กกต.รับปากข้อทักท้วง‘กล้านรงค์’
สอบพิรธชิงสว.
เช็คยิบผู้สมัคร4หมื่นคน
‘แสวง’ยาถ้าผิดฟันทันที
พท.-รทสช.บี้ทำให้ชัดเจน
‘ปลอดประสพ’ยำอัปลักษณ์
กกต.รับข้อเสนอของ “กล้านรงค์ จันทิก” ตรวจสอบข้อพิรุธ เลือก สว.ทั้งการฮั้ว-ปัญหาคุณสมบัติผู้สมัคร ด้าน “แสวง” ย้ำเดินหน้าเช็ครายละเอียดผู้สมัคร 4 หมื่นคน
ถ้าพบผิดฟันทันที โฆษกรทสช.แนะให้โอกาส สว.ใหม่ พิสูจน์ผลงาน ด้าน“ปลอดประสพ” ฉะยับเลือกสว. “อัปลักษณ์ที่สุดในศตวรรษ”
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2567 นายกษิดิศ อาชวคุณ สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่นายกล้านรงค์ จันทิก ประธาน กมธ.กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญยื่นหนังสือถึงประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ให้ตรวจสอบการเลือก สว. เพราะมีเหตุอันควรสงสัยกระบวนการเลือกไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมว่า การยื่นเรื่องดังกล่าว เป็นมติของกมธ.อยากให้กกต.ตรวจสอบกระบวนการเลือก สว.ครั้งนี้ ที่มีข้อพิรุธข้อน่าสงสัยชัดเจนมากมาย ทั้งปัญหาคุณสมบัติผู้สมัคร การฮั้วลงคะแนน หรือ การที่ผู้สมัครไม่ลงคะแนนให้ตัวเอง ได้ 0 คะแนนจำนวนมาก อยากเป็น สว. แต่ไม่ลงคะแนนเลือกตัวเอง
กกต.รับปากสอบข้อพิรุธเลือกสว.
“หลังจากยื่นหนังสือไปแล้วนั้น ล่าสุดทาง รองเลขาธิการกกต.ได้ติดต่อมายังผม บอกพร้อมจะตรวจสอบข้อสงสัยตามที่กมธ.ร้องเรียนไป”นายกษิดิศ กล่าว
โฆษกกมธ.กิจการองค์กรอิสระฯวุฒิสภากล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาก่อนการรับสมัคร สว. กมธ.ลงพื้นที่หลายแห่ง ก็พบข้อน่าสงสัยการเตรียมการที่ส่อให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส หลายอย่างตามที่สื่อนำเสนอไปจึงทำหนังสือแจ้งเตือนให้กกต.ทราบก่อนที่จะมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือก สว. แต่กกต.ไม่ทำอะไร กระทั่งการเลือก สว.เสร็จ ก็พบว่า มีการใช้วิธีการ ที่น่าสงสัยตามที่กมธ.เตือนไปแล้วจริงๆสิ่งที่เตือนไปเพราะไม่อยากให้พรรคการเมืองมาครอบงำ สว. โดยกระบวนการไม่ถูกต้อง แต่ถ้าจะให้กมธ.ตรวจสอบทำอะไรมากกว่านี้ก็จะถูกครหาว่า อยากอยู่ยาว ทั้งที่พวกตนเก็บของกันหมดแล้ว
“ไม่อยากให้กกต.ยึดกรอบเวลา มาเป็นเงื่อนไขในการประกาศรับรองการเลือกสว.ให้ทันในวันที่ 3 ก.ค.นี้ เพราะการเลือก สว.มีหลักฐานชัดเจน มีการกระทำผิด ตั้งแต่ต้นทางในระดับอำเภอ จังหวัด มีผู้สมัครมาร้องเรียนมากมาย กมธ.ก็ได้รับข้อมูลร้องเรียนมาก แต่ กกต.ไม่ตรวจสอบ ยิ่ง กกต.รีบประกาศรับรอง จะยิ่งเสียหายเพิ่มมากขึ้น หลายกรณีมีพยานหลักฐานชัดเจนเอาผิดได้ ควรรีบดำเนินการเอาผิด ไม่ใช่รีบประกาศให้ทันตามกรอบเวลาไม่ควรทำงานด้อยประสิทธิภาพแล้วเกิดปัญหา”นาย กษิดิศ กล่าว
ชี้เหตุให้เกิด’สภาฮั้ว’ เละเทะ
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(สว.)โพสต์เฟซบุ๊กเฟซบุคส่วนตัวระบุว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิด#สภาฮั้ว#เละเทะวันนี้ คือ การไม่ทำหน้าที่ของผู้รับผิดชอบ 1) การไม่ตรวจสอบประสพการณ์ 10 ปีของกลุ่มอาชีพอย่างจริงจัง ตั้งแต่ในระดับอำเภอเพราะกฎหมาย ระเบียบเปิดช่องให้ชาวบ้านรับรองกันเอง จึงมีการรับรองประสพการณ์10ปีเท็จให้กับคนรับจ้างสมัคร สว.เพื่อโหวตฮั้วได้และไม่มีการตรวจจับเอาผิดผู้รับรองเท็จที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท ส่วนผู้ที่รู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครสวมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 10 ปี ปรับ 2 หมื่นถึง 2 แสนบาท ตัดสิทธิการเมือง20ปี 2)ไม่ตรวจคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาอย่างจริงจัง ตั้วแต่วันสมัคร ไม่ใช่ไปรอสอยทีหลัง เพราะหากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม อาทิ เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กรรมการกองทุนหมู้บ่ล้าน อสม อาสาสมัครป้องกันตนเอง ผู้พิพากษาสมทบ ฯลฯ หรือเป็นเจ้าของหุ้นส่วนสื่อมวลชน ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ สื่อโซเชี่ยล ใดๆ ย่อมมีลักษณะต้องห้ามสมัครสมาชิกวุฒิสภาไม่ได้ เช่นกัน
“เมื่อกระบวนการเริ่มต้นในการรับสมัครสมาชิกวุฒิสภาไม่สุจริต เที่ยงธรรมตั้งแต่วันรับสมัคร ปล่อยให้ผู้สมัครที่ไม่มีสิทธิไปเลือกในระดับอำเภอ แม้ตกรอบหรือผ่านได้รับเลือกไปในระดับจังหวัด เข้าสู่รอบระดับประเทศได้ จะได้เป็นสมาชิกวุฒิสภา200คน หรือตัวสำรอง100คน หรือสอบไม่ผ่าย ก็ต้องถือเป็นโมฆะแล้วทั้งสิ้น#ต้นไม้พิษย่อมออกลูกเป็นพิษ #โมฆะ”สว.สมชาย ระบุ
จับตากกต.สกัดคนไม่ซื่อสัตย์
นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา(สว.)โพสต์ข้อความเพจเฟซบุ๊คดร.ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว.059ระบุข้อความว่า”พื้นฐานคุณสมบัติที่สำคัญของสมาชิกวุฒิสภา คือ ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต นั่นหมายถึง ต้องแยกแยะถูกผิดได้ อะไรสุจริตหรือทุจริต อะไรผิด หรือถูกกฎหมาย โดยต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่าง ให้ปวงชนคนทั้งประเทศได้เห็นเป็นประจักษ์ เพราะท่านต้องเข้าทำหน้าที่ในวุฒิสภา เพื่อส่งเสริมคนดีและสกัดคนไม่ดีที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ให้มาใช้อำนาจอธิปไตยของคนไทยทุกคนได้”
“หากกกต.และศาลที่มีอำนาจ จะสามารถทำหน้าที่ แยกแยะ เอาผิดคนไม่ซื่อสัตย์สุจริต ทำผิดกฎหมายไม่ให้ได้เป็นสมาชิกวุฒิสภาได้ ก็จะเป็นคุณูปการอย่างยิ่งต่อบ้านเมืองของเรา ประเทศไทยของเรา”
พร้อมเขียนแคปชั่นว่า”รอผลงานกกต.และศาล เพื่อประเทศไทยจะได้มี ส.ว.ที่สุจริตเป็นที่ประจักษ์ครับ”
กกต.ยกคำพิพากษาปมสมัครสว.
ขณะที่ นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต โพสต์ข้อความบน facebook ส่วนตัว ระบุ สิทธิสมัครรับเลือก...สมัครเป็นเท็จ... รับจ้างสมัคร... คดีที่น่าสนใจในการเลือกลงกลุ่ม...ศาลฏีกา ได้มีคำสั่ง คดีหมายเลขดำที่ ลต.สว.185/2567 คดีหมายเลขแดงที่ ลต. สว.169/2567 ว่า“การที่ผู้คัดค้าน(ผอ.เลือกระดับระดับอำเภอ)รับสมัครผู้ซึ่งประกอบอาชีพทำนาเกลือเป็นไปตามที่ผู้สมัครดังกล่าวประสงค์เข้ารับเลือกในกลุ่มที่ 5 ซึ่งผู้คัดค้านได้ประกาศรายชื่อผู้สมัครแยกเป็นรายกลุ่มตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 อันเป็นการดำเนินการตามความประสงค์ของผู้สมัคร ซึ่งเป็นการปฏิบัติอำนาจหน้าที่ของผู้คัดค้าน จึงไม่มีเหตุที่ผู้ร้อง(ผู้สมัครที่ไปร้องที่ศาลฎีกา)จะยื่นคำร้องเป็นคดีนี้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง”
สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 107ที่บันทึกเจตนารมณ์ไว้ว่า
เพื่อเป็นหลักประกันว่าประชาชนที่มีคุณสมบัติทุกคน จะมีสิทธิสมัครเข้ารับเลือกได้ตามมาตรา107วรรคหนึ่ง จึงได้บัญญัติคุ้มครองไว้ว่า”...ในการแบ่งกลุ่มต้องแบ่งในลักษณะที่ทำให้ประชาชนซึ่งมีสิทธิสมัครรับเลือกทุกคนสามารถอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้” อนึ่ง คำว่า”ความรู้” ที่บัญญัติในวรรคหนึ่งในมาตรานี้ มิได้หมายถึงความรู้ที่วัดได้ด้วยประกาศนียบัตรหรือปริญญาทั้งปวง แต่หมายถึงความรู้ที่บุคคลมีอยู่จริงในด้านต่างๆ เช่น ความรู้ในการทำนา ความรู้ในการประมง หรือความรู้ในการเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น
สอบคุณสมบัติผู้สมัคร4หมื่น
นายแสวงกล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาแล้วพอจะคเนได้ว่า สิทธิการรับสมัคร เป็นคนละส่วนกับเอกสารสารรับสมัครเป็นเท็จ หรือ เอกสารสารประกอบการสมัคร (สว.3) เป็นเท็จ เช่น ในใบ สว.3 บอกว่า ทำนาเกลือ แต่ในความเป็นจริง เมื่อตรวจสอบแล้ว ไม่ได้ทำนาเกลือแต่อย่างใด ลักษณะนี้จะเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเป็นต้น
“กรณี เอกสารรับสมัครด้วยการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ กกต. ต้องตรวจสอบผู้สมัครทุกราย ทั้ง 4 หมื่นกว่าคน ถ้าพบว่ามาสมัครด้วยการการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ก็อาจเป็นความผิดตาม มาตรา 74 รู้ว่า ตนไม่มีสิทธิแต่ก็มาสมัครรับเลือกตั้ง อนึ่ง กรณีการรับจ้างสมัคร แม้เอกสารการรับสมัครถูกต้องสมบูรณ์ แต่ถ้ารับจ้างมาสมัครก็เป็นความผิดอีกกระทงหนึ่งต่างหากด้วย ”เลขาธิการ กกต.ระบุย้ำ
‘พท.’ขย่มซ้ำเลือกสว.ตาม‘นายใหญ่’
ในซีกพรรคเพื่อไทย นายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกสว.ที่มีการร้องเรียนถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ถึง614เรื่องว่า เรื่องนี้เป็นผลพวงของการยึดอำนาจ ผลพวงจากรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ทำให้การเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นสส.หรือ สว. ไม่ได้เกิดจากอำนาจของประชาชนอย่างแท้จริงโดยเฉพาะการเลือกสว.รอบนี้เห็นชัดว่าประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ได้มีส่วนร่วมในการเลือกตัวแทนไปเป็นสภาสูง
การเลือกสว.ครั้งนี้ส่อแววเห็นชัดหลายเหตุการณ์ว่าเป็นกระบวนการ ตั้งแต่การรับสมัครเลือกตั้งกลุ่มอาชีพที่ไม่ตรงปก ในระดับอำเภอ จนถึงระดับจังหวัด และระดับประเทศ มีผู้ระดมผู้สมัครเข้ามา โดยการออกค่าสมัครให้ ออกค่ารถค่าเดินทางให้ ในระดับอำเภอ ได้คนละ 10,000 บาท ระดับจังหวัดคนละ 20,000 บาท เมื่อมาถึงระดับประเทศคนละ200,000บาท ทำให้ถูกมองได้ว่ามีคนอยู่เบื้องหลังในการจัดคนเข้ามาสมัครเป็น สว.แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือ ผู้ที่ได้คะแนนลำดับที่ 1-5 จะมีคะแนนไล่เลี่ยกัน พอไปถึงคนลำดับที่ 6-7 คะแนนจะถูกทิ้งห่างอย่างมีนัย
นายวรชัยระบุว่า ตนได้ยินมาว่ามีการจัดตั้งแบบเป็นระบบ มีการนั่งวางแผนร่วมกันว่าจะให้คนที่เข้ามาเป็นโหวตเตอร์ลงคะแนนให้ใคร เพื่อให้ได้เป็น สว.ตามที่วางไว้ ด้วยวัตถุประสงค์ต้องการเข้ามาคุมสภาสูง เพิ่มอำนาจต่อรองทางการเมือง และที่สำคัญจะได้คัดเลือกผู้เข้าไปนั่งในองค์กรอิสระตามที่ตัวเองต้องการได้ นี่คือผลผลิตจากรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย การที่ผลออกมาแบบนี้ เรามองได้ว่าต้องรีบแก้รัฐธรรมนูญให้อำนาจมาจากประชาชน เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเหมือนในอดีต
พท.บี้กกต.สอบให้ดีก่อนรับรองผล
ด้าน นายธเนศ เครือรัตน์ สส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือก สว.ที่มีคำร้องจำนวนมาก ว่า ไม่ต้องดูอะไรมาก แต่ด้วยสามัญสำนึกทุกคนรู้ดีว่า เกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องคิดอะไรทางการเมืองเลย ก็จะเห็นได้อย่างชัดเจน บางจังหวัดไม่มี สว.แม้แต่คนเดียว แต่บางจังหวัดมี สว.เป็น10 คน ระบบประชาธิปไตย ควรมีการกำหนดจำนวนประชากรต่อจำนวน สว.ให้กระจายไปแต่ละพื้นที่ เช่นจังหวัดละ1 คน แบบนี้หรือไม่ แต่ที่เกิดขึ้นตอนนี้มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น กลายเป็นว่า มือใครยาว สาวได้สาวเอา อันนี้ตนไม่เห็นด้วย ยกตัวอย่างจ.ศรีสะเกษทั้งจังหวัด มีผู้สมัครกว่า3,000คน มี สว.9คน ทั้งที่มีประชากร1.5ล้านคน กทม.มีประชากร 10ล้านคน แต่มี สว.เท่ากัน มันไม่ได้เป็นสัดส่วน ตนมองว่าทุกจังหวัดควรมีสว.เพราะสว.ต้องทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย คัดเลือกองค์กรอิสระ แม้ไม่ได้เลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่มีส่วนกำหนดทิศทางประเทศ เพราะเป็นคนเลือกผู้เข้าไปเป็นองค์กรอิสระที่กำกับรัฐบาลอีกทีหนึ่ง
นายธเนศกล่าวอีกว่าที่พูดมานี้ไม่ได้หมายความว่ามีปัญหาทั้งหมด ส่วนที่เหมาะสมก็มี แต่ดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับการเมืองมากกว่า อีกหน่อยจะเห็นการวางตัวประธานวุฒิสภา ทุกอย่างมอง เป็นทางแล้ว ดูออกซึ่งการแก้อะไรตรงนี้ คงยากแล้ว นอกจากมีการร้องเรียนเข้ามา
“อยากให้ กกต.ตรวจสอบให้ดีก่อนประกาศผล มีอะไรที่ไม่ตรงตามกระบวนการกฎหมาย จ่ายเงินจ่ายทอง เก็บตัวกันอย่างไร ขอให้เข้าไปตรวจสอบให้ชัดเจน ขณะเดียวกันมองว่ากระบวนการคัดเลือกที่ออกมาเช่นนี้ หากจะไปแก้อะไรคงยากแล้ว แต่ถ้ามีการแก้รัฐธรรมนูญ คงต้องนำปัญหาเหล่านี้มาเป็นโจทย์เพื่อหาทางแก้ไขให้ดีขึ้น”
รทสช.ชี้โอกาสสว.ใหม่ทำงาน
ด้าน นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติกล่าวถึงผลการเลือกตั้งสว. ว่าต้องให้โอกาส สว.ที่ได้รับการคัดเลือกมาทั้งหมดได้ทำงานก่อนเพราะได้รับการคัดเลือกมาตามกระบวนการที่รัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.จึงต้องให้โอกาสสว.ทั้ง200 คนได้ทำงานก่อนซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของ สว. ชุดนี้ ก็จะเป็นตัวชี้วัดว่ากระบวนการคัดเลือกด้วยวิธีนี้เหมาะสมหรือไม่ ถ้าผลงานไม่ดี ก็อาจจะต้องนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าผลงานออกมาดี ก็ไม่จำเป็นต้องแก้
นายอัครเดชกล่าวถึงที่มีบางจังหวัดไม่มีสว.ว่า ส่วนตัวคิดว่าสว.ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน ตั้งแต่แรกมาอยู่แล้วเพราะเจตนารมณ์ของอดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ต้องการให้สว.เป็นตัวแทนของกลุ่มสาขาอาชีพ เพื่อเข้ามาทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมายและต้องการให้ สว.ปลอดการเมือง จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมี สว.ทุกจังหวัด
“เมื่อเจตนารมณ์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญต้องการให้สว.เป็นตัวแทนของกลุ่มอาชีพทุกกลุ่ม การที่บางจังหวัดไม่มีสว. ก็ไม่แปลกอะไรเพราะในทุกจังหวัดก็มีทุกอาชีพดังนั้นสว.ที่เข้าไปทำงานก็เป็นตัวแทนของทุกอาชีพในทุกจังหวัดอยู่แล้ว”นายอัครเดช กล่าว
นายอัครเดช กล่าวต่อถึงกรณีที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตในการคัดเลือกสว.ว่าเป็นหน้าที่ของ กกต. ที่ต้องชี้แจงให้ได้ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของกกต.และทุกประเด็นที่เป็นข่าวที่สังคมมีความเคลือบแคลงใจ รวมถึงต้องเร่งสืบสวนสอบสวนให้เกิดความชัดเจน เพื่อความโปร่งใสของ กกต.และเพื่อให้ภาพลักษณ์ของสว.ที่ผ่านการคัดเลือกมาจะได้มีความสง่างาม
‘เทพไท’ซัด‘แม้ว’โทษปี่โทษกลอง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟสบุ๊ก “เทพไท - คุยการเมือง” ระบุว่า ทักษิณ : รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง อ้าง “สมชาย” พลาด ส.ว.จากผลรัฐประหาร ผมเห็นการให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าการคัดเลือก สว.ที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้รับการคัดเลือกนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญมันสอนให้รู้ว่าการปฏิวัติทุกครั้งเกิดจากการไม่ไว้ใจประชาชน คือเมื่อประชาชนเลือกรัฐบาลมาแล้วไม่ไว้ใจ ก็เกิดการปฏิวัติ เมื่อเกิดการปฏิวัติก็เกิดกติกาที่ส่วนกลางพยายามจะควบคุมให้ประชาชนทำโน่นทำนี่ตามที่ต้องการ
“ผมเห็นว่าคุณทักษิณพยายามอ้างเหตุการณ์รัฐประหารขึ้นมา สร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองตลอดเวลา ผมคนหนึ่งที่ไม่สนับสนุนการรัฐประหาร แต่อยากให้กลับไปดูต้นเหตุของการรัฐประหารว่า เกิดขึ้นจากความผิดพลาดและความล้มเหลวของรัฐบาลทักษิณ 4 ข้อคือ 1.สร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน 2.แทรกแซงองค์กรอิสระ 3. มีผลประโยชน์ทับซ้อนและทุจริตคอรัปชั่นเชิงนโยบาย 4.จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ส่วนรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ที่ออก พรบ.นิรโทษกรรม แบบเหมาเข่ง เพื่อล้างผิดให้กับคนโกง จนเป็นที่มาของการชุมนุมขับไล่รัฐบาล และเกิดรัฐประหารในที่สุด”
อ้าง’สมชาย’ พลาดสว.ผลพวงยึดอำนาจ
นายเทพไทยังระบุว่าเมื่อคุณทักษิณพูดถึงกติกาที่คณะรัฐประหารเขียนขึ้นมานั้น คือรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่เมื่อมีการลงประชามติ เสียงส่วนใหญ่มีมติยอมรับ ผมก็เคารพเสียงข้างมากตามแนวทางระบอบประชาธิปไตย และทุกคนก็ได้รับผลพวงจากการรัฐประหารเช่นกันหมดทั้งประเทศ
การที่คุณสมชาย พลาดตำแหน่ง ส.ว.ไปนั้นเป็นการแข่งขันภายใต้กติกาเดียวกัน กับผู้สมัครส.ว. คนอื่นๆทุกคน เพียงแต่กลุ่มคนบางกลุ่มสามารถใช้เงื่อนไขของกฎหมาย และมีความฉลาดแกมโกงได้มากกว่าคนอื่น จึงทำให้คุณสมชาย พลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งคุณทักษิณควรกลับมาทบทวนแนวทางการทำงานการเมืองของกลุ่มตัวเองว่า พลาดท่าเสียทีให้กับกลุ่มการเมืองสีน้ำเงิน ในเกมเลือกตั้งส.ว. ครั้งนี้หรือไม่ อย่าให้เหมือนกับสุภาษิตโบราณที่บอกว่า “รำไม่ดีโทษปีโทษกลอง”
“ถ้าหากคุณทักษิณยังย้ำคิดย้ำทำแบบเดิมๆ การเมืองแบบเดิมๆก็จะหวนกลับมาอีก วนเวียนเป็นวงจรอุบาทว์ไม่มีวันจบสิ้น ขอให้ยอมรับความจริง และถ้าหากเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นผลไม้พิษ ต้องมีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง อย่าปากว่าปาตาขยิบเหมือนกับแกนนำรัฐบาลชุดนี้”นายเทพไทระบุทิ้งท้าย
‘เสี่ยตือ’จวกยับได้‘สว.ปชช.’ถูกบูลลี่
ในขณะที่ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล สมาชิกพรรคภูมิใจไทย อดีตรัฐมนตรีและอดีต สส.อ่างทองหลายสมัย โพสต์เฟซบุ๊คเพจ”Somsak pris”ระบุว่า เมื่อมีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ครั้งล่าสุดได้คนจากทุกสาขาอาชีพแต่มีเสียงวิพากษ์อย่างสาดเสียเทเสีย โดยเฉพาะสว.ที่เป็นสามัญชน ไม่มีชาติ ไม่มีตระกูล ไม่มีปริญญา มาจากบ้านนอก ถูก”บูลลี่”ด้อยค่าอย่างหนัก จนลืมนึกถึง”ศักดิ์ศรี“ของความเป็นมนุษย์ ที่ความเป็นคนย่อมเท่าเทียมกัน ตามเจตนารมณ์ของระบอบประชาธิปไตย
พร้อมยกตัวอย่าง ผู้ได้รับเลือกเป็นสว.2คน จาก6คน ในจังหวัดอ่างทอง โดยคนแรกเป็นสุภาพสตรี ถูก‘บูลลี’ด้อยค่าและไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างหนักตามไปดูถึงก้นครัวบ้านเขา ค้นหาว่าจบม.6 จากการศึกษานอกโรงเรียน(กศน.)มีอาชีพรับจ้างเย็บเสื้อผ้า เป็นโฆษกเสียงตามสายของหมู่บ้าน ทำไมถึงได้รับการเลือกตั้ง
นอกจากนี้ ยังมี น.ส.คอดียะฮ์ ทรงงาม ที่เป็นสุภาพสตรี มีจิตสาธารณะ ทำงานให้สังคมทุกรูปแบบ เป็นผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้นำสตรี จ.อ่างทอง เป็นอสม.เป็น ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทอง(นายสุรเชษ นิ่มกุล)มีประสบการณ์ชีวิต ผ่านการอบรม จากหลายหลักสูตร เข้าร่วมเวที เสวนาหลายเวที จนมองปัญหาของสังคมอย่างเป็นเหตุเป็นผล พร้อมที่จะกระทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่างไม่หวั่นไหว เป็นที่ยอมรับในหมู่จิตอาสาทั่วไป
เลิกมองคนที่‘ชาติตระกูล-ใบปริญญา
“นักการเมืองทั้งระดับท้องถิ่น ระดับชาติ ล้วนแล้ว แต่ต้องอาศัย“คอดียะฮ์”ให้ช่วยเหลือหาคะแนนให้ ไม่ใช่ไปหาคะแนนให้ อย่างที่สังคมวิพากษ์ เขาคือ ดาวฤกษ์ ไมใช่ดาวเคราะห์แน่นอน”นายสมศักดิ์ ระบุ
นายสมศักดิ์ ระบุในตอนท้ายว่า วันนี้เมื่อสามัญชน“ไพร่”มาเป็น สว. รู้สึกว่า“ปีศาจ”ของ“เสนีย์ เสาวพงศ์”ถูกปลุกให้ฟื้นคืนชีพอีกวาระหนึ่ง มาหลอนสังคม ขอให้เลิกมองคน ที่ ชาติตระกูล ที่ใบปริญญา เสียที เมื่อไพร่ สามัญชน คนชาวบ้านสามารถผ่าน การเลือกครั้งยิ่งใหญ่ แม้นจะถูก บูลลีหนัก สักเพียงใด “คอดียะฮ์“ไม่หวั่นไหว ให้ทายท้า
ปลอดประสพยำอัปลักษณ์
ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าการเลือกตั้งสว.ที่อัปลักษณ์ที่สุดในศตวรรษการเลือกตั้งสว.ใหม่หลังจากที่รอคอยมานานถึง 9 ปีก็มาถึงจนได้ และจบลงอย่างทุลักทุเลและทุเรศที่สุด ในสายเกษตรและประมง มีลูกน้องและลูกศิษย์ติดเข้ามาถึงระดับจังหวัด 3 คน เป็นอดีตข้าราชการระดับ 10 หนึ่งคน 9 สองคนโดยมีการศึกษาระดับปริญญาเอก 2 คน ในสายสิ่งแวดล้อมก็ยังมีอีก 4 คนเป็นระดับ 10หนึ่งคนที่เหลือระดับ 9 ทุกคนจบปริญญาโทหมด ในจำนวนทั้งหมด 7 คนนี้ สุดท้ายได้มาคนเดียวคือคุณชีวภาพ ชีวะธรรมศิริ หรือที่ผมเรียกว่า ต้อย เขาเคยเป็นรองอธิบดีกรมป่าไม้และผู้ตรวจราชการกระทรวงทส. เขาลาออกก่อนเกษียณถึง 8 เดือนเพื่อเตรียมการเป็นสว. ซึ่งก็โชคดี (มาก) ที่สุดเขาได้เป็นสว.ของจังหวัดสิงห์บุรี ผมเชื่อมั่นว่า เขาจะทุ่มเททุกอย่างให้กับส่วนรวม เพราะเห็นเขามาแต่เด็ก
ผมพยายามทำความเข้าใจกับการออกแบบการเลือกตั้งครั้งนี้ในประเด็นคุณวุฒิการศึกษาว่า เกิดอะไรขึ้น คือไม่กำหนดระดับปริญญาตรีเป็นเกณฑ์ต่ำสุด ทำให้ผู้ที่ได้เป็นสว.ในครั้งนี้จำนวนไม่น้อยจบ ป.7 หรือมัธยมต้น ส่วนคุณสมบัติซึ่งมันควรจะหมายถึงความเชี่ยวชาญ (หากคิดแบบผู้ที่เจริญแล้ว) จะเห็นว่ามันโหล่ยโถ้ยเหลือเกิน อะไรกันครับ เป็นผู้เชี่ยวชาญขับรถ เป็นผู้เชี่ยวชาญเสียงตามสาย เป็นผู้เชี่ยวชาญขายผักขายปลา ขายเครื่องสำอางค์ มันจะไหวหรือครับในยุคAIซึ่งเขาไปถึงดาวอังคารกันแล้ว ขนาดผมมีปริญญาเอกอยู่ในกระเป๋าถึง 3 ใบ เป็นนักการเมืองมาเกือบ 20ปี เป็นประธานกรรมาธิการมาแล้ว 2 คณะ และเป็นกรรมธิการอีกกลายสิบคณะจนจำไม่ได้ เวลาประชุมผมยังไม่เข้าใจในเรื่องสารัตถะและครรลองของกฎหมายได้อย่างแจ่มแจ้งเลย เมื่อวานนี้ผมทำหน้าที่ประธานกรรมาธิการ มีการถกเถียงกันจนหาที่ลงไม่ได้ ผมปวดหัวจนความดันขึ้นต้องเรียกหมอมา แล้วพวกคุณเป็นใคร ที่จะมาทำหน้าที่แบบนี้ หรือคุณนึกว่า มันง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
แฉเสนอเงินหัวละล้าน
ลูกศิษย์ผมที่สมัคร ได้มาเล่าให้ฟังว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีการจัดตั้งกันขนานใหญ่อย่างออกหน้าออกตา มีการเสนอเงินทองในช่วงสุดท้ายของการเลือกไขว้ ให้ถึงหัวละ 1 ล้านบาท มีการชวนให้ไปร่วมสัมนาที่โรงแรมเกือบ 20 แห่ง (มีจุดสำคัญ 3 แห่ง) ออกค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าที่พัก และแถมpocket money สำหรับการแลกเปลี่ยนการลงคะแนน มีทั้งจริงและทั้งปลอม วันสุดท้ายถามว่า จะเอายังไง ก็ได้รับคำตอบว่า เดี๋ยวจะส่งโผมาให้ 5 ชื่อซึ่งเตรียมเผื่อไว้แล้วกันพลาดถึง 3-400คน (ทำไมรวยกันจัง) ขนาดผมยังรู้ กกต.ซึ่งถ้าตาไม่บอดหูไม่หนวกก็ควรจะรู้มากกว่าผมนะ ไม่อย่างนั้นผมจะคิดว่า คุณซูเอี๋ยกับผู้ร่างกฎหมายมาแต่ต้น
สุดท้ายผมอยากจะยืนยันในฐานะผู้เชี่ยวชาญตัวจริงในสายสิ่งแวดล้อมที่ผมเป็นทั้งปลัดกระทรวงและอธิบดีถึง 4 กรมว่า ไอ้ที่ได้มาผมรู้จักแค่คนเดียว ส่วนสายเกษตรที่ผมเคยเป็นอธิบดีมา 3 กรมและเป็นรองปลัดกระทรวง กลับจะหาคนที่รู้จักสักคนยังชั้นยากเลยครับ แล้วอย่างนี้ที่พูดว่า ต้องการหาตัวแทนสาขาอาชีพ มันก็ไม่ใช่สิครับ พูดเสียสวยหรูแต่พออ้าปากเห็นแต่หนอน ผมขอจบแบบนี้ครับ กกต. ต้องทำงานหนักเพื่อใช้หนี้บาปในครั้งนี้ คุณต้องคัดนักหลอกลวงต้มตุ๋นออกไปให้หมด ซึ่งผมเชื่อว่า อาจมีถึง 100 คน ถ้าทำไม่ได้ก็ขอให้ลาออกเสีย ถ้าเป็นภาษาอังกฤษเขาจะพูดว่า You better go to hell!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี