‘เศรษฐา’ปัดไม่เกี่ยว
‘ทักษิณ-ปู’เคลียร์‘เสรีพิศุทธ์’
ถอนฟ้องคดีตั้ง‘บิ๊กต่อ’ผบ.ตร.
“เศรษฐา” ยันไม่เคยคุย “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ปมเจรจา “เสรีพิศุทธ์”ถอนฟ้องคดี ม.157 แต่งตั้ง“บิ๊กต่อ”นั่งผบ.ตร. ขณะที่อัยการแจ้งตำรวจสอท.ส่งสำนวน“บิ๊กโจ๊ก”และพวกไปให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเมื่อเวลา 10.25 น. วันที่ 8 กรกฎาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุได้พูดคุยกับอดีต 2 นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ถอนฟ้องนายกรัฐมนตรี ตามความผิด ม.157 ปมเสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตร. ว่า ตนเองไม่ถามเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับตน และยืนยันว่าตนไม่เคยปรึกษากับอดีต 2 นายกรัฐมนตรี ไม่เคยพูดคุยกัน
ก่อนหน้านี้นายกฯเศรษฐา ได้เรียก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.เข้าพบบนตึกไทยคู่ฟ้า ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการสอบถาม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ถึงกระแสข่าวที่จะลาออกจากตำแหน่งก่อนเกษียณอายุราชการหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้มีการสอบถาม ไม่ได้ถามเรื่องนี้เลยนอกจากเรื่องงานอย่างเดียว เพราะตนเน้นเรื่องการทำงานเป็นหลัก ประมาณ 2 เดือนครึ่ง เพราะ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เหลือเวลาในราชการอีกประมาณ 2 เดือนครึ่ง
วันเดียวกันที่ ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ คดีที่ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผล.ตร. เป็นโจทก์ฟ้อง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และบริษัท สี่พระยาการพิมพ์ จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับฐานร่วมกัน “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและดูหมิ่นเจ้าพนักงาน”ศาลนัดฟังคำสั่ง 6 สิงหาคม
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ ถึงสำนวนคดีที่ตำรวจเกี่ยวข้องส่วยเว็บพนันออนไลน์ว่า ที่พนักงานสอบสวนสั่งฟ้องลูกน้องผมไปทั้ง 8 คน ไปยังอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต วันนี้อัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าสำนวนคดีเหล่านี้เป็นอำนาจของป.ป.ช.ไม่ใช่อำนาจของตำรวจที่จะสั่งฟ้องเองได้ เนื่องจากเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ตามพรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ป.ป.ช. ที่ระบุว่าหากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนรวบรวมหลักฐานในเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะให้ออกหมายเรียก หมายจับ สุดท้ายจะเห็นว่าหลักกฎหมายมีหลักเดียว อัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าสำนวนคดีนี้ ไม่ได้อยู่ในอำนาจของอัยการ เป็นอำนาจของป.ป.ช.ก็เลยส่งคืนสำนวนไปให้พนักงานสอบสวน
ดังนั้นพนักงานสอบสวนก็ต้องส่งสำนวนกลับไปยังป.ป.ช.ตำรวจจะสอบสวนได้เฉพาะคดีความผิดอาญาลัก วิ่ง ชิง ปล้น ก็ว่าไป แต่ถ้าเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ยังไงก็ต้องส่งสำนวนคดีให้ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน ไม่ใช่ตำรวจจะดึงไปสอบเอง แล้วทำผิดฝาผิดตัว ส่งสำนวนคดีไปให้อัยการ ดังนั้นอัยการจึงไม่เอาด้วย ก็จะต้องส่งสำนวนกลับไปให้พนักงานสอบสวน
ทั้งนี้ตนได้กล่าวหาพนักงานสอบสวนทั้งชุดแล้วว่าดำเนินการสอบสวนโดยมิชอบพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวอดีตผบก.ภ.จ.ชลบุรี จนถึงระดับรองผบก. และระดับสารวัตร โดนคำสั่งฟ้อง 20 กว่าราย ซึ่งคดีนี้เดิมตนเองเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนต่อมาเปลี่ยนเป็นผู้ช่วยผบ.ตร.เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน แล้วได้มีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนร่วมกับอัยการสุดท้ายก็มีการสั่งฟ้อง
บิ๊กโจ๊กยังตั้งคำถามว่า นายกฯเศรษฐาบอกจะให้ความป็นธรรม แต่คดีที่พบเห็นเส้นทางการเงินมากว่า 300 ล้านบาท ของตำรวจบางนาย จะต้องส่งสำนวนการสอบสวนให้กับดีเอสไอ ก็ไม่ส่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายอภิชาต ถาใจ อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 2 ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ถึงหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 583/2566เรื่อง ขอทราบข้อหารือกรณีการคืนสำนวนการสอบสวน
มีสาระโดยย่อคือ ส่งสำนวนการสอบสวน คดีอาญาที่ 724/2566 ของกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.)1 ระหว่าง พ.ต.ท. มนต์ชัย บุญเลิศ ผู้กล่าวหา นายณัฐวัตร พิมพ์สวัสดิ์ กับพวก รวม 61คน (เป็นเยาวชน 2 คน) ผู้ต้องหา ในคดีเว็บพนันที่เกี่ยวข้องนายตำรวจใหญ่ นั้นต้องส่งไปให้ ปปช.ดำเนินการ
อย่างไรก็ตามจากหนังสือดังกล่าว เป็นวิพากษ์วิจารณ์กันในหมู่พนักงานสอบสวนเเละพนักงานอัยการฯถึงความเห็นให้คืนสำนวนครั้งนี้ของอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตฯนี้จะถือเป็นบรรทัดฐานในการทำงานต่อๆไป ว่าแม้สำนวนจะอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของอัยการแล้ว ปปช.ซึ่งมีสถานะเป็นพนักงานสอบสวนยังสามารถมีอำนาจในเรียกสำนวนคืนได้ หรือตามระเบียบของ ปปช.ที่เหมือนจะเขียนไว้เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเเละชอบด้วยกฎหมาย ป.วิอาญา หรือไม่ หรือเเค่ชอบตามกฎหมาย ปปช. เเละกรณีเป็นความเห็นในครั้งนี้ของ อัยการสูงสุด คณะทำงานที่พิจารณาหรือเพียงเจ้าของสำนวนที่พิจารณาคำสั่งคืนสำนวนในครั้งนี้จะถือเป็นบรรทัดฐานใหม่ให้หน่วยในวงการอัยการต้องปฏิบัติตามหรือไม่.
ด้านบิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.)กล่าวถึงกรณีขอเลื่อนนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องตนเองกรณีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ว่า ครั้งต่อไป ตนไปแน่
“ไม่เป็นไรหรอกให้เขารอบ้างจะเป็นอะไร เพราะว่าเมื่อก่อนตำรวจก็ไปรอทั้งชีวิต รอบ้างนิดๆหน่อยๆช่วยกัน” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวและว่านัดคดีครั้งต่อไปช่วงกลางเดือนสิงหาคม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี