นายกฯ ลงพื้นที่ภูเก็ต ติดตามแก้ปัญหาน้ำท่วม-โครงการสร้างอุโมงค์ทางลอด อนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรี-ท้าวศรีสุนทร ลดปัญหาจราจร พร้อมลุยฝนดูพื้นที่ดินสไลด์ สั่งเร่งทำฟลัดเวย์ แก้ปัญหาเร่งด่วนระยะสั้น พร้อมนำแผนที่พื้นที่สีแดง เสี่ยงดินสไลด์ หารือ ‘ปลัดก.ทรัพย์ฯ’วางแนวทางป้องกันระยะยาว ด้านกรมอุตุฯ เตือนมรสุมส่งผลให้ทั่วไทย มีฝนถล่มทั้งเหนือ-อีสาน-ตะวันออก รวมกทม.
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ จ.ภูเก็ต ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเกิดฝนตกหนักปริมาณมากกว่า 300 มิลลิเมตร จนเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กระทบเป็นวงกว้างช่วงก่อนหน้านี้ โดยในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ และดูแลการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งตรวจติดตามโครงการอุโมงค์ทางลอดและปัญหาดินสไลด์ โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ร่วมเดินทางลงพื้นที่ด้วย
นายกฯรับฟังปัญหาพื้นที่ภูเก็ต
เมื่อเดินทางไปถึง นายกฯ ได้รับฟังความคิดเห็นของภาคประชาชนในการขุดอุโมงค์ทางลอด บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรีและท้าวศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งมีปัญหาการจราจรติดขัดอย่างหนัก โดยเฉพาะช่วงเวลา 16.00-19.00 น.ทั้งนี้ ก่อนเริ่มการก่อสร้างอุโมงค์ จะมีการทดลองแก้ปัญหาจราจรเพื่อให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด
ชาวบ้านกังวลใจเกิดน้ำท่วมขัง
ด้านนายเฉลิมพล เถิดทรัพย์ นายกเทศมนตรี ต.ศรีสุนทร พร้อมตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ก่อสร้าง กล่าวว่า ชาวบ้านยินดีเรื่องการสร้างอุโมงค์ แต่กังวลเรื่องฝนตกแล้วน้ำจะท่วมขังภายในอุโมงค์ จึงอยากให้การก่อสร้างคำนึงถึงเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านเดือดร้อน ทั้งจากปัญหาจราจรและซ้ำเติมด้วยปัญหาน้ำท่วม จึงอยากให้ทำคลองระบายน้ำควบคู่ไปด้วย เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางที่น้ำไหลผ่าน หากมีทางระบายน้ำจะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมขัง ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาเพิ่มเติมถึงการทำบายพาส หรือเส้นทางระบายน้ำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายกฯ เดินทางมาถึง ทำให้ชาวบ้านที่ได้รับฟังถึงกับร้องไห้ดีใจที่นายกฯ มารับฟังปัญหาและรับปากว่าจะช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้
‘เศรษฐา’เผยอนุมัติงบแก้ปัญหา
จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์รถติด และน้ำท่วมใน อ.ถลาง โดยเฉพาะแยกอนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรี ซึ่งรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณโครงการขุดเจาะอุโมงค์ เพื่อแก้ไขสถานการณ์รถติดแล้ว ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม อธิบายถึงสภาพปัญหาว่าถนนเส้นนี้มีระยะทางประมาณ 26 กิโลเมตร แต่มีสัญญาณไฟจราจร 7 จุด วงเวียน 1 จุด และจุดกลับรถ 12 จุด ทำให้การจราจรเคลื่อนตัวได้ช้า ระหว่างรอการก่อสร้างอุโมงค์จึงมีมาตรการในระยะสั้นในการปิดกั้นบางช่วง เพื่อให้รถสามารถเคลื่อนตัวได้เร็วขึ้น ตลอดจนขยายทางเลียบเมือง เพื่อให้เกิดการกระจายตัวของรถ ซึ่งโครงการน่าจะแล้วเสร็จในปี 2569
นายกฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ต้องคำนึงถึงปัญหาน้ำท่วมในอุโมงค์ เพราะเป็นทางผ่านของน้ำ จึงให้ทางจังหวัดเตรียมแผนรองรับ เช่น ปั๊มน้ำ และช่องทางระบายน้ำ ที่ไม่กระทบต่อชุมชนโดยรอบ เพราะที่ผ่านมา ชาวบ้านได้รับผลกระทบถึง 200 หลังคาเรือน ตนเชื่อว่าปัญหาการจราจรในตัวเมืองภูเก็ต และน้ำท่วม น่าจะคลี่คลายลงไปได้มาก จากมาตรการทั้งระยะสั้นและระยะยาว
นายกฯเยี่ยมชาวบ้านหัวควนใต้
ต่อมาเวลา 14.20 น.นายเศรษฐา พร้อมคณะ เดินทางมายังบ้านหัวควนใต้ อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดดินสไลด์ ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา โดยมีนายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผวจ.ภูเก็ต , อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ และอธิบดีกรมทางหลวง ร่วมคณะมาด้วย พร้อมกับรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์และการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งจากการสำรวจเบื้องต้น พบว่ามีดินสไลด์เกิดขึ้นอย่างน้อย 18 จุด ในพื้นที่ 3 อำเภอ โดยนายกฯ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ แก้ปัญหาที่จำเป็นและเร่งด่วนเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะเรื่องของการทำฟลัดเวย์ หรือทางระบายน้ำ
หารือปลัดทส.วางแนวทางป้องกัน
ทั้งนี้ นายกฯ ได้ขอแผนที่ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงดินสไลด์ใน จ.ภูเก็ต ก่อนหารือกับนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เพื่อวางแนวทางป้องกันทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพราะจะต้องเร่งดำเนินการในระยะสั้น เนื่องจากช่วงนี้ฝนยังตกตลอดและยาวจนถึงเดือนกันยายน จึงต้องหาแนวทางป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุด ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า ตั้งแต่อาศัยอยู่มา 60 ปี เพิ่งเคยเห็นดินสไลด์ครั้งนี้ ขอบคุณที่นายกฯ ได้ลงพื้นที่เพื่อมาช่วยแก้ปัญหาด้วยตนเอง
วางมาตรการระยะสั้นก.ย.-ต.ค.นี้
จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ มีหลายมาตรการที่ต้องทำ โดยระยะสั้นต้องดูว่าพื้นที่ตรงนี้ เพราะช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ฝนจะมีปริมาณมากกว่านี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดน้ำท่วม ดินสไลด์อีก เราก็ไม่อยากตั้งอยู่บนความประมาท เพราะฉะนั้นเรื่องของการทำฟลัดเวย์ เรื่องการขยายร่องน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำล้นออกมาจนสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน นี่คือการแก้ปัญหาระยะสั้น
นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนระยะกลางและระยะยาว ต้องตั้งศูนย์เตือนภัย แต่ชาวบ้านบอกว่าน้ำมาเร็ว แต่การเตือนภัยก็อาจจะช่วยได้บ้าง สิ่งสำคัญที่สุดเราต้องมาดูแผนที่ทั้งหมด ว่าจุดที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินถล่ม ไม่ใช่แค่เพียงพื้นที่ตรงนี้เพียงพื้นที่เดียว เท่าที่ดูจากแผนที่จากอธิบดีกรมทรัพยากรธรรมชาติฯ มีอีกหลายจุด อย่างน้อย 7-8 จุด ที่ต้องดูแลทั้งการทำฝาย ฟลัดเวย์ เขื่อน หรือขั้นบันได เพื่อชะลอการไหลของน้ำ ให้ช้าลง ซึ่งตรงนี้เป็นแผลระยะกลาง และระยะยาว
เชื่อมั่นผู้ว่าฯภูเก็ตทำงานเต็มที่
ผู้สื่อข่าวถามว่า การบริหารจัดการของจังหวัดที่สามารถแก้ปัญหาได้ภายในวันเดียว มีความพอใจแค่ไหน นายกฯ กล่าวว่า เชื่อว่าทางผู้ว่าฯ ภูเก็ต ทำงานอย่างเต็มที่อยู่แล้ว แต่อย่างที่บอก 60 ปีไม่เคยเจอ ก็เห็นใจ แต่ตอนนี้ก็เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ เราควรมองไปข้างหน้ามากกว่า เมื่อเข้าช่วงต้นฤดูฝน เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นมาแล้ว ช่วงกลางและช่วงปลาย ฝนจะชุกมากกว่านี้ เราจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก และไม่ใช่ดูแค่พื้นที่ตรงนี้เพียงแห่งเดียว ยังมีพื้นที่สุ่มเสี่ยงอีกจำนวนมาก คืนวันเดียวกันนี้จะได้พูดคุยกับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ มอบหมายให้เป็นเจ้าภาพ บริหารจัดการเรื่องนี้ทั้งหมด
ชี้เป็นเรื่องเร่งด่วนแต่ต้องรอบคอบ
เมื่อถามว่า จะมีการนำแผนพื้นที่เสี่ยงภัยทั้ง 54 จังหวัด เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร่งผลักดันให้เสร็จโดยเร็วหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ในเรื่องเร่งด่วน ตนเชื่อว่าข้าราชการทุกคนเข้าใจถึงความเร่งด่วนอยู่แล้ว แต่ต้องทำให้รอบคอบและสามารถควบคุมได้ทั้งหมด เชื่อว่าทั้งปลัดฯ และอธิบดีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ก็ดูแลอย่างเต็มที่
ต่อข้อถามว่าพื้นที่ลุ่มต่ำมีบ้านเรือนของประชาชนปลูกสร้างขวางทางน้ำจะแก้ไขปัญหาอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องยึดตามกฎหมายและแผนการก่อสร้างจะต้องเชื่อมต่อกับทางผู้ว่าฯ อย่างไรก็ตามในแผนการสนับสนุนเพื่อช่วยเหลือและแก้ปัญหา ต้องดูทั้งหมด ทั้งเรื่องฟลัดเวย์ การขยายทางเดินน้ำใหม่ หลังจากนั้น นายกฯ เดินทางไปติดตามการระบายน้ำที่คลองระบายน้ำหน้าไปรษณีย์กมลา โดยจุดนี้มีประชาชน ที่ทราบข่าวว่า นายกฯ ลงพื้นที่ ได้ตะโกนเรียกนายกฯ และขอถ่ายรูปด้วยความดีใจ
ฝนตกตลอดคืนเติมน้ำในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับพื้นที่ จ.ภูเก็ต ช่วงคืนที่ผ่านมายังคงมีฝนตกหนักจนถึงเช้า โดยฝนตกแล้วหยุดสลับกัน จนชาวบ้านเป็นกังวลว่าจะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากซ้ำรอยช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศโดยรวมที่ จ.ภูเก็ต ทั่วทั้งเกาะปกคลุมไปด้วยเมฆฝน คลื่นลมทะเลมีกำลังแรงกว่าช่วงเวลาปกติ ซึ่งที่บ้านหัวควน บ้านบางหวาน ต.กมลา เป็นจุดที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด
จิตอาสาเร่งช่วยเหลือชาวบ้าน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ และจิตอาสา ได้ระดมกำลังกันเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะบริเวณถนน คูคลองต่างๆ ในชุมชนที่ถูกดินโคลน ทราย จำนวนมากพัดมาทับถม มีการนำรถแบ็กโฮเข้ามาเคลียร์พื้นที่เปิดเส้นทางให้น้ำไหล และทำแนวป้องกันน้ำท่วม ส่วนบ้านเรือนชาวบ้านบางราย แม้ว่าจะทำความสะอาดเสร็จสิ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่กล้าขนย้ายทรัพย์สินลงมาจากที่สูง เนื่องจากเกรงว่าจะมีฝนตกจนทำให้เกิดน้ำท่วมขึ้นอีกในช่วงนี้จนถึงวันที่ 8 กรกฎาคมนี้
ปภ.สรุปน้ำท่วมกระทบ2อำเภอ
ขณะที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ภูเก็ต สรุปตัวเลขความเสียหาย ว่ามีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมครั้งนี้มากกว่า 2,000 คน รวมกว่า 70 ครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่ อ.ถลาง และ อ.เมือง รวม 7 ตำบล 44 หมู่บ้าน ส่วนการช่วยเหลือเยียวยา ทางจังหวัดได้ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ เพื่อให้ประชาชนลงทะเบียนแจ้งความเสียหายตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยจะเปิดให้ลงชื่อในวันเดียวกันนี้ เป็นวันสุดท้าย ก่อนจะมีการประเมินความเสียหายและให้การช่วยเหลือฟื้นฟูต่อไป
ขอนแก่นน้ำกัดเซาะจนฝายขาด
ที่ จ.ขอนแก่น วันเดียวกัน นายชินกร แก่นคง นายอำเภอเมืองขอนแก่น พร้อมด้วย นายธนาศักดิ์ ร้อยพา นายก อบต.โคกสี อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายวีระชัย ฟุ้งไพศาล ผอ.สำนักเครื่องจักรกล สำนักงานชลประทานที่ 6 ร่วมกับทหาร มทบ.23 ค่ายศรีพัชรินทร์ จ.ขอนแก่น เข้าตรวจสอบความคืบหน้าการปิดช่องขาดฝายห้วยสายบาตร ต.โคกสี อ.เมือง จ.ขอนแก่น หลังจากฝายที่สร้างจากคอนกรีตเสริมเหล็ก ตั้งแต่ปี 2549 ถูกมวลน้ำจากหนองเลิงใหญ่ แก้มลิงรับน้ำขนาดใหญ่ กัดเซาะจนขาด เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา ความกว้างประมาณ 20 เซนติเมตร ทำให้มวลน้ำไหลทะลักข้ามฝาย จนพนังดินพังทลาย รวมทั้งผนังปูนที่เพิ่งก่อสร้าง ถูกน้ำกัดเซาะพังลงมาเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามที่จะหาวิธีการปิดช่องฝายที่ขาด แต่เนื่องจากกระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก ทำให้ไม่สามารถนำกระสอบทรายและกล่องหินเกเบียน ลงไปปิดช่องที่ขาดได้ ซึ่งวันเดียวกันนี้ มีกำลังพลจาก มทบ.23 ค่ายศรีพัชรินทร์ จ.ขอนแก่น มาช่วยปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ด้วย
ชี้กระแสน้ำแรงอุปสรรคการซ่อม
นายชินกร กล่าวว่า อุปสรรคที่ทำให้การซ่อมแซมและปิดช่องฝายห้วยสายบาตร คือกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปรับแผนซ่อมแซมและปิดจุดที่ขาดเป็นการชั่วคราว ขณะที่ระดับน้ำในหนองเลิงใหญ่ลดระดับลงกว่า 50 เซนติเมตร ทำให้เห็นเนินดินที่อยู่ในหนองเลิงใหญ่
นายชินกร กล่าวต่อว่า เบื้องต้นจะใช้วิธีนำรถแบ๊กโฮ ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานชลประทานที่ 6 กรมชลประทาน ลงไปขุดดิน ทำเป็นทำนบกั้นน้ำด้านบนของฝาย เมื่อปิดกั้นน้ำได้แล้ว จะนำกระสอบทรายและกล่องหินเกเบียน ลงไปปิดช่องที่ขาด เพื่อป้องกันน้ำไม่ให้ไหลออกไปมากกว่านี้ เนื่องจากจะกระทบกับการอุปโภคบริโภคของชาวบ้านรอบหนองเลิงใหญ่ ส่วนการปรับปรุงซ่อมแซมใหม่ จะมีการทำเรื่องของบประมาณจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำฝายใหม่ ซึ่งเป็นแผนในระยะยาวต่อไป
อุตุฯเตือนทั่วไทยมีฝนตกหนัก
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กทม.และปริมณฑล และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
ให้55จว.รับมือน้ำท่วม-น้ำหลาก
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณ จ.เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี นครพนม สกลนคร มุกดาหาร ชัยภูมิ ขอนแก่น และนครราชสีมา ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล โดยตั้งแต่ จ.ระนอง ขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ตั้งแต่ จ.พังงา ลงไป ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ส่วน กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี