงเรียน พร้อมพบปะนักเรียนซึ่งมีอยู่ประมาณ 600 คน
วางแผนป้องกันน้ำท่วมอุบลราชธานี
จากนั้นนายกรัฐมนตรีเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดอุบลราชธานี เวลา 17.20 น. นายกรัฐมนตรีกราบนมัสการพระเจ้าใหญ่อินทร์แปง และชมกรรมวิธีการจัดทําต้นเทียนพรรษาประเภทติดพิมพ์ ณ วัดมหาวนาราม พระอารามหลวง จากนั้น นายกรัฐมนตรีพบปะพ่อค้าแม่ค้าและประชาชน ณ ถนนคนเดินเลียบแม่น้ำมูล เทศบาลนครอุบลราชธานี อ.เมืองอุบลราชธานีและพักค้างคืน การลงพื้นที่ครั้งน้ัพล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตํารวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมคณะด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 29 มิถุนายน นายกฯจะลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างแยกต่างระดับคำน้ำแซบ ที่แยกคำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี และติดตามสถานการณ์และสั่งการเตรียมการป้องกันแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัย จากนั้นเดินทางไป จ.ศรีสะเกษ เป็นประธานการประชุมติดตามประเด็นยาเสพติดและปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษและวันที่ 30มิถุนายน นายกฯจะเดินทางลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ที่อ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ และเป็นประธานการประชุมหารือแผนพัฒนา จ.สุรินทร์
ประชุมครม.สัญจรโคราช2ก.ค.นี้
ก่อนวันที่ 1กรกฎาคม จะลงพื้นที่ จ.นครราชสีมาและจ.ชัยภูมิ และพักค้างคืนที่ จ.นครราชสีมาอีก 1 คืนและวันที่ 2กรกฎาคม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) จ.นครราชสีมา และเดินทางกลับกรุงเทพฯในช่วงเย็นวันเดียวกัน
บินเยือนร้อยเอ็ดแก้ปัญหายาเสพติด
เวลา 12.30น.นายเศรษฐาและคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน. 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานร้อยเอ็ด ตำบลมะอึ อำเภอธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ปปส.นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตํารวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.,พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2และคณะ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีเดินทางต่อด้วยรถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด ทะเบียน จท 101 กรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่จุดแรกเวลา 13.55น.ที่จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อตรวจเยี่ยมการศึกษาต้นแบบการบูรณาการจัดการปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด“โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดตำบลอุ่มเม้า”ที่วัดโกศลรังสฤษฏ์ ตำบลอุ่มเม้า อ.ธวัชบุรี เมื่อมาถึง นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ให้การต้อนรับ จากนั้นนายกฯรับฟังผลการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ก่อนผู้ว่าฯร้อยเอ็ด กล่าวรายงานว่า ในห้องประชุมแห่งนี้จะมีกลุ่มเป้าหมายผู้เคยเสพซึ่งเป็นสีเขียวจำนวน 160 คน ส่วนที่เหลือจะเป็นชุดปฏิบัติการประจำตำบล ซึ่งอำเภอธวัชบุรีตั้งไว้ทั้งหมด 12ตำบล โดยจังหวัดร้อยเอ็ดได้เตรียมข้อมูลในส่วนของการ Re X-ray ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดไว้ตั้งแต่ต้นปี2567 ซึ่งอำเภอธวัชบุรีน่าจะเป็นอำเภอต้นแบบที่จะดำเนินการป้องกันปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง จึงได้กำหนดแนวทาง และทำโครงการตั้งชุดปฏิบัติการประจำตำบลขึ้นมา มอบหมายให้ลงดำเนินการในพื้นที่เอกซเรย์อีกรอบ
ยก’อ.ธวัชบุรี’โมเดลปลอดยานรก
ซึ่งผลปรากฏค่อนข้างน่าตกใจ จากเดิมที่เราเคย Re X-ray มีผู้เกี่ยวข้องในระดับผู้เสพผู้ติด ไม่ถึง 200 คน มีผู้ค้าจำนวน 10 กว่าราย หลังจากRe X-ray รอบใหม่ปรากฏมีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดขึ้นไปเกิน 1,600 คน ส่วนผู้ค้า 60 กว่าราย ทำให้เราต้องบูรณาการในส่วนของตำรวจ ทหาร พลเรือน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และอาสาสมัครต่างๆช่วยกันระดมแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ขณะเดียวกันได้ระดมทุกหน่วยงานบูรณาการพัฒนาตำบล หาอาชีพให้กับเกษตรกร และการจ้างแรงงานในทุกเรื่อง ทั้งนี้การแก้ไขปัญหายาเสพติดที่อำเภอธวัชบุรีในระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา หลังจากวันที่ 30 มิ.ย.นี้ อาจจะเรียกได้ว่าอำเภอธวัชบุรีจะเป็นอำเภอที่ปลอดจากผู้เสพ ผู้ติดยาอย่างแท้จริง และยืนยันว่าเราจะทำการรักษาความเป็นอำเภอปลอดยาเสพติดอย่างนี้ไว้ตลอดไป ขณะที่นายกฯกล่าวว่า ตนลงพื้นที่อำเภอนี้จุดประสงค์เดียวมาดูแลเรื่องยาเสพติด ฉะนั้นรัฐบาลนี้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่รัฐทุกส่วนมาวันนี้มาช่วยกันดูแลปัญหานี้ เข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยมาโดยตลอด หลายท่านในที่นี้เคยหลงผิดเคยเสพยามา แต่ไม่เป็นไรรัฐบาลให้ความช่วยเหลือตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ บำบัดรักษา หาอาชีพฝึกอาชีพให้ เพื่อให้พวกท่านกลับไปสู่สังคมที่มีเกียรติและมีศักดิ์ศรี สามารถทำงานหาเลี้ยงชีพได้ โดยธำรงไว้ซึ่งความปลอดภัยจากยาเสพติด
ผู้ว่าฯประกาศ30มิ.ย.ไม่มียาเสพติด
นายเศรษฐา กล่าวว่า ซึ่งทางผู้ว่าฯประกาศแล้วภายในวันที่ 30มิ.ย.นี้ จะไม่มียาเสพติด เป็นพื้นที่สีขาว ซึ่งจากการตรวจคัดกรองยังพบว่ามีอยู่ แต่ก็ถือว่าใกล้เคียงที่จะเป็นอำเภอสีขาวได้ แต่เรามีเป้าหมายหลัก ภายในสิ้นเดือนก.ย.ปีนี้จังหวัดร้อยเอ็ดทั้งจังหวัดจะเป็นพื้นที่จังหวัดสีขาว ปลอดยาเสพติด ซึ่งเชื่อว่าทุกคนและหน่วยงานรัฐที่มากันในวันนี้จะให้ความสำคัญและดูแลพี่น้องประชาชนตั้งแต่ผู้เสพให้หายขาด และไปประกอบอาชีพทำมาหากินได้อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ขอเป็นกำลังใจให้พวกท่านทุกคนที่เราเคยทำผิดกันมา แต่วันนี้เราปลอดยาเสพติดแล้วมาในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านประกอบอาชีพกลับสู่ครอบครัว ทำมาหากินอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ไม่กลับไปยุ่งกับยาเสพติดอีก ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ทำมาจนถึงวันนี้ 28 มิ.ย.อีกนิดเดียวจะสิ้นเดือนหวังจะทำกันต่อไปจนประสบความสำเร็จ
‘อิ๊ง’ลุยช่วย‘ชาญ’ชิงอบจ.ปทุมธานี
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 17.00น.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ลงพื้นที่ช่วยนายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหาร (อบจ.) ปทุมธานี หาเสียงที่ตลาดจัมโบ้ ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในช่วงสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 30 มิถุนายน โดยในวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา นายพานทองแท้ ชินวัตร ได้พื้นที่ตลาดฉัตรไพลินและตลาดสามโคกในการช่วยหาเสียงช่วยนายชาญหาเสียงมาก่อนแล้ว จากเดิม น.ส.แพทองธาร จะลงพื้นที่ในวันดังกล่าว แต่เนื่องจาก น.ส.แพทองธารไม่สบาย จึงทำให้ นายพานทองแท้ ไปลงพื้นที่แทน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี