อย่าตะบี้ตะบันลงพื้นที่ลูกเดียว
พท.สะกิด‘เศรษฐา’
ให้นั่งทำงานที่ทำเนียบบ้าง
หวั่นทำกระแสพรรคตกต่ำ
‘วรชัย’เผยโซเชียลแขวะเละ
ยันไม่มีเจตนามุ่งร้ายนายกฯ
“วรชัย เหมะ” แกนนำเสื้อแดง ในฐานะที่ปรึกษารองนายกฯ สะกิด “เศรษฐา ทวีสิน” แบ่งเวลานั่งทำงานในทำเนียบรัฐบาลบ้าง อย่าตะบี้ตะบัน
ลงพื้นที่อย่างเดียว จนทำกระแสพรรคตกต่ำ โดนโซเชียลมีเดียยำเละ เศรษฐกิจไม่ดี เงินสดในระบบหายไป
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2567 นายวรชัย เหมะ แกนนำคนเสื้อแสดง ฐานะที่ปรึกษาของรองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการทำหน้าที่ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ที่ใกล้ครบรอบ 1 ปีแล้วว่า เท่าที่ตนติดตามการทำงานของนายเศรษฐา เห็นว่าเป็นนายกฯ ที่ขยันลงพื้นที่เพื่อรับรู้ปัญหาของประเทศชาติและประชาชน รวมถึงเดินสายโรดโชว์ประเทศไปทั่วโลก พยายามดึงนักลงทุนรายใหญ่ๆและนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา การทำงานเช่นนี้ ถือว่าเป็นนายกฯ ที่ขยันที่สุดคนหนึ่ง
แต่วันนี้ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องเงินสดในระบบหายไป บ้านถูกยึด รถถูกยึด พ่อค้าแม่ขายย่ำแย่ ขายของไม่ออก เชื่อว่าข้อมูลตรงนี้นายเศรษฐารับทราบดีจากการลงจากการลงพื้นที่จริง รวมถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลตามโซเชียลมีเดียต่างๆ ทำให้ความเชื่อมั่นของรัฐบาลและนายกฯ ลดลงไปทุกวัน รวมไปถึงกระแสของพรรคเพื่อไทยที่ลดลงไป ตนเลยมองว่าแนวทางการทำงานที่ผ่านมาของนายกฯ ด้วยความขยันความอดทน แต่ไม่เร็วพอที่จะทำให้ประชาชนพึงพอใจได้
ไม่ได้มีเจตนาร้ายนายกฯ
นายวรชัย กล่าวว่า ตนเชื่อว่าข้อมูลความเป็นจริงนายกฯ มีเพียงพอแล้ว วันนี้จึงอยากให้นายกฯนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ปรับใช้ และทวงถามความคืบหน้าข้อสั่งการต่างๆ ที่เคยให้ไว้ในรอบเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมากับข้าราชการผู้ที่รับผิดชอบแต่ละกระทรวงแต่ละหน่วยงาน ว่าคืบหน้าไปถึงไหน มีอะไรต้องทำเพิ่มเติมบ้าง เพราะข้าราชการคือแขน ขา มือ ที่คอยขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล อยากให้นายกฯ แบ่งเวลาการลงพื้นที่มานั่งทำงานที่ทำเนียบ เรียกข้าราชการมารายงานความคืบหน้านโยบาย ไม่ใช่ตะบี้ตะบันลงพื้นที่โดยไม่เหลียวแลหลัง เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจะไม่มีอะไรต่างจากรอบปีที่ผ่านมา ประชาชนต้องการผลสำเร็จของนโยบาย ก็ถึงเวลาแล้วที่นายกฯ ต้องเร่งขันน็อตกำชับตรวจการบ้านไม่ใช่สั่งแล้วสั่งเลย
“สิ่งที่ผมพูดมานี้ในฐานะคนในบ้าน แม้บางอย่างอาจระคายหู แต่อยากให้รู้ว่าความคิดเห็นของผม คือความเห็นของคนที่เป็นมิตร ไม่มีเจตนามุ่งร้ายแอบแฝง ผมต้องการให้รัฐบาลเดินหน้าได้ ปากท้องประชาชนจะได้กินอิ่ม ให้พรรคเพื่อไทยของเราจะได้กลับมาเป็นที่นิยมชมชอบ ใครจะว่าอะไรผมไม่สนใจ วันนี้ขอเป็นยาขมบอกปัญหาที่ประชาชนเดือนร้อนให้ถึงนายกฯ เมื่อท่านทราบปัญหาก็ถือว่าผมได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว“ นายวรชัย กล่าวผ่าน”มติชนออนไลน์”
“สมชัย” เหน็บเพื่อไทยขาดทุน
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ที่ผ่านมา ว่า หากมองจากคะแนนเสียงที่นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย สามารถเอาชนะ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เพียงไม่กี่คะแนน นั้น ต้องมองภาพให้ออกว่าการเลือกตั้งนายก อบจ. ต่างจากการเลือกตั้ง สส. เพราะการเลือก อบจ. การวางแผนเครือข่าย อาศัยนักการเมืองท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ เป็นผู้ทำคะแนนให้ จากผลที่ชนะกัน ไม่ได้บ่งบอกว่าการเลือก สส. ครั้งต่อไปจะชนะการเลือกตั้งหรือไม่ เพราะ สส. จะเป็นการเลือกแบบเขตใครเขตมัน
นายสมชัย กล่าวว่า การเลือก อบจ. ที่ผ่านมา ฝั่งที่ชนะใช้ชื่อพรรคการเมืองและบุคคลสำคัญของพรรคลงไปช่วยทำคะแนน แต่ผู้ที่แพ้การเลือกตั้งเป็นการสมัครแบบอิสระ เพราะฉะนั้นแม้จะชนะการเลือกตั้งแต่ใช้ชื่อพรรคการเมืองและบุคคล สำคัญของพรรคมาช่วยส่วนตัวมองว่ายังขาดทุนอยู่ เพราะชนะเพียงฉิวเฉียดเท่านั้น
เผยคะแนนนิยม”แม้ว”ถดถอย
นายสมชัย กล่าวอีกว่า ส่วนจะมีการร้องเรื่องการทุจริตการเลือกตั้งก็ขึ้นอยู่กับคู่แข่งว่าจะไปร้องหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อว่าการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นมีการใช้เงินและอิทธิพล จำนวนมาก แต่ กกต.จะมีการเอาจริงเอาจังกับการให้ใบเหลืองหรือใบส้มกับผู้ชนะการเลือกตั้งหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามว่า ผลแพ้ชนะที่ออกมาเพียงฉิวเฉียดสะท้อนความนิยมของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ลดน้อยลงหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า นายทักษิณ ห่างเหินจากการเมืองมาเป็นเวลานาน และการกลับมาหลายอย่างมีการใช้กระบวนการที่คนทั่วไปรู้สึกว่าใช้อภิสิทธิ์หลายเรื่อง ทำให้คะแนนนิยมลดน้อยถอยลง แม้จะใช้ความพยายามในการเดินสาย พยายามสร้างผลกระทบทางการเมืองต่างๆขึ้นมา แต่ผลสำเร็จที่เกิดขึ้นส่วนตัวมองว่ายังได้ไม่เท่าที่ควร เรื่องนี้นายทักษิณ พรรคเพื่อไทยต้องกลับไปประเมินว่าหากจะทำการเมืองระดับประเทศให้พรรคเพื่อไทยกลับมา เป็นที่นิยมวิธีการที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นประโยชน์จริงหรือไม่
บัตรเบ่งว่อน”ทำเนียบ-รัฐสภา
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” หัวข้อ “บัตรเบ่ง ปลิวว่อนทำเนียบ-สภา “เศรษฐา-วันนอร์” ต้องรับผิดชอบ” ดังนี้... “บัตรเบ่ง ปลิวว่อน “ทำเนียบ-สภา” “เศรษฐา-วันนอร์” ต้องรับผิดชอบ
เรื่องการวิ่งเต้นหาตำแหน่งทางการเมือง เพื่อนำไปพิมพ์นามบัตร และใช้บัตรประจำตำแหน่ง ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรออกให้ ไปหาประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ เกิดขึ้นมาในทุกยุคทุกสมัย จนกลายเป็นเรื่องปกติในแวดวงการเมืองไปแล้ว
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต เพราะไม่ใช่เฉพาะวิ่งเต้น ใช้เส้นสายฝากเข้าเป็นที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ หรือเลขานุการเท่านั้น แต่มีการซื้อขายตำแหน่งกันและนำ บัตรประจำตำแหน่งนั้นๆ หาประโยชน์หรือไปใช้ในทางที่ผิด ซึ่งที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า“บัตรเบ่ง” ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับสถาบันรัฐสภาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา จะต้องหามาตรการแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยเร็ว ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา เงียบหายผ่านไปกับสายลม
แต่ที่ยิ่งกว่านั้น ปัญหาการซื้อขายบัตรประจำตำแหน่งทางการเมือง กำลังลุกลามเข้าไปสู่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อไปเป็นที่ปรึกษา ผู้ติดตาม คณะทำงานหน้าห้อง มีการวิ่งเต้นซื้อขายวุฒิการศึกษา ปริญญาบัตร เพื่อนำไปต่อยอดในตำแหน่งทางการเมืองอีกด้วย ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า จะเป็นขบวนการใหญ่โต ทั้งในทำเนียบรัฐบาล และสภาผู้แทนราษฎร
เบื้องหลังทำธุรกิจสีเทา
ส่วนตัวเห็นว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในทุกวงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลทางการเมือง ที่มีตำแหน่งสำคัญ มักจะเลี้ยงลูกน้อง หรือมีลูกน้อง ผู้ติดตามเดินล้อมหน้าล้อมหลังเป็นจำนวนมาก เดินทางไปไหนมาไหนแต่ละครั้ง มีรถผู้ติดตามกันเป็นขบวนยาวเหยียด สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมเป็นอย่างมาก ยิ่งค่านิยมสังคมไทยชอบคนตำแหน่งใหญ่โต มีบารมี ฟอร์มใหญ่ สร้างภาพเก่ง ให้เป็นที่นับหน้าถือตาของสังคม ทั้งที่เบื้องหลังของคนเหล่านี้ ทำธุรกิจสีเทา เป็นนักฮั้วประมูล หากินกับผู้รับเหมา โกงกินงบประมาณแผ่นดินฯลฯ
ผมอยู่ในแวดวงการเมืองมาเป็นเวลา 20 กว่าปี ได้เห็นผู้คนที่เข้ามาอยู่วงการนี้ทุกรูปแบบ มีตั้งแต่พวก18มงกุฎ พวกล็อบบี้ยีสต์ หรือนักต้ม นักตบทรัพย์ แก๊งควาย ที่เข้ามาเป็นเหลือบเกาะนักการเมือง หาประโยชน์กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
ขอให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุดของฝ่ายบริหาร ได้สะสางปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในทำเนียบรัฐบาล และนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ในฐานะประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ ได้สะสาง ปัดกวาดพวกเหลือบการเมือง ที่เข้ามาใช้รัฐสภาเป็นสถานที่หาประโยชน์ ให้เสร็จสิ้นและหมดไปโดยเร็วที่สุด
อยากให้รัฐบาลได้ปลูกฝังค่านิยม ไม่ไหว้คนโกงไม่นับถือหรือเคารพคนเลว เป็นค่านิยมให้เกิดขึ้นในสังคม ตั้งแต่เด็กจนโตเป็นผู้ใหญ่ ขอให้มีความจริงจัง ยึดแนวความคิดของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี