ผู้สมัคร สว.บุก กกต.ยื่นหลักฐานเพิ่ม จี้เปิดหีบพิสูจน์ฮั้วลงคะแนน หนุน สว.ชุดปัจจุบันร่วมตรวจสอบ หวังได้ความยุติธรรม ด้านผู้สมัครกลุ่ม SME ทวงสอบคุณสมบัติ พบไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการจริง
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา หรือ ผู้สมัคร สว.นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 2 กลุ่มกฎหมายฯ ยื่นหนังสือและหลักฐานเพิ่มเติมต่อ กกต.เป็นครั้งที่ 4 และติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามคำร้อง หลังจากก่อนหน้านี้ได้มายื่นขอให้ตรวจสอบความผิดปกติในการลงคะแนนที่พบว่ามีการจัดตั้ง มีการลงคะแนนตามโพย จึงขอให้มีการเปิดหีบพิสูจน์การลงคะแนนว่าเป็นไปตามโพย และคัดค้านการประกาศรับรอง สว. 200 คน และบัญชีสำรอง 100 คน
โดย พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ได้ยื่นคำร้องต่อ กกต.ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.และมายื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อเนื่องจนถึงครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ จาก กกต.ตนพยายามที่จะหาความเป็นธรรมไปยื่นคำร้องต่อศาลต่างๆ แต่ศาลก็ยกคำร้องโดยเห็นว่า กกต.ยังไม่มีการประกาศรับรองผล ตนจึงต้องมาเรียกร้องให้ กกต.ดำเนินการตามพยานหลักฐานที่ได้ยื่นไว้ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าบัตรที่อยู่ในหีบรอบเลือกไขว้นั้นมีการลงคะแนนตรงตามโพยทุกใบ โดยหลังจากมาเทียบดูแล้ว ผู้ได้รับคะแนนสูงๆ เป็นไปตามโพยทุกประการ วันนี้จึงเอามาให้ กกต.เผื่อ กกต.ทำไม่เป็น ก็จะได้ทำตามที่ตนยื่น รับรองจะเจอข้อเท็จจริงแน่นอน
พล.ต.ท.คำรบ ยังกล่าวด้วยว่า หาก กกต.ไม่ดำเนินการตามที่ร้อง พวกตนร้องก็จะมายื่นทุกวันหรือถ้าไม่สนใจแล้วประกาศรับรอง สว. 200 คน ไปโดยไม่ดำเนินการใดๆ ก็จะถือว่า กกต.หลีกเลี่ยงที่จะผดุงความสุจริตและเที่ยงธรรม ตามที่มาตรา 32 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.กำหนดไว้ ซึ่งก็จะมีโทษตามมาตรา 69 จำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี ปรับ 20,000 - 200,000 บาท และอาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี และอาจจะโดนไปถึง ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อยากเห็น จึงขอวิงวอนให้ กกต.เปิดหีบบัตรลงคะแนนตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ทุกอย่างกระจ่าง
"มาตรา 59 ของกฎหมายเดียวกันให้อำนาจ กกต.ทั้งในเรื่องการจะเลือกใหม่ การจะยับยั้ง หรือแม้แต่บัญชีที่ กกต.ประกาศไปแล้วก็สามารถจะทำขึ้นใหม่ได้ และมีแนวโน้มที่จะเป็นอย่างนั้นด้วย กกต.เปิดหีบบัตรออกมาแล้วพบว่าผู้ได้รับเลือกได้คะแนนมาโดยไม่สุจริตเที่ยงธรรม ซึ่งก็ต้องได้ใบแดงตามที่กฎหมายกำหนด แล้วก็เลื่อนคนที่ได้คะแนนลำดับถัดไปขึ้นมา อาจจะเกินบัญชีสำรองที่ได้ ก็อยู่ในวิสัยที่ กกต.ทำได้ เพราะกฎหมายให้อำนาจ กกต.ไว้"
พล.ต.ท.คำรบ ยังเห็นด้วยกับการที่ สว.ชุดปัจจุบันตั้งกรรมาธิการขึ้นมาตรวจสอบการเลือก สว.ในขณะนี้ เพราะผู้สมัคร สว.มายื่นร้องกันในขณะนี้ก็ไม่รู้ว่า กกต.จะรับฟังเท่าไหร่ การที่ สว.เข้ามาช่วยตรวจสอบก็เหมือนเป็นแรงหนุนที่อาจทำให้ความยุติธรรมเพิ่มขึ้นมา
ด้าน นายจิรัฏฐ์ แจ่มสว่าง ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 3 การศึกษา กล่าวว่า ตอนนี้เราถูกปิดหูปิดตาด้วย 2 วลี คือ การฮั้วไม่ผิด และการสมัครผิดกลุ่มไม่ผิด ทั้งที่สองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขัดแย้งกับเจตนารมณ์ของการเลือก สว.ครั้งนี้ ที่มีการกำหนดกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม และให้มีการจับสลาก เจตนาเพื่อป้องกันการฮั้วที่จะทำได้ยาก แต่เมื่อมีการประกาศว่าสมัครผิดกลุ่มไม่ผิด จึงเป็นการทำลายระบบทั้งหมด เพราะการจัดตั้งนำคนมาจำนวนมากๆ เกณฑ์มาง่าย แต่การที่จะเกณฑ์คนมาตรงกลุ่มอาชีพได้เยอะๆ ทำยาก การอนุโลมให้สมัครไม่ตรงกลุ่มได้จึงเป็นการส่งเสริมการจัดตั้ง ซึ่งตั้งแต่การรับสมัครมาจนปัจจุบัน กกต.ยังไม่เคยตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครแต่ละคนเลย จะตรวจเฉพาะคนที่ถูกร้องเรียนเท่านั้น ซึ่งมีอยู่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น การที่เรียกร้องให้เปิดหีบลงคะแนน เพราะต้องการเช็คว่าการจัดตั้งมีจริง แล้วจึงค่อยไปตรวจสอบคุณสมบัติของคนที่มาไม่ตรงกลุ่มว่าเป็นอย่างไร ถ้า 2 เรื่องนี้มันสอดคล้องกันจริง การจัดตั้งทั้งหมดก็ผิดตามระเบียบ จึงอยากให้ กกต.เปิดหีบบัตรลงคะแนนเพื่อเช็คร่องรอย
ขณะที่ นายยศพัทธร์ ปรมัตถ์กิจการ ผู้สมัคร สว.กลุ่มที่ 9 ผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม เข้ายื่นต่อ กกต.เพื่อสอบถามความคืบกรณีขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติหรือเงื่อนไขของผู้สมัคร สว.กลุ่ม 9 โดย นายยศพัทธร์ กล่าวว่า ก่อนการเลือก สว.ระดับประเทศ ตนเคยมายื่นหนังสือต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร สว.กลุ่ม 9 ทั้งหมด ซึ่งผู้ที่จะสมัครกลุ่มนี้มีกฎหมายเกี่ยวข้องอยู่ 2 ฉบับ คือ พระราชกฤษฎีกาปี 2558 ที่กำหนดคุณลักษณะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมว่าต้องมีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท และกฎกระทรวงที่ระบุลักษณะวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ในปี 2562 กำหนดว่าคนที่จะมาสมัครกลุ่ม 9 ได้นั้นถ้าเป็นธุรกิจภาคการผลิตต้องมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปี แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในระดับอำเภอ ตนได้เข้าไปดูโปรไฟล์ผู้สมัครแต่ละคนในแต่ละจังหวัด ปรากฏว่ามีจำนวนมากที่ไม่ได้เป็นผู้ประกอบกิจการเข้ามาสมัคร และมีบางคนที่เขียนในใบ สว.3 ว่าเป็นเจ้าของบริษัท แต่เมื่อตนไปเช็คดูแล้วเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทนั้นๆ เลย นั่นแสดงว่าคนนั้นไม่ได้เป็นผู้ประกอบกิจการเกิน 10 ปี ทั้งนี้ เมื่อถึงขั้นตอนสมัครทาง กกต.จังหวัด ไม่ได้มีการให้ยื่นเอกสารประกอบการสมัครว่าคนนี้มีทุนจดทะเบียนเกิน 5 ล้านบาทหรือไม่ หรือเป็นผู้ประกอบการจริงหรือไม่
นายยศพัทธร์ กล่าวอีกว่า เมื่อตนได้รับเลือกให้มาเลือกในระดับจังหวัด ตนเองก็เคยมายื่นเรื่องนี้ต่อ กกต.กทม.แต่เจ้าหน้าที่แค่รับเอกสารไปไม่ได้มีการดำเนินการอะไร จนปล่อยปละละเลยให้คนที่ขาดคุณสมบัติหรือไม่ได้เป็นผู้ประกอบการเข้ามาเลือกคนอื่น เช่น วันนั้นที่ตนอยู่ในเหตุการณ์มีผู้สมัครที่ได้รับเลือกมีคะแนนผิดปกติ 2 - 3 คน จากนั้นเพื่อความเป็นธรรมตนจึงได้ไปยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง จนศาลได้มีคำสั่งว่าผู้สมัครไม่มีอำนาจหรือกฎหมายที่จะไปยื่นให้ตรวจสอบลบรายชื่อผู้สมัครคนอื่น ดังนั้น วันนี้ที่ตนมาเพื่อจะมายื่นสอบถามความคืบหน้าเรื่องที่เคยยื่นไปก่อนหน้านี้ พร้อมกล่าวโทษผู้ที่รู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่มีคุณสมบัติ ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 74 พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.คือรู้อยู่แล้วว่าตนเองขาดคุณสมบัติแต่มาสมัครโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และมีความผิดทางอาญาโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท และตัดสิทธิทางการเมือง 20 ปี ดังนั้น ตนจึงขอกล่าวโทษให้กับคนกลุ่มเหล่านี้ที่เกาะกลุ่มกันมาแล้วมาเลือกคนอื่นสร้างความเสียหายให้กับประชาชน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี