‘ก้าวไกล’ยังข้องใจปมเสียชีวิตของ‘บุ้ง’ บี้ถามสาเหตุ-เวลาที่แท้จริง ด้าน‘รมว.ยุติธรรม’เผย‘คณะกรรมการสอบสวน’ยืดเวลาออกไปอีก 30 วัน แต่ลงความเห็นเบื้องต้น‘ไร้ร่องรอยทำร้ายร่างกาย-วงจรปิดพบนอนหลับปกติก่อนสิ้นใจ’ ยัน‘ราชทัณฑ์’ดำเนินการตามมาตรฐานสากล-การแพทย์ ‘กระบวนการทำสำนวนชันสูตรศพ’เปิดโอกาสญาติยื่นหลักฐานเพิ่มเติม ขอรอศาลฯชี้ขาดเป็นที่สุด
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสด
น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ตั้งถามรมว.ยุติธรรม กรณีการเสียชีวิตของน.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง แกนนำกลุ่มทะลุวัง เมื่อวันที่14พ.ค.ที่ผ่านมา ยังอยู่บนความคลุมเครือ กระบวนการรักษาชีวิตไม่ชัดเจนในระหว่างถูกฝากขังในคดีมาตรา112 ภายใต้การดูแลของกรมราชทัณฑ์ว่า กรณีการเสียชีวิตของบุ้ง เป็นข้อบ่งชี้ได้ชัดมากว่ามาตรฐานการดูแลผู้ป่วยของกรมราชทัณฑ์มีปัญหาแน่นอน ตนไม่แปลกใจกับเคสนี้ที่มีการใช้สิทธิประกันตัวด้วยปัญหาสุขภาพ ที่ตนเคยคิดว่าสิทธิดังกล่าวใช้ได้กับทุกคน แต่กรณีของบุ้งแตกต่างออกไป สะท้อนให้เห็นถึงสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของเรามีปัญหา ตนจึงอยากถามว่าสาเหตุการเสียชีวิตของบุ้งที่แท้จริงคืออะไร ในกระบวนการกู้ชีพเพราะเหตุใดจึงไม่มีการใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ หรือ AED เวลาการเสียชีวิตที่แท้จริงคือเวลาใด คณะกรรมการที่ทางกระทรวงยุติธรรมตั้งขึ้นมาสอบสวนได้อะไรบ้าง กรมราชทัณฑ์จะมีการรับผิดชอบอย่างไร
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ชี้แจงว่า การเสียชีวิตของบุ้ง เป็นการเสียชีวิตในระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงาน เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ต้องมีการทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ โดยให้อัยการเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน พร้อมด้วยแพทย์ที่ไม่ใช่ของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเมื่อชันสูตรพลิกศพแล้ว กระบวนการทำสำนวนทั้งหมด จะต้องเปิดโอกาสให้ญาติพี่น้อง หรือทนายความเข้าร่วมทั้งกระบวนการ สามารถเพิ่มพยานในชั้นการพิจารณาของศาลได้ ทั้งนี้เท่าที่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตของบุ้ง ทางสาขานิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ระบุว่า เกิดจากการเสียสมดุลเกลือแร่ในเลือดร่วมกับโรคหัวใจโต
กรณีนี้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง จำนวน8ราย ที่ตั้งโดยกระทรวงยุติธรรม ได้ขยายเวลาการสอบสวนออกไปอีก30วัน แต่คณะกรรมการฯได้ทำความเห็นเบื้องต้นออกมาว่า เป็นการเสียชีวิตตามธรรมชาติ ไม่ปรากฏร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด อ้างอิงจากใบมรณบัตร และการตรวจพิสูจน์จากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ประกอบกับกล้องวงจรปิดในคืนวันเกิดเหตุ พบว่า บุ้งได้นอนหลับพักผ่อนเป็นปกติ ภายในฝ่ายปกครองของผู้ต้องขังหญิง
“จากนั้นในช่วงเช้าเวลา 06.12 น.ของวันที่ 14 พ.ค. บุ้งได้ลุกขึ้นมานั่งที่เตียงผู้ป่วย เริ่มคว่ำหน้าลง และมีการชักกระตุก เจ้าหน้าที่จึงได้กดกริ่งและแจ้งผู้ควบคุมเข้าไป จนสรุปเห็นควรส่งให้แพทย์มาร่วมกันดำเนินการ ถ้าถามว่าบุ้งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ หรือโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ในรายงานระบุว่าเสียชีวิตที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ แต่ในระหว่างการช่วยยื้อชีวิตอาจเป็นปรากฏการณ์เหมือนการเสียชีวิตแล้ว ดังนั้นขอให้เชื่อมั่นว่า ตามมาตรา150ของการทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ เราเปิดโอกาสให้สามี ภรรยา บุพการี ผู้สืบสันดาน ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล ญาติของผู้ตาย สามารถยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อศาลฯได้ ยืนยันว่าการดำเนินการของกรมราชทัณฑ์เป็นไปตามวิชาชีพ ตามมาตรฐานสากล ตามหลักทางการแพทย์ ทั้งนี้รายละเอียดอย่างเป็นทางการขอให้รอคำสั่งจากศาลฯที่ถือเป็นที่สุด และมีความเที่ยงธรรม” รมว.ยุติธรรม ระบุ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี