รัฐมนตรีต่างประเทศเผยเยือนกัมพูชาประสบความสำเร็จด้วยดี มองไทย-กัมพูชาใกล้ชิดยิ่งกว่าหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ มุ่งต่อยอดความร่วมมือรูปธรรมในอนาคต
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเดินทางเยือนกัมพูชา ซึ่งได้เข้าเยี่ยมคาราวะ สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนด นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภา มีการหารือเต็มคณะกับนายซก เจินดาโซเพีย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ รวมถึงพบปะกับนักธุรกิจไทยในกัมพูชาและทีมประเทศไทยในกัมพูชา
รัฐมนตรีฯ กล่าวว่า การเยือนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี กัมพูชาให้เกียรติไทยเป็นอย่างมาก ได้พบกับผู้นำกัมพูชาระดับสูงสุดรวมถึงผู้ปฏิบัติ แสดงให้เห็นความมั่นคงและความไว้เนื้อเชื่อใจ สิ่งสำคัญที่สุดคือมีความต้องการอย่างยิ่งที่จะเห็นความสัมพันธ์ของประเทศทั้งสองประเทศที่ดีอยู่แล้วให้ยิ่งดีขึ้นไปอีกในทุกๆ ระดับ
การหารือก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ครอบคลุมสาขาความสัมพันธ์ในทุกมิติ และความร่วมมือในทุกด้าน การหารือในทุกระดับย้ำความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกัน มีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันไทยก็แสดงออกให้ฝ่ายกัมพูชาเห็นชัดเจนว่า ไทยให้ความสำคัญกับกัมพูชา ความสัมพันธ์ที่ดีในระดับผู้นำช่วยเสริมกันให้เกิดสิ่งที่เราอยากจะเห็น รัฐมนตรีฯ จึงเชื่อมั่นมากว่า ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาจะก้าวไปสู่ระดับที่สูงมากๆ ต่อไป ไม่ใช่แค่เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ แต่จะมีความใกล้ชิดกันประหนึ่งเป็นพี่น้อง เพราะเราก็เป็นประเทศที่มีความใกล้ชิดกันทางเชื้อชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม
การเยือนครั้งนี้ยังได้ติดตามความคืบหน้าในสิ่งที่นายกรัฐมนตรีทั้งสองได้หารือกันในหลายโอกาส โดยเฉพาะการผลักดันความร่วมมือในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่แนบแน่นขึ้นไปในทุกมิติ ซึ่งคาดว่าภายในเดือนกันยายนนี้ จะมีแผนปฏิบัติการ (Action Plan) และยุทธศาสตร์ (strategy) ที่ชัดเจน
นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ขอบคุณไทยที่ให้ความร่วมมือกับกัมพูชาในการเปิดสถานกงสุลใหญ่ที่สงขลา ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีฯ ก็ได้ขอบคุณสำหรับการอำนวยความสะดวกในการเตรียมเปิดสถานกงสุลใหญ่ที่เสียมราฐ ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่แสดงออกให้เห็นชัดเจนว่า ไม่เพียงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐจะดีเยี่ยมเท่านั้น แต่ความสัมพันธ์ระหว่างภาคเอกชนและภาคประชาชนที่แน่นแฟ้นก็แสดงให้เห็นผ่านเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันว่าจะพยายามเปิดสถานกงสุลใหญ่ให้ได้ภายในปีนี้
ด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายต้องการจะบรรลุเป้าหมายด้านการค้าให้เพิ่มขึ้นเป็น 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน ทั้งยังต้องทำให้มั่นใจว่า ตัวเลขนี้จะสะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองประเทศอย่างเป็นธรรมด้วย เพราะเราสามารถที่จะวิน-วินด้วยกัน ตนอยากเห็นการค้าและการลงทุนดำเนินไปด้วยกัน เพราะเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งที่ได้หารือมาก่อนแล้ว ซึ่งภาคเอกชนไทยก็มีบทบาทมาก
นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงการพัฒนาพื้นที่ชายแดนร่วมกันหรือพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone: SEZ) ซึ่งเป็นจุดประสงค์ใหญ่ของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีเศรษฐาฯ ต้องการเห็นทั้งการค้าโดยธรรมชาติและการค้าชายแดนขยายตัวเพิ่มมากขึ้น การมี SEZ ที่ชายแดนไทย - กัมพูชา จะอำนวยความสะดวกทั้งเรื่องการค้าชายแดนและการลงทุน แต่ต้องไปหารือรายละเอียดทางเทคนิคอีกครั้งว่าจะขยายไปถึงระดับไหน โดยคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) เป็นคนดูเรื่องนี้ต่อไป
การหารือยังครอบคลุมเรื่องการอำนวยความสะดวกในการข้ามแดนของประชาชนและสินค้าอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยไทยพร้อมร่วมกันโปรโมทให้นักท่องเที่ยวเดินทางข้ามแดนเพื่อไปท่องเที่ยวในกัมพูชาด้วย เมื่อเรามีความร่วมมือใกล้ชิด ความสัมพันธ์จะหยั่งรากลึกมากขึ้น จะช่วยกระตุ้นทั้งด้านเศรษฐกิจและการรวมตัวกันของประชาชนต่อประชาชนให้ยั่งยืนมากยิ่งขึ้นด้วย ชายแดนยังมีปัญหาอื่นๆ ไม่ว่าปัญหาหมอกควัน ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ออนไลน์สแกม การค้ายาเสพติด ไทย-กัมพูชาต้องกระชับความร่วมมือให้ใกล้ชิดมากขึ้น และบูรณาการแผนต่างๆ ให้สอดรับกันให้ได้
นอกจากนี้ ยังได้หยิบยกเรื่องการดำเนินการเพื่อเฉลิมฉลอง 75 ปี ความสัมพันธ์ไทย - กัมพูชา ที่กำลังจะมาถึง โดยจะส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาไทยในกัมพูชาและการพัฒนาฝีมือแรงงานผ่านกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ (TICA)
ทั้งหมดนี้คือเป้าหมายที่ไทยพยายามมองให้ครบทุกมิติ ทั้งด้านการเมืองซึ่งดีอยู่แล้ว ด้านเศรษฐกิจที่จะก้าวไปเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในเรื่องการค้าการลงทุน และมิติด้านสังคมที่จะยกระดับความสัมพันธ์ประชาชนต่อประชาชนให้ดียิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการหารือเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล (OCA) ไทย-กัมพูชา ด้วยหรือไม่ รัฐมนตรีฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกัมพูชาอยากเห็นความร่วมมือในการนำพลังงานที่อยู่ในพื้นที่ทับซ้อนขึ้นมาใช้ เพราะถ้ายังไม่ทำ โอกาสที่ทรัพยากรที่มีมูลค่าสูงในพื้นที่ตรงนี้จะหายไป แต่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาก็บอกว่าท่านเข้าใจว่าไทยก็คงมีความระมัดระวัง เข้าใจมุมมองของไทยเรื่องของความละเอียดอ่อน พร้อมสนับสนุนไทยในทุกๆ ด้าน พร้อมที่จะเข้าใจ และพร้อมที่จะร่วมมือกับไทยในทุกๆ ด้าน เพื่อให้นำเอาทรัพยากรที่มีอยู่เป็นจำนวนมากขึ้นมาใช้ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน รัฐมนตรีฯ ได้พูดกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาชัดเจนว่า ขอให้สบายใจเพราะเป็นเป้าหมายของรัฐบาลไทยอยู่แล้วที่จะร่วมมือกันพัฒนา นำเอาทรัพยากรธรรมชาติขึ้นมาใช้ประโยชน์ แต่ก็ต้องทำด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้มีการทำให้เข้าใจผิด ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา และขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเข้าใจ ไทยพร้อมจะมีความร่วมมือ แต่เนื่องจากมีประเด็นสำคัญทางเทคนิคมาก จึงต้องให้ผู้ที่มีความชำนาญในเรื่องเทคนิคทั้งในเรื่องกฎหมายและพลังงาน การสำรวจการผลิตก็ต้องมีคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา โดยทั้งหมดต้องให้เป็นไปตามที่ทั้งสองฝ่ายคุยกันในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ปี 2544 คือปัญหาเขตแดนและการพัฒนาพลังงานต้องไปด้วยกัน เพื่อให้ทุกอย่างมีความโปร่งใสและเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศโดยรวม
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี