‘กล้านรงค์’จี้ปธ.กกต.ยับยั้งรับรองผล
แฉเลือกสว.ไม่สจริต
พิรุธอื้อทั้ง‘จัดตั้ง-จ้างวาน’
ผู้สมัครสว.แห่ร้องสอบโกง
โชว์หลักฐาน‘บล็อกโหวต’
‘ทักษิณ’ซัดผลพวงปฏิวัติ
ฝุ่นตลบ! ผู้สมัครสว.สอบตก–บัญชีสำรอง แห่ร้อง กกต.สอบกระบวนการคัดเลือกสว.ระดับประเทศ แฉสารพัดกลโกง “ชุดโพยมหัศจรรย์” ลงคะแนนได้คะแนนเหมือนกัน ชี้เบาะแสผิดปกติพร้อมแนะสอบ “แก๊งเสื้อลายโปรไฟล์สั้น” จี้ไล่สอบการกรอกประวัติ – การลงคะแนน จะพบบล็อกโหวตชัดเจน พร้อมโชว์หลักฐานอ้างเก็บโพยตกคาห้องน้ำได้ ด้าน“กล้านรงค์”ทนไม่ไหว ส่งหนังสือถึงประธาน กกต.ข้องใจเลือก สว.ส่อไม่สุจริต พิรุธอื้อ ทั้ง “จัดตั้ง-จ้างวานสมัคร-คุณสมบัติไม่ตรง” แนะใช้อำนาจตามกม.ระงับยับยั้งก่อนประกาศรับรองผล ขณะที่‘อนุทิน’รับรู้จัก‘บิ๊กเกรียง’ปัดวางหมากคุมสภาสูง ระบุไม่รู้จักคนขับรถ‘ปู่ชัย’ โอดภท.โดนให้ร้ายอยู่เรื่อย ‘ทักษิณ’ซัด กติกาเลือก สว.ผลพวงปฏิวัติ
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าหลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จัดการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.)เสร็จสิ้นว่า ตามที่กกต.ประกาศกำหนดให้เลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.)ระดับประเทศ ในวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อได้ผู้ได้รับเลือกขั้นต้นของแต่ละกลุ่มแล้ว ผู้อำนวยการการเลือกระดับประเทศจัดให้มีการแบ่งสาย จำนวน 4 สาย ดังนี้
กกต.ประกาศผลคะแนนผ่านเว็บ
สาย ก ประกอบด้วย กลุ่มที่ 7, 11, 13, 16 และ 20สาย ข ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1, 4, 6, 17 และ 18
สาย ค ประกอบด้วย กลุ่มที่ 5, 8, 9, 12 และ 15สาย ง ประกอบด้วย กลุ่มที่ 2, 3, 10, 14 และ 19
ขณะนี้ผู้อำนวยการการเลือกระดับประเทศ ได้เรียงลำดับผลคะแนน และได้ประกาศผลการนับคะแนนในการลงคะแนนเลือกผู้สมัครในกลุ่มอื่นที่อยู่ในสายเดียวกัน เสร็จแล้ว สามารถดูรายละเอียดผลการนับคะแนนดังกล่าวได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการ การเลือกตั้ง www.ect.go.th
แห่ร้องกกต.สอบโพยเลขมหัศจรรย์
ขณะเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้สมัคร สว.ที่ไม่ผ่านเข้ารอบ และผู้สมัคร สว.ที่ติดบัญชีสำรองออกมาเรียกร้องกกต.ให้ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในการคัดเลือกสว.ระดับประเทศ โดยนายสุรชัย พรจินดาโชติ ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 19 นำผู้สมัครบางส่วน ยื่นคำร้องให้กกต.ตรวจสอบกระบวนการเลือกสว.พร้อมระบุว่า ตนติดบัญชีสำรอง อยากให้กกต.ตรวจสอบความผิดปกติ 3 ประเด็น โดยประเด็นแรก ผู้สมัครบางกลุ่มลงคะแนนเหมือนกัน ซีรีย์เดียวกัน ในกลุ่มตนมีประมาณ 20 คน คิดว่ามีแค่สองคนก็ประหลาดแล้ว โดยตัวเลขที่ลงอย่างเช่น 3, 22 ,122, 5 ตนขอเรียกว่าเป็นตัวเลขมหัศจรรย์
จี้เช็คประวัติใหม่-สอบแก๊งชุดเหลือง
นายสุรชัยกล่าวต่อว่า ประเด็นที่ 2 พบผู้สมัครบางส่วนแต่งกายคล้ายกัน เช่น ใส่เสื้อสีเหลืองเป็นกลุ่มคลุมด้วยแจ็คเก็ตสีดำ พฤติกรรมผิดสังเกต นอกจากนี้ ยังพบคนที่เป็นหัวหน้าทีม แต่ไม่แต่งกายชุดเดียวกัน ลักษณะคล้ายไกด์ทัวร์ ขอแนะนำให้กกต.ไปเปิดวีดีโอวงจรปิดดู และประเด็นที่ 3 อยากให้ตรวจสอบข้อมูลคุณสมบัติที่กรอกในเอกสารสว. 3ว่าจริงหรือเท็จ โดยเฉพาะข้อมูลประวัติการศึกษา และประวัติการทำงานที่เกี่ยวข้องในกลุ่มตัวเอง จากที่ตนเห็น กกต.น่าจะตรวจสอบไม่ละเอียด
“การเขียนข้อมูลลงเอกสาร สว.3 เหมือนการโฆษณาตัวเอง เพื่อให้คนเข้ามาเลือก ซึ่งจะมีผลต่อการลงคะแนน ถ้าเขาเขียนอะไรที่โฆษณาเกินจริง หรือไม่ใช่ข้อเท็จจริง แล้วทำให้คนอื่นตัดสินใจเลือก จะมีผลต่อผู้สมัครรายอื่น การกรอกข้อมูลอันเป็นเท็จมีผลทางกฎหมาย จึงอยากให้กกต.ตรวจสอบ” นายสุรชัย กล่าว และว่า จะยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลฎีกาเช่นกัน
ฉะเลขาฯกกต.ทำงานให้คุ้มภาษี
ขณะที่นายสหรัฐ มาลาศรี ผู้สมัคร สว.ตกรอบกล่าวเพิ่มเติมว่า ที่กกต.บอกมีสายสืบ โดยเฉพาะนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ขอให้ทำงานสมกับเป็นกกต. คุ้มภาษีประชาชน เพราะบอกว่ารู้ แต่ไม่สามารถจับคนทุจริตได้ ถือว่าคุณไม่ทำงาน การมายื่นครั้งนี้ ไม่ถึงขนาดที่อยากให้การเลือกเป็นโมฆะ แต่อยากให้ตรวจสอบคนที่บล็อกโหวต หรือจัดตั้ง กกต.ต้องไปจัดการ ไม่ใช่มาบอกว่าไม่มีหลักฐาน ทำอะไรไม่ได้ อย่างนั้นแสดงว่าคุณไม่ทำงาน
ไล่เช็คคนได้0แต้ม-พรรคส้ม/แดง/น้ำเงิน
นายสหรัฐยังเปิดเผยด้วยว่า คนที่ได้ศูนย์คะแนน โดยไม่กาตัวเอง เฉพาะกลุ่มตนมีประมาณ 10 คน และได้ 1 คะแนนมีประมาณ 10 คน อยากให้กกต.ไปดูว่าสามารถทำอะไรกับเขาได้บ้างหรือไม่ ส่วนที่ถามจะเอาผิดพรรคการเมืองด้วยหรือไม่นั้น ตนคิดว่าถ้าสอบสวนถึงก็ต้องเอาผิดแน่นอน จะยุบก็ต้องยุบ ไม่ว่าจะเป็นพรรคสีน้ำเงินสีส้ม หรือ สีแดง ก็ต้องจัดการ
ด้านนายพัลลภ แก้วใหม่ ผู้สมัครสว.กลุ่ม 6 กล่าวว่า ตนอยากเรียกร้องไปถึงเรื่องระบบ ภาพ เสียง และการขานชื่อ เนื่องจากคะแนนของตนหายเข้ากลีบเมฆ ตนทักท้วงไปตั้งแต่ตอนนับคะแนนแล้วขอให้นับใหม่แต่กกต.ก็ไม่ยอม ทำให้ตนมองว่าเป็นการเสียสิทธิไม่ได้เข้ารอบไขว้ ไม่ได้รับความเป็นธรรม
จี้สอบเชื่อมีโพยบล็อกโหวต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวัน มีผู้สมัคร สว.อีกหลายกลุ่มเดินทางมายื่นคำร้องให้กกต.ตรวจสอบพิรุธการเลือก สว.ระดับประเทศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา อาทิ กลุ่มผู้สมัครสว.กลุ่ม 2,3,14 ยื่นคำร้องให้ตรวจสอบกระบวนการเลือก สว.ระดับประเทศใหม่ นำโดย นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท ผู้สมัครสว. กลุ่มสตรีเผยว่า ขอให้กกต.ตรวจสอบการบล็อกโหวต เพราะทุกคะแนนทุกหีบเหมือนกันหมด แสดงให้เห็นว่ามีโพย นอกจากนี้ คุณสมบัติก็ยังไม่ตรงกลุ่มอาชีพ
ปูดจอง10รร.เพื่อฮั้วโดยเฉพาะ
“นักวิทยาศาสตร์จบป. 4 สื่อมวลชนเป็นคนพูดเสียงตามสาย มันผิดตั้งแต่ขั้นตอนรับสมัครครั้งแรกแล้ว ดิฉันอยากจะเรียนต่อสื่อมวลชนว่าโรงแรม พี่จองให้คนที่มาจากต่างจังหวัด ตามกลุ่มที่เขาจัดสรร เพื่อมาฮั้วกัน มีการเข้าพักจัดเลี้ยง จ่ายเงินกันตรงนั้น อยากฝากว่าทั้ง 10 โรงแรมนั้น ให้กกต.ไปสืบสวน ดิฉันเชื่อว่ามีความพยายามทำลายพยานหลักฐาน”นางกุสุมาลวตีกล่าว
ขุดประวัติเลขาฯกกต.คนบุรีรัมย์
และว่า สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือ เราจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ เพราะขณะที่เลขาฯกกต. เป็นคนบุรีรัมย์ เป็นอดีตคณะทำงานของนายชัย ชิดชอบ และพี่ชายเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ โดยการสนับสนุนของบางคน และคนบางพรรค การกระทำเยี่ยงนี้อุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมาย ยืนยันมีการซื้อโหวตกันจริง เราหาพยานหลักฐานได้ แต่เชื่อว่าพยานแวดล้อมเข้าองค์ประกอบล้านเปอร์เซ็นต์
อย่ารีบประกาศผลไล่เช็คใบคะแนนก่อน
ขณะที่พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. ผู้สมัคร สว.กลุ่มกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมกล่าวว่า มีความพยายามให้โหวตเตอร์เลือกคนที่เป็นเป้าหมาย และในการเลือกไขว้ก็มีการเขียนโพยไว้ ตนเห็นเพื่อนข้างๆ ยังไม่อ่านใบสว. 3 จบก็ลงคะแนนเสร็จแล้ว เรื่องนี้กกต.ต้องใช้ความกล้าหาญในการตรวจสอบ ตนไม่ได้พูดลอยๆหลักฐานอยู่ที่ใบคะแนนทุกใบที่อยู่ในกล่อง เชื่อว่าทำได้ไม่ยาก เพียง 1 วันก็รู้ว่าใครเลือกใครบ้าง ตนยินดีให้ข้อมูลเพิ่มเติม อยากให้กกต.อย่าเพิ่งรีบประกาศผล
โชว์หลักฐานเด็ดโพยตกในห้องน้ำ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเงื่อนไขการล็อบบี้ หากไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องก็ไม่ผิดกฎหมาย พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ไม่ใช่ผลประโยชน์อย่างเดียว ต้องเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมด้วย การจัดตั้งโดยไม่สุจริต ยุติธรรม ไม่จำเป็นต้องมีผลประโยชน์ ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องเงินเรื่องทอง พล.ต.ท.คำรบยังแสดงพยานหลักฐานที่เป็นโพยการลงคะแนนพร้อมระบุว่า เป็นโพยที่ตกในห้องน้ำพอดีตนเป็นตำรวจ เลยเก็บหลักฐานทุกชนิด ตนได้โพยมาแล้วก็ไปเทียบกับคะแนนที่ได้มาเป๊ะ
ชี้เป้าสอบแก๊งเสื้อลายโปรไฟล์สั้น
พล.ต.ท.คำรบย้ำว่า ตนมายื่นร้องแค่กระบวนการเลือก ส่วนกรณีพรรคการเมืองมาเกี่ยวข้องหากมีหลักฐานก็ให้ไปเติมเอาเป็นรายบุคคล อย่างกลุ่มตนกลุ่มกฎหมาย กลับไปดูแล้วคนที่ได้กลับไม่ได้จบกฎหมาย แต่ทำอาชีพค้าขาย เป็นผู้ใหญ่บ้าน และจบราชภัฏมา และประวัติก็เขียนแค่บรรทัดเดียว
สอดคล้องกับนายจิรัฏฐ์ แจ่มสว่าง อดีตที่ปรึกษารมว.ศึกษาธิการ และผู้สมัคร สว.กลุ่มการศึกษา ที่ระบุ หลักฐานทั้งหลายมีแต่อยู่ในกล่องเลือกตั้ง เพียงนำมาสแกนเก็บเข้าไประบบแล้วตรวจสอบว่าบัตรใดที่ลงคะแนนซ้ำกันมากๆ อย่างที่ 2 ตรวจสอบคุณสมบัติเราต้องไปตรวจสอบคุณสมบัติที่ไม่ตรงปก ที่ตนแซวว่าเสื้อลายโปร์ไฟล์สั้น คนเหล่านี้ได้รับการโหวต เป็นเรื่องจริงว่าบุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลต้องสงสัย นำคนเหล่านี้มาสอบจะย้อนไปถึงในเส้นทางว่าสัมพันธ์กับบุคคลหรือสายสีใด ก็สามารถไปเล่นงานพวกเขาได้
“กล้านรงค์”ข้องใจเลือกสว.ไม่สุจริต
อีกด้านหนึ่ง นายกล้านรงค์ จันทิก สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ วุฒิสภา ทำหนังสือ เรื่องข้อเสนอแนะเพื่อประกอบการพิจารณาของ กกต. กรณีมีเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับการเลือกสว.ไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ถึงนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. เนื้อหาในหนังสือระบุว่า จากการคัดเลือก สว.ของกกต. ซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กว้างขวางถึงความไม่ชอบมาพากล อาทิ ข้อสงสัยเรื่องการจัดตั้งเพื่อลงสมัคร โดยกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครไม่ตรง 20 กลุ่ม การจ้างวานสมัครเพื่อเลือกใครคนหนึ่ง ปรากฏการณ์ผู้ไม่ลงคะแนนให้ตัวเองจำนวนมาก มีบุคคลจำนวนหนึ่งได้คะแนนสูงผิดปกติ รวมทั้งมีการรวมกลุ่มและพบปะของผู้สมัครในรูปแบบต่าง ๆ เป็นต้น
หนังสือของนายกล้านรงค์ยังระบุต่อว่า คณะกรรมาธิการฯติดตามเรื่องดังกล่าวและเป็นห่วงกังวลต่อเหตุอันควรสงสัยข้างต้นอย่างมาก และมีความเห็นว่าถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงจะขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 มาตรา 107 ที่ประสงค์ให้การเลือกดังกล่าวเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม มีผลให้ประชาชนขาดความไม่เชื่อมั่นในการจัดการเลือก สว. ของกกต. ผู้ได้รับเลือกเป็น สว.และวุฒิสภา ดังนั้น คณะกรรมาธิการฯเห็นว่า กกต.ควรพิจารณาใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.พ.ศ. 2561 มาตรา 59
จี้ใช้อำนาจระงับยับยั้งสั่งเลือกใหม่
“สำหรับเนื้อหาของมาตราดังกล่าว กำหนดว่า ก่อนประกาศผลการเลือก หากมีเหตุอันควรสงสัยว่าการเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งระงับ ยับยั้ง แก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกการเลือกและสั่งให้ดำเนินการเลือกใหม่ หรือนับคะแนนใหม่...” อย่างจริงจัง เพื่อให้สังคมมีความมั่นใจในการดำเนินการของกกต. ที่จะให้การเลือก สว.ครั้งนี้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ จึงขอให้กกต.อโปรดพิจารณาตามที่เห็นสมควรต่อไป”
“พรเพชร”ชี้สว.ไม่พ้นโยงการเมือง
นอกจากนี้ ยังมีความเห็นจากหลายฝ่ายต่อการคัดเลือก สว.ระบบใหม่ อย่างนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงสว.ชุดใหม่ 200 คนว่า แตกต่างจากสว.ชุดที่ผ่านมา เพราะว่าที่ สว. 200 คนนั้น มาตามสาขาอาชีพ และแตกต่างจาก สว.ที่ผ่านมา ส่วนที่มีข้อสังเกตว่า สว.ส่วนหนึ่งมาจากพรรคการเมืองสนับสนุนนั้น เป็นเรื่องการเมือง การเมืองก็มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่แล้ว เพราะต้องทำงานร่วมกัน สว.ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเมือง จะบอกว่าเป็นอิสระจากการเมืองคงไม่ใช่ แต่ในการทำงานก็ต้องทำตามขอบเขตหน้าที่ ไม่สามารถที่จะล้ำเข้าไปในการเมืองได้ ดังนั้น เชื่อว่า สว.ชุดใหม่ น่าจะเป็นอิสระ แต่ในอนาคตไม่รู้ว่าจะมีการจับกลุ่มรวมตัวกันหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป สำหรับประธานวุฒิสภาคนใหม่ ต้องเป็นผู้ได้รับความเห็นชอบจาก สว.ส่วนใหญ่ ซึ่งจะทำให้ทำหน้าที่ประธานได้ง่าย ทั้งนี้ สว.ชุดปัจจุบันจะหมดวาระก่อนวันที่ สว.ชุดใหม่จะประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถ้าประกาศราชกิจจานุเบกษาวันที่ 3 กรกฎาคม วันที่ 2 กรกฎาคม สว.ชุดเก่าก็พ้นจากหน้าที่โดยปริยาย
‘อนุทิน’โวยถูกให้ร้ายว่าที่สว.โยงภท.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตถึงว่าที่ สว.ชุดใหม่ที่ได้รับเลือกหลายคนเชื่อมโยงกับพรรคภูมิใจไทยว่า เชื่อมโยงไม่ได้ เพราะพรรคการเมืองยุ่งเรื่อง สว.ได้หรือไม่ มีการพูดให้ร้ายตนอยู่เรื่อย ความจริงคือความจริง ตนเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกหนังสือถึงสองครั้งห้ามยุ่งเรื่องนี้ ตนทำหน้าที่ของตนไปหมดแล้ว ใครจะมาโยงก็โยงไม่ได้ แล้วถึงวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าเขาเลือกกันอย่างไร เคยให้ที่ปรึกษามาอธิบายว่าเลือกกันอย่างไร จนถึงวันนี้ยังไม่เข้าใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ ที่มีสว.เกี่ยวโยงกับจ.บุรีรัมย์จำนวนมาก นายอนุทินกล่าวว่า ต้องไปดูวิธีการ ระบบเป็นอย่างไร เท่าที่ตรวจสอบทุกคนที่เข้ามาก็เข้ามาตามระบบ เลือก สว.ตนยุ่งเกี่ยวอย่างเดียวคือ ให้กลไกของกระทรวงมหาดไทยในการคัดเลือกรอบแรกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โปร่งใส
เป็นไปตามไทม์ไลน์ ไม่ให้มีเรื่องร้องเรียน สำหรับเรื่องนี้ พรรคภูมิใจไทยชี้แจงไม่ได้ ไม่ได้เกี่ยวข้อง
รับรู้จัก‘บิ๊กเกรียง’เป็นเพื่อนเรียนวปอ.
ถามย้ำว่า มีการเชื่อมโยงกับผู้ได้รับเลือกเป็น สว.ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับบ้านใหญ่ชิดชอบ และกับการทำงานของนายอนุทินด้วย นายอนุทินกล่าวว่า ตนรู้จักไม่เกิน 20-30 คน อย่างพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ตนรู้จักตอนเรียน วปอ.61 ส่วนที่มีการระบุว่าเป็น สว.สายสีน้ำเงิน นั้น พูดไปเถอะ เกี่ยวอะไรกับตน ขอย้ำว่าพล.อ.เกรียงไกรคือเพื่อน ส่วนที่พล.อ.เกรียงไกร มีชื่อจะเป็นประธานวุฒิสภานั้น ตนเป็นส.ส. เป็นพรรคการเมือง ไม่เกี่ยว สว.ชุดเดิมตนก็มีเพื่อนพี่ เยอะแยะ แล้วทำอะไรได้บ้าง และเพิ่งทราบตอนที่ พล.อ.เกรียงไกร มาลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษา ไปสมัคร สว.
ปัดวางหมากคุมสภาสูง-พี่เนวินยังตก
“เพื่อนก็คือเพื่อน ผมจะไปยุ่งเกี่ยวอะไรได้ เขาก็ไปสมัคร สว.ที่สุราษฎร์ธานี แต่เมียผมอยู่ระนอง”นายอนุทินกล่าว และยืนยันปฎิเสธวางหมากหรือยุ่งเกี่ยวกับ สว. ขนาดพี่สาวนายเนวิน ชิดชอบ ยังตกรอบ ฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไปยุ่งเกี่ยว
ยันไม่รู้จักคนขับรถปู่ชัย-ย้ำภท.ไม่เกี่ยว
ส่วนกรณีมีชื่อคนขับรถของ นายชัย ชิดชอบ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรได้เป็น สว. นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่รู้จักคนขับรถของปู่ชัย ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยไม่เกี่ยวข้อง ถามอีกว่า เขาวิจารณ์เป็น สว.สายสีน้ำเงิน นายอนุทิน ร้องหึ พร้อมระบุว่า พูดอะไรก็พูดอยู่เรื่อย พูดกันไปเถอะ แล้วจะเกี่ยวอะไรกับตน
‘สมชาย’ร่วงสะท้อน พท.ไม่เกี่ยว
มีความเห็นของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.)กรณีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นสว.สะท้อนถึงความนิยมของพรรคเพื่อไทยที่ลดลงได้หรือไม่ว่า ไม่น่าเกี่ยวข้องกัน เรื่องนี้ทำให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเลือก สว. โดยปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ตนเชื่อว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ดี
เมื่อถามว่ามีการมองว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เสื่อมมนต์ขลังแล้ว นายสุริยะกล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน เพราะการเลือกสว. พรรคไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว
ส่วนกระแสข่าวว่ามีกลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลังการเลือกสว.ครั้งนี้ ส่งผลต่อการทำงานของรัฐบาลหรือไม่เพราะการทำงานของสส.และสว. ต้องเชื่อมโยงกัน นายสุริยะกล่าวว่า ตอนนี้สว.ใหม่ไม่มีอำนาจเรื่องการเลือกนายกฯ แต่มีหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย เชื่อว่าเมื่อกฎหมายผ่านสภา โดยผ่านความเห็นชอบจากพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ตามข่าวคนของพรรคภูมิใจไทยเข้าไปเป็น สว.จำนวนมาก ดังนั้นโอกาสที่กฎหมายจะผ่านยิ่งสะดวก
‘แม้ว’ซัดกติกาเลือกสว.ผลพวงปฏิวัติ
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ประเด็นเดียวกันว่า กรณีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไม่ได้รับเลือกเป็นสว. ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญที่ว่าสอนให้รู้ว่าการปฏิวัติทุกครั้งเกิดจากการไม่ไว้ใจประชาชนคือ เมื่อประชาชนเลือกรัฐบาลมาแล้วไม่ไว้ใจ ก็เกิดปฏิวัติ เกิดกติกาที่ส่วนกลางพยายามจะควบคุมให้ประชาชนทำตามต้องการ สุดท้ายก็กลับไปที่ว่าวันนี้ต้องไว้ใจประชาชน ต้องเชื่อใจประชาชนว่าเขาจะเลือกรัฐบาล เลือกกติกา เลือกคนมากำหนดกติกาของเขาได้ วันนี้กติกาที่เกิดขึ้นรูปแบบเป็นไปตามกติกาที่เกิดขึ้นหลังคณะปฏิวัติทำ แล้วไปคิดว่ากติกาที่ตัวเองคิดดี เก่งที่สุด แต่ผลสุดท้ายก็คือการไม่ไว้ใจประชาชนย ฉะนั้น ต้องกลับไปไว้ใจประชาชน
แนะกลับไปใช้ระบบเดิมให้ปชช.เลือก
“วิธีการที่ประชาชนเป็นคนตัดสินใจชีวิตของเขา หรือตัดสินใจเลือกคนที่จะมาทำงานให้เขาจะดีที่สุด แต่หากส่วนกลางมากำหนดว่ากติกาเป็นแบบนี้ ผลสุดท้ายต้องมีคนไปทำหน้าที่เลือกแทนประชาชนซึ่งการเลือกแทนประชาชน สว.ชุดปัจจุบันก็มีคนเลือกแทนประชาชน สว.ชุดนี้ก็เลือกแทนประชาชน ฉะนั้น วันนี้ขอให้กลับไปที่พื้นฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยคือ ต้องไว้ใจประชาชน อย่าไปดูถูกประชาชน การตัดสินใจของประชากรหมู่มากจะถูกต้องที่สุด”นายทักษิณกล่าว และยืนยันว่า ผลการคัดเลือกสว.ไม่ส่งผลกับการเมือง รัฐบาล ทุกคนที่ทำงานด้วยกันคุยกันรู้เรื่อง เชื่อว่านายกฯคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลได้ทุกคน และยืนยันว่า การที่นายสมชายไม่ได้รับเลือก ไม่เกี่ยวกับตนสิ้นมนต์ขลัง ตนอายุ 75 ปี ก็คนแก่คนหนึ่ง ไม่มีมนต์ขลังอะไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี