‘เรืองไกร’ยกข้อกฎหมายร้อง‘ป.ป.ช.’ ต้องสอบ‘นายกฯเศรษฐา’ต่อไป แม้‘เสรีพิศุทธ์’จะถอนคำร้องตามคำขอ 2 อดีตนายกฯ
7 กรกฎาคม 2567 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า กรณีที่ปรากฏข่าวการร้องขอจากอดีตนายกฯ 2 คน ที่ขอให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ถอนคำร้องที่กล่าวหานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กับพวก ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีแต่งตั้ง ผบ.ตร.นั้น กรณีดังกล่าวแม้จะมีการถอนคำร้องแล้ว แต่ถ้าดูข้อกฎหมายใน พรป.ป.ป.ช. การถอนคำร้องไม่น่าจะมีผลให้ ป.ป.ช. ยุติเรื่องได้ เพราะต้องถือว่ามีความปรากฏแล้ว ดังนั้นในวันนี้ตนจึงส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. ทำการตรวจสอบนายเศรษฐา ต่อไป โดยมีการยกข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงใส่ไว้ ดังนี้
ข้อ 1. พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 28 วรรคหนึ่ง (1) มาตรา 48 วรรคหนึ่ง และมาตรา 183 บัญญัติไว้ดังนี้
“มาตรา 28 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้
(1) ไต่สวนและมีความเห็นกรณีมีการกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน ทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง”
“มาตรา 48 เมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ว่าจะมีการกล่าวหาหรือไม่ ว่ามีการกระทำความผิดที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจโดยพลัน โดยในกรณีที่จำเป็นต้องมีการไต่สวน ต้องไต่สวนและ มีความเห็นหรือวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด ซึ่งต้องไม่เกินสองปี นับแต่วันเริ่มดำเนินการไต่สวน”
“มาตรา 183 กรรมการ พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือบุคคลหรือคณะบุคคลที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 180 หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ต้องระวางโทษสองเท่าของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น และในกรณีที่บุคคลดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่โดยขาดความเที่ยงธรรมให้ถือว่าเป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ”
ข้อ 2. เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ได้ยื่นหนังสือกล่าวโทษ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กับพวก รวม 10 คน ซึ่ง ป.ป.ช. รับคำร้องพร้อมเอกสารไว้ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ ดังความควรแจ้งแล้วนั้น
ข้อ 3. ต่อมา ประมาณวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 ปรากฏข่าวตามสื่อต่าง ๆ ว่า พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ได้ถอนเรื่องกล่าวหาดังกล่าว โดยมีการกล่าวอ้างถึง อดีตนายกฯ 2 คน มาร้องขอ และกล่าวอ้างว่า เมื่อถอนคดีแล้วจะมีคนไปวิ่งเต้นคดีกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ต่อไปนั้น ประกอบกับวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ได้มายื่นกล่าวหานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อีกครั้งหนึ่ง รายละเอียด ป.ป.ช. ควรทราบแล้วนั้น
ข้อ 4. กรณี ตามข้อเท็จจริงดังกล่าว เมื่อพิจารณาจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 48 วรรคหนึ่ง แล้ว ย่อมเห็นได้ว่า ป.ป.ช. ยังคงต้องดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อตรวจสอบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กับพวก ต่อไป เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความปรากฏต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว
ข้อ 5. ดังนั้น กรณีการกล่าวหานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นคำร้องของพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส และคำร้องของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ย่อมเป็นความปรากฏต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้วเช่นกัน กรณี จึงมีเหตุอันควรขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต่อไปตามหน้าที่และอำนาจในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 28 วรรคหนึ่ง (1)
ข้อ 6. สำหรับกรณีการกล่าวอ้างว่า จะมีคนไปวิ่งเต้นคดีกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ต่อไปนั้น กรณีนี้ จึงมีเหตุอันควรขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ต่อไปว่า มีเจ้าหน้าที่ผู้ใด เข้าข่ายกระทำการช่วยเหลือให้มีการวิ่งเต้นคดีอันมีโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 183 หรือไม่
“สรุปว่าในหนังสือดังกล่าว จึงได้ขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำร้องของพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส และคำร้องของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ต่อไปว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หรือไม่” นายเรืองไกร กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี