คิกออฟเปิดสมัยประชุมสภาฯสามัญ “พิธา”ทวนความจำหยิบประเด็นในเอ็มโอยูแห้วตั้งรัฐบาล 1 ปี บี้นายกฯ-รัฐบาล ดันรัฐสภาฯตรวจสอบได้ นิรโทษกรรมการเมือง
เห็นต่างต้องไม่ติดคุก-ลี้ภัย พ่วงปฏิรูปกองทัพ ก้าวไกลซัดกฎหมายค้าง41ฉบับ ไล่บี้ขอเพิ่มวันประชุม รับปากไม่เหลี่ยมล่มองค์ประชุมส่งเดช ด้าน‘ซีกรัฐบาล’เด้งรับ ลั่นพร้อมทำงานให้ประชาชนอยู่แล้ว ขณะที่ประธานสภามอบรองฯ คุยวิปเคาะสัปดาห์หน้า
เมื่อเวลา 09.00น.วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ถือเป็นวันแรกของการเปิดสมัยประชุมสภาฯสามัญ หลังราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่1พ.ศ.2567 เมื่อวันที่ 22มิ.ย.ที่ผ่านมา
ช่วงแรกเป็นการเปิดให้หารือถึงความเดือดร้อนประชาชนต่อที่ประชุมสภาฯ ซึ่งมีสส.ลุกขึ้นอภิปรายอย่างต่อเนื่อง ที่น่าสนใจ อาทิ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ลุกขึ้นหารือว่า ขอเรียกร้องไปยังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี(ครม.) สส.และพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องให้ผลักดันตามสัญญาที่ให้ไว้ตามบันทึกความร่วมมือ หรือเอ็มโอยู ในประเด็นว่าด้วยการทำให้รัฐสภาไทยก้าวหน้า โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพและเป็นของประชาชนแท้จริง รวมถึงความคืบหน้าการนิรโทษกรรมคดีการเมืองเพื่อความยุติธรรม นิติรัฐนิติธรรม แก้วิกฤตการเมือง และคนไทยที่เห็นต่างต้องไม่ติดคุก หรือต้องลี้ภัย
นอกจากนี้ ขอให้แก้ไขกฎหมายเพื่อปฏิรูปกองทัพ ซึ่งพบว่า ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่พรรคก้าวไกลเสนอได้บรรจุในวาระการประชุมแล้ว ส่วน ร่างพ.ร.บ.กฎอัยการศึกและร่างพ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรยังติดอยู่ที่นายกฯ เพราะถูกตีความว่าเป็น พ.ร.บ.เกี่ยวกับการเงิน “เอ็มโอยูที่ว่าไม่ใช่เอ็มโอยูที่จัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ แต่คือเอ็มโอยูของการเสนอบุคคลให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาและรองประธานสภา ที่ปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งอยู่ ซึ่งทำเมื่อ 3 ก.ค. 2566 หรือวันนี้เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาของการผลักดันวาระก้าวหน้า ที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรผลักดันตามสัญญาที่ให้ไว้” นายพิธา กล่าว
ต่อมา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะวิปฝ่ายค้านลุกขึ้นหารือ ว่า เราใช้กรอบการจัดวาระประชุม ต่อเนื่องจากสมัยที่ผ่านมา คือมีการประชุมสัปดาห์ละ2วัน แต่ฝ่ายค้านได้หารือกันเราพบว่าขณะนี้มีร่างกฎหมายทั้งของรัฐบาลและ สส.รวมถึงของประชาชนที่ยื่นเข้ามาค้างอยู่ทั้งหมด 41 ฉบับ อีกทั้งมีรายงานของหน่วยงานต่างๆที่เข้ามาตั้งแต่ปี2565 ทั้งหมด12ฉบับ ที่สำคัญยังมีญัตติที่ค้างการพิจารณาและบรรจุวาระแล้วทั้งสิ้น 54ฉบับ ซึ่งญัตติหลายเรื่องสำคัญมาก ทั้งทุเรียนไทย ระเบียงเศรษฐกิจ ถ้าใช้กรอบเวลานี้เกรงว่าอาจจะพิจารณาไม่ทันในสมัยประชุมนี้และสมัยประชุมหน้า
“ดังนั้นเบื้องต้นอยากปรึกษาประธานสภาฯว่า ควรต้องเพิ่มวันประชุมในแต่ละสัปดาห์หรือไม่ แต่เราเข้าใจว่าเดือนนี้เป็นเดือนมหามงคล และในหลายจังหวัดจะมีกิจกรรมเกี่ยวกับการเฉลิมพระเกียรติ โดยเฉพาะในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ผมจึงคิดว่าต้องวางแผนไว้ล่วงหน้า ซึ่งอาจจะเริ่มเดือนหน้าก็ได้ แต่เพื่อนสมาชิกอยากได้ความชัดเจนว่าหากมีการเพิ่มวันประชุมควรจะเป็นวันไหน ฝ่ายค้านเรายินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เรื่องนับองค์ประชุมส่งเดชไม่มีอยู่แล้ว”นายณัฐวุฒิ กล่าว
ด้าน นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ตนคิดว่าสมาชิกฝั่งรัฐบาลไม่ได้ติดขัดอะไรในการเพิ่มวันประชุมเพราะพวกเรามาทำงานให้ประชาชนอยู่แล้วถ้ากฎหมายที่ค้างอยู่ถึง 41 ฉบับ มีของตนและมีของเพื่อนสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่หลายฉบับ ก็อยากจะให้สภาได้เร่งออกกฎหมายเพื่อให้ทางส่วนราชการที่ทำงานอยู่ได้เร่งออกกฎหมายเช่นกันเพื่อมาประกบให้สภาได้พิจารณาให้ประชาชน นอกจากนี้เวลาที่เราหารือกับประธานในสมัยที่แล้ว จะได้หนังสือตอบรวดเร็วมาก แต่ปีที่ผ่านมา 2 สมัยประชุม เราหารือกับท่านประธานไปสิ่งที่หารือไปตอบรับกลับมาที่เป็นจดหมายน้อยมาก จึงอยากให้ประธานเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรให้กับเพื่อนสมาชิกด้วย
ขณะที่ นายวันนอร์ กล่าวว่า ตนจะให้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 นัดประชุมในสัปดาห์หน้าระหว่างวิปฝ่ายค้านและวิปฝ่ายรัฐบาล เพื่อหาข้อตกลงกำหนดวัน ซึ่งอาจจะเริ่มในเดือนสิงหาคมว่าจะเพิ่มอย่างไร จะเพิ่มเป็นกรณีพิเศษหรือจะเพิ่มเป็นสัปดาห์ละ3วัน
เวลา 14.15น. ที่ห้องประชุม ชั้น 3 อาคารรื่นฤดี สำนักงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) เป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน.(วาระพิเศษ) และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะรองผอ.รมน.พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.) ในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(ผช.ผอ.รมน.) พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ กอ.รมน.พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะตัวแทนผบ.ตร. พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะตัวแทน ผบ.ทร. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย
โดยนายกฯ กล่าวมอบนโยบายช่วงต้นการประชุมว่า วันนี้มีแนวทางในการสั่งการ โดยเดือน ก.ค. เป็นเดือนมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ 6 รอบ ขอให้ส่วนราชการร่วมกันอย่างเต็มที่ในการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความสามัคคี และเรื่องต่อไปคือเรื่องที่เรามาพบกันวันนี้ ในเรื่องยาเสพติดซึ่งเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลจะวัดผลให้เป็นรูปธรรมให้ได้ภายใน ก.ย.นี้ และจะมีการรายงานผล มีสถิติในแง่การป้องกันและปราบปรามที่สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ทำให้เห็นความพยายามของทุกท่าน แต่ต้องยอมรับว่ายาเสพติดในปัจจุบันยังมีปริมาณมากอยู่ และเป็นงานยากไม่น้อยกว่าการปราบปราม คือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม ทั้งทางด้านการบำบัดรักษา เพื่อเปลี่ยนผู้เสพยาให้เป็นพลเมืองที่มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ พร้อมกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวและสังคม ขอให้ กอ.รมน. ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจเต็มตามกฏหมายในด้านความมั่นคงภายใน สนับสนุนการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างเต็มที่สุดกำลังความสามารถ
นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสถานการณ์ชายแดนใต้ ที่เกิดเหตุคาร์บอมบ์ในแฟลตตำรวจ ที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ว่า ได้หารือกับผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และมีความเป็นห่วงเรื่องนี้หรือไม่ ว่า เรื่องนี้มีการพูดคุยกันอย่างใกล้ชิดกับผู้บัญชาการทหารบก และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เมื่อถามถึงกรณีเตรียมลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ว่า ในวันที่ 3 ส.ค.จะลงพื้นที่พร้อมกัน แต่ถ้าเกิดมีความจำเป็นก็สามารถลงไปได้ก่อน ซึ่งคิวที่สามารถลงพร้อมกันได้คือวันที่ 3 ส.ค.นี้
วันเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ สุลต่าน อะห์เหม็ด บิน สุลาเย็ม ประธานกลุ่มบริษัทและผู้บริหารธุรกิจโลจิสติกส์และ Supply Chain ยักษ์ใหญ่ระดับโลก “Dubai Port World (DP World)” เพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสการลงทุนในประเทศไทย และการเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งของภูมิภาค โดยได้พูดคุยเกี่ยวกับภาพรวมของเศรษฐกิจและทิศทางการลงทุนในโครงการต่างๆ ของประเทศไทยเพื่อผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศเพื่อเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งของภูมิภาคโดยอาศัยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ที่เชื่อมทะเลทั้ง 2 ฝั่ง คือ ฝั่งมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งจะเป็นประตูให้กับการคมนาคมขนส่งและการค้าในระดับภูมิภาคและระดับโลก
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้หารือทางโทรศัพท์กับ นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัน โดยหวังว่าจะได้ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรี สปป.ลาวที่ประเทศไทยในเร็ววันนี้ ทั้งนี้ เชื่อว่าความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันของทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมความร่วมมือ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา และนำความสุขมาสู่ประชาชนของทั้งสองประเทศได้มากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี