เหน็บไหนว่าจะกลับมาเลี้ยงหลาน
ก้าวไกลขี้ย‘แม้ว’
ทำตัวมีอิทธิพลเหนือรบ.
ทำลายสภาวะผู้นำเศรษฐา
ถามใครคือนายกฯตัวจริง
ระวังถูกร้องตรวจสอบอีก
“รังสิมันต์ โรม” สส.ก้าวไกลจัดหนัก ยำ“ทักษิณ”ไหนตอนแรกบอกกลับมาเลี้ยงหลาน ไฉนมีบทบาทการเมืองกับรัฐบาลเตือนระวังกระทบภาวะผู้นำเศรษฐา หลัง ‘เสรีพิศุทธ์’ รับถอนฟ้อง’เศรษฐา’เพราะ’แม้ว-ปู’ขอร้อง ด้านแกนนำ’คปท.’ตามกระพือซ้ำเรื่องใหญ่
เมื่อวันที่ 4กรกฎาคม2567 นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า ชั้น14 พล.ต.อ.เสริพิศุทธ์ เตมียเวส ให้สัมภาษณ์สื่อ pptv ว่า ได้ไปเยี่ยม นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่ ร.พ.ตำรวจ ชั้น 14 เมื่อตอน นช.ทักษิณ ชินวัตร ยังนอนอยู่ที่ ชั้น 14 โดย นช.ทักษิณ ชินวัตร ขอร้องให้ถอนฟ้อง เศรษฐา ทวีสิน ตอนเช้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็โทรมาขออีก เรื่องใหญ่ซิครับ 1.พล.ต.อ.เสริพิศุทธ์ ไปพบ นช.ทักษิณ ที่ชั้น14 และ นช.ทักษิณ ขอร้องให้ถอนฟ้อง เศรษฐา แสดงว่า นช.ทักษิณ มีสติสมบูรณ์ ไม่ได้ป่วยหนัก ติดเตียง คนที่ขอร้องคนอื่นได้แสดงว่าไม่ได้วิกฤตแบบที่กล่าวอ้างและพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะกลายเป็นพยานสำคัญต่อคดีที่อยู่ใน ปปช.ก็หวังว่า ด้วยเกียรติของ อดีต ผบ.ตร ท่านจะไม่โกหก 2.พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่อยู่ในรายชื่อ 10คน ที่สามารถเข้าเยี่ยม นช.ทักษิณ ได้ แล้วได้เข้าเยี่ยมได้อย่างไร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ มีคำอธิบายไหมครับ อาทิตย์หน้าไปตามคดีนี้ที่ ปปช.และยื่นข้อเท็จจริงเพิ่มจากการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส งานนี้อยู่ดีๆ ความจริงก็ปรากฎแก่สังคม
“สส.โรม”ตามเขย่าซ้ำ
ด้าน นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยอมรับว่า สาเหตุที่ไปถอนฟ้องนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตามความผิด ม.157 กรณีเสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพราะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาขอร้องโดยตรง ว่า ตนเข้าใจมาโดยตลอดว่า นายทักษิณกลับมาประเทศไทยเพื่อเลี้ยงหลาน แต่ดูเหมือนว่าบทบาทของนายทักษิณในทางการการเมืองจะเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ตนจึงคิดว่าการที่ไหนทักษิณมีบทบาท โดยเฉพาะในรัฐบาลนี้มากขึ้น รวมไปถึงอาจจะเรียกได้ว่า เป็นคนที่คอยปัดเป่าสิ่งต่างๆ ให้พ้นไปจากนายเศรษฐา ตนคิดว่าบทบาทของนายทักษิณแบบนี้ ทำให้เกิดข้อครหาที่สำคัญว่า “ตกลงแล้วคุณทักษิณได้มีผลต่อรัฐบาลนี้ใช่ไหม”
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า การที่นายทักษิณมีอิทธิพลต่อรัฐบาลนี้ ก็จะเกิดการตั้งคำถามว่า สภาวะการเป็นผู้นำของนายเศรษฐามีอยู่อย่างไร ตกลงแล้วประเทศนี้ ใครกันแน่ ที่เป็นตัวจริงของการเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนคิดว่าสภาพการเมืองแบบนี้ เป็นสภาพการเมืองที่ไม่ดีเลย แล้วมันก็จะทำลายความเชื่อมั่นในด้านต่างๆ ว่าเมื่อนายเศรษฐาประกาศหรือพูดในเรื่องใด เราควรจะเชื่อนายเศรษฐา จริงๆ หรือไม่ หรือควรจะไปถามซ้ำกับนายทักษิณ
ทำลายความเป็นผู้นำเศรษฐา
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การเมืองที่เราอยากเห็น การเมืองแบบนี้ควรเปลี่ยนผ่านได้แล้ว ถ้าเกิดว่านายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วมันมีปัญหาข้อกฎหมายในเรื่องของการที่จะต้องพิสูจน์กัน ไม่ว่าจะใน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือศาล ตนเชื่อว่านักการเมืองหลายคนรวมถึงตัวเอง ก็จะโดนข้อกล่าวหาต่างๆ มากมาย แต่แน่นอนว่า เราไม่ได้วิธีการล็อบบี้อะไร ถึงที่สุดถ้ามันต้องพิสูจน์ในข้อกฎหมาย ก็ต้องพิสูจน์ เข้าใจว่ากรณีนี้ เป็นคดีอาญา เข้าใจว่า พล.ต.อเสรีพิศุทธ์ คงไม่สามารถถอนได้ เพราะถ้าเรื่องนี้ผิดจริงก็ต้องว่าไปตามผิด
“ผมไม่อยากให้คุณทักษิณมีบทบาทแบบนี้เลย เพราะภาพรวมทางการเมืองจะทำลายในเรื่องความเป็นผู้นำของคุณเศรษฐาอย่างมาก” นายรังสิมันต์ กล่าว
ส่วนกรณีที่อาจจะต้องให้นายทักษิณไปวิ่งเต้น ป.ป.ช.เองนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งเสียหาย การไปวิ่งเต้นกับ ป.ป.ช. ในทางกฎหมาย โดยทั่วไป ไม่ควรจะมีใครทำได้อยู่แล้ว เพราะจะเท่ากับว่า องค์กรอิสระก็จะไม่อิสระในการทำหน้าที่ และการใช้กฎหมายต่างๆ ก็จะหลายมาตรฐาน หลักกฎหมายและความถูกต้อง ก็จะไม่มีอยู่จริง
ถาม”แม้ว”มีสถานอะไรในรบ.
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ตนคิดว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อันตราย นายทักษิณก็ไม่ได้มีสถานะอะไรในรัฐบาลนี้ การที่นายทักษิณพยายามมามีบทบาทแบบนี้ ก็ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล เดี๋ยวก็จะมีคนไปร้องนู่นร้องนี่อีก ซึ่งก็จะเป็นปัญหาที่ไม่จบ
นายรังสิมันต์ กล่าวย้ำว่า ในฐานะพรรคก้าวไกลเราไม่สนับสนุนการใช้นิติสงคราม เราเชื่อว่าพรรคการเมืองจะขึ้นมามีอำนาจได้ ก็ด้วยการสนับสนุนของประชาชน พรรคการเมืองจะดับไป ก็ด้วยการที่ประชาชนไม่สนับสนุน เรื่องนิติสงคราม ไม่ควรจะถูกใช้เลย ถ้าเป็นเรื่องทางกฎหมาย ก็ควรจะว่ากันด้วยพยานหลักฐานตามความถูกผิดจริงๆ เช่น เรื่องที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เรื่องเหล่านี้ ก็ต้องมีกฎหมายเข้ามาดูแล แต่ถ้าเป็นนิติสงคราม ใช้ในการกลั่นแกล้งกัน เราไม่สนับสนุน ทั้งนี้กรณีนี้ก็ต้องไปพิสูจน์กันว่า เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติหรือไม่ เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมายที่ให้อำนาจกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์กันต่อไป
ตั้งผบ.ตร.ต้องโปร่งใส
นายรังสิมันต์ โรม ยังให้สัมภาษณ์กรณีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและกราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งผิดตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติว่า มีความสุ่มเสี่ยง ต้องยอมรับว่าในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ หลักการคือมีเกณฑ์พิจารณาคนที่จะมาเป็น ผบ.ตร. ไม่ว่าจะเป็นหลักอาวุโส หรือความสามารถ ปัญหาคือ เรื่องความสามารถของแต่ละคน ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ใครที่โดดเด่น ซึ่งเรื่องนี้ไม่เคยถูกพูดคุยหรือนำเสนอ และมีความโปร่งเลย สุดท้ายถูกหาว่าเป็นเส้นสาย หรือสายสัมพันธ์กับใครต่อใคร เป็นสิ่งที่เราไม่อยากเห็น
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า คนที่เข้ามาเป็น ผบ.ตร. ไม่ควรจะเลือกจากคนที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายกฯ แต่ควรจะเลือกจากบุคคลที่มีความสามารถ และถูกยอมรับในหลักอาวุโสด้วย ส่วนในเรื่องความสามารถ รัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องชี้แจงให้เกิดความโปร่งใสให้ได้ ซึ่งเราก็ยังไม่เห็นรัฐบาลชี้แจงให้เกิดความกระจ่างแต่อย่างใด กลายเป็นว่าสังคมได้แต่จินตนาการ และตั้งคำถาม ซึ่งส่งผลเสียต่อรัฐบาล ทั้งนี้ การตั้ง ผบ.ตร.มีความสำคัญต่อการเมืองและสังคมอย่างมาก แต่สังคมได้แต่เคลือบแคลง ตนคิดว่าการที่ไม่สามารถจัดการเรื่องนี้อย่างโปร่งใสได้ จะทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาต่อรัฐบาลแน่นอน
เมื่อถามว่า คิดว่าเรื่อง ผบ.ตร. จะจบอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงคาราคาซังอย่างนี้ไปเรื่อยๆ คงใช้เวลาพิสูจน์ต่อไป แต่เชื่อว่าไม่ส่งผลดี เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ขัดแย้งกันแค่ระดับพลตำรวจ แต่เป็นสายพวงกัน แต่ละก๊กก็มีขบวนการและเครือข่ายของตัวเอง ซึ่งเกิดขึ้นในทุกระดับ
ใครทำชั่วก็อยู่ต่อไม่ได้
เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์ว่า ฝ่ายการเมืองพยายามวางคนของตัวเอง เป็น ผบ.ตร.คนต่อไป นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลไม่ได้คิดบนพื้นฐานของความสามารถ หรือจะแก้ปัญหาองค์กรตำรวจ แบบนี้ก็ใช้ไม่ได้ ทุกวันนี้มีทั้งปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน รวมถึงสิทธิสวัสดิการ เงินเดือนของตำรวจแทบจะไม่เพียงพออยู่แล้ว สุดท้ายก็ต้องไปรับ ไปไถ สร้างระบบอุปถัมภ์ และทำลายความยุติธรรม ดังนั้นใครก็ตามที่มาเป็น ผบ.ตร. ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร ถ้าแก้ไม่ได้ ก็ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสม สิ่งเหล่านี้ควรจะมีความชัดเจน ถ้าตอบได้จะไม่มีใครสงสัย และจะได้พ้นจากระบบเส้นสาย ตนอยากเห็นองค์กรที่ใครทำดีได้ดี ใครทำชั่วก็ไม่สามารถอยู่ต่อได้
นายกยันตั้ง”บิ๊กต่อ”ถูกต้อง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินหน้าร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เอาผิด นายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 157 กรณีการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่า รับทราบ แต่หากจะให้ย้อนความไปในวันแต่งตั้ง ได้รับฟังความคิดเห็นอย่างกว้างขวางทุกคน รวมถึงอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วย พร้อมยืนยันว่า ทำตาม พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติทุกประการ มีทั้งเรื่องอาวุโส ความรู้ความสามารถ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย รวมถึงเรื่องของการสอบสวนที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็มีความสามารถในเรื่องนี้ ดูจากชีวิตการทำงานที่ผ่านมา ได้รับการเลื่อนตำแหน่งต่าง ๆ เป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ หน้าที่ของตนเองคือเสนอ และวันนั้นก็เป็นเอกฉันท์ ในส่วนของตนเองไม่ได้ออกเสียงโหวต แต่เมื่อยื่น ป.ป.ช. ไปแล้วก็ต้องชี้แจง
ส่วนกังวลเรื่องการฟ้องร้องหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มั่นใจทำถูกต้องทุกอย่างด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ได้โน้มเอียงไปทางใดทางหนึ่ง เพราะตนเองไม่ได้รู้จักกับทั้ง 4 ท่านเป็นการส่วนตัว
‘บิ๊กต่อ’ปัดตอบเรื่อง’บิ๊กโจ๊ก’
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ไปยื่นต่อ ป.ป.ช.เอาผิดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เป็น ผบ.ตร. โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยิ้มพร้อมปฏิเสธว่า ไม่ทราบเรื่อง อย่าถามเลย
เมื่อถามว่า ดูเหมือนปัญหาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่จบ และลามไปถึงนายกฯ แต่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ โบกมือปฏิเสธพร้อมระบุว่า ไม่ทราบ ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ
เมื่อถามย้ำว่า แต่เหตุผลที่นายกฯเสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็นผบ.ตร. เพราะเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยิ้มและโค้งตัว ก่อนจะขึ้นรถยนต์ออกจากทำเนียบฯไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี