ป่าทับลานวุ่น!
‘เศรษฐา’โยนยุค‘บิ๊กป้อม’กำกับดูแล
‘ชัยวัฒน์’แฉนายทุนจ้องงาบเป็นชุด
นายกฯชี้ปมพื้นที่ทับซ้อนใน อ.ทับลานเป็นมติจากรัฐบาลที่แล้วภายใต้การกำกับดูแลของ“บิ๊กป้อม”ลั่นทุกอย่างต้องเดินตามกฎหมายนายทุนจะถือสิทธิ์ไม่ได้ ด้าน“ชัยวัฒน์” แฉนักการเมืองหัวหมอใช้ช่องว่างกฎหมายเฉือนป่าทับลาน ชี้เป็นแค่โมเดล มีขบวนการจ้องเขมือบเป็นสเต็ป “เสม็ด- สิรินาถภูเก็ต-เกาะช้าง” หวั่นอนาคตไทยไม่เหลือป่าขณะที่“ธรรมนัส”ออกตัว ยันไม่เกี่ยวข้อง ขอย่าโยงพาดพิงส.ป.ก.เป็นแค่ผู้ปฏิบัติ ชี้อยู่ในขั้นตอนกรมอุทยานฯ เผยเกษตร-ทส.คุยกันดี ต้องแยกแยะกลุ่มทุนกับเกษตรกร
เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีปัญหาข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนใน อ.ทับลาน จ.นครราชสีมา ในเรื่องพื้นที่อนุรักษ์กับพื้นที่ทำกินของประชาชนว่าเรื่องนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ชี้แจงไปแล้ว คงไม่มีอะไรนอกจากจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นมติจากรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่เคยกำกับดูแล เป็นเรื่องของสำนักงานคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ที่ต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สิ่งสำคัญคือต้องรับฟังความคิดเห็นจากพี่น้องประชาชนก่อนจะมีการเพิกถอน ซึ่งมีหลายกระบวนการที่จะต้องดำเนินการตามกระบวนการกฎหมาย และนำเสนอ ครม.ต่อไป
เมื่อถามว่า สังคมอ่อนไหวกับข่าวที่มีนายทุนเข้าไปครอบครองพื้นที่ทับซ้อนดังกล่าว นายกฯกล่าวว่า ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย หากจะมาทำอย่างนั้นก็ไม่ได้ เข้าใจว่าพื้นที่ทับลานมีประชาชนที่เข้าไปอยู่กันอยู่แล้วต่อข้อถามว่า จำเป็นต้องยกเลิกมติ ครม.ปี 2566 หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ยังไม่มี อยู่ระหว่างการศึกษา ต้องดูให้ครบขั้นตอนก่อน และเรื่องของ One Map ก็เป็นส่วนสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาตรงนี้ด้วย
ด้านนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ถึงกรณีว่าใครเป็นคนสั่งให้เฉือนป่าทับลานว่า แนวทางการแก้ไขของมติ ครม.ก็เกิดมาจากนักการเมืองในพื้นที่เสนอไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน จากนั้นเข้าไปในคณะกรรมการ และเสนอ ครม.ผ่านช่องทางเล็กๆ ที่เป็นช่องว่างของกฎหมาย เสนอความเห็นได้ และผ่านครม. ตนสรุปสั้นๆ ว่าการแก้ปัญหาไม่ได้แก้ไขปัญหาเบ็ดเสร็จเพื่อประชาชนทั่วไป คือ 1.ปัญหาที่เกิดขึ้นในทับลาน เนื่องจาก ส.ป.ก.ไปออกเอกสาร 4-01 ทับพื้นที่อนุรักษ์ ออกนอกเขต ส.ป.ก.เข้าไปในพื้นที่ป่าทับลาน 2.กลุ่มนายทุนไปซื้อที่ดิน ซื้อขายเปลี่ยนมือจากประชาชนที่เคยอยู่มาก่อน และไปสร้างโรงแรม รีสอร์ท ปัจจุบันเราจับมาแล้ว 500 กว่าคดี ซึ่งเป็นกลุ่มทุนทั้งหมด ส่วนคนที่อยู่ดั้งเดิมเราไม่ได้ดำเนินคดี เขาก็อยู่ปกติและให้สิทธิ์เขา ถ้าไม่มีการซื้อขายเปลี่ยนมือ
ทั้งนี้ทิศทางดังกล่าว ไม่ได้แก้ไขเพื่อประชาชนคนยากไร้หรือไม่มีที่ดินทำกิน ซึ่งเรื่องนี้เสนอ ครม.เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2566 และให้เราจัดทำ แต่ก่อนหน้านั้นคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ก็มีความเห็นแย้งอยู่แล้วว่าไม่เห็นด้วยกับการเฉือนป่า 2.6 แสนไร่ ออกจากพื้นที่ อุทยานแห่งชาติทับลาน เราคัดค้านมาตลอด แต่ปัญหาคือมติ ครม.อาจจะลักหลับ หรือเงียบๆ มาดำเนินการ ซึ่งตนเห็นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงต้องออกมานำเสนอให้ประชาชนได้รับทราบ
เมื่อถามว่า เรื่องนี้คิกออฟจากนักการเมืองท้องถิ่น ร้องไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน ถามว่านักการเมืองท้องถิ่นคนนั้นคือใคร นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า เขามีตัวตนอยู่แล้ว มันชัดเจน ความไม่ถูกต้องไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย แต่วันนี้มีความพยายามเอาความไม่ถูกต้อง สิ่งที่ผิดกฎหมายมาอยู่เหนือกฎหมาย ทำผิดให้เป็นถูก
เมื่อถามว่า นักการเมืองท้องถิ่นกลุ่มนั้นมีผลประโยชน์อะไรตรงนั้นอย่างไร นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ทับซ้อนมาก เพราะโรงแรม รีสอร์ทก็เป็นของกลุ่มพวกเขาอยู่แล้ว และเป็นเคสข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ข้าราชการเกษียณยศใหญ่ๆ ที่ไปซื้อที่ดินตรงนั้นก็พยายามที่จะจัดการพื้นที่ตรงนี้ เพื่อกันออกจากพื้นที่อุทยานฯ
เมื่อถามว่า ทุกข้อต่อของกลไกรัฐ มีบางคนเข้าไปมีผลประโยชน์กับตรงนั้นด้วยใช่หรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า “ถูกครับ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะแอบกันทำ การไปตรวจสอบ หรือตั้งกลุ่มก้อน ทางเจ้าหน้าที่ติดตามคนกลุ่มนี้เช่นเดียวกัน เราก็รู้ว่าเงาของเขาทำอะไรกันบ้าง มีอะไรกันบ้างตรงไหน มีเครือญาติ มีรีสอร์ตโรงแรมตรงไหน หากเขาทำโดยชอบเพื่อประชาชนตนไม่ติดใจ แต่การเอาป่าออกจากพื้นที่เอาให้ประชาชน เรามีการสำรวจที่ดินทำกินพบว่าคนดั้งเดิมเรามีอยู่แล้ว และคดีกว่า 5,400 คดีต้องถูกเพิกถอนหรือรื้อถอนมาเป็นป่า หรือพื้นที่สาธารณะ หรือพื้นที่ชุมชนก็ว่ากันไป”
เมื่อถามว่า ถือเป็นมรดกบาปจากรัฐบาลชุดที่แล้วมาถึงรัฐบาลชุดนี้ใช่หรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า แนวทางเส้นทาง มันไม่ได้เป็นแปลงแรกและแปลงเดียวที่เขาจะคิดทำ แต่เป็นโมเดลแรกตั้งแต่ อุทยานแห่งชาติทับลาน เพื่อไปอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด และ อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ภูเก็ต และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เป็นสเต็ปที่เขาจะเดินต่อไป
อย่างไรก็ตามพื้นที่ 2.6 แสนไร่ที่จะเพิกถอนนั้น พบว่าเป็นพื้นที่กว่า 50,000 ไร่เป็นพื้นที่ที่กำลังดำเนินคดีกับผู้บุกรุกอยู่ ถ้าเพิกถอนสภาพป่าก็เหมือนกับเป็นการนิรโทษกรรมให้กับผู้บุกรุก หากยังมีการใช้เทคนิคแบบนี้อยู่ เราจะไม่เหลือป่าอีกแล้ว
เมื่อถามว่า มันจะจบอย่างไร นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า เราต้องอาศัยพลังของประชาชน และยืนยันว่าประชาชนที่อยู่พื้นที่ดังกล่าวยังมีสิทธิ์เหมือนเดิม แต่เราขอปัดกวาดบ้าน คนที่เป็นกลุ่มนายทุน เราจะเอกออกให้หมด หากศาลสั่งรื้อถอนก็จะปรับเป็นพื้นที่ป่าเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน อย่างไรก็ตามกรมอุทยานฯ กำลังเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนถึงวันที่ 12 ก.ค.นี้ ในเรื่องดังกล่าว ส่วนตัวตนนั้นคัดค้าน 100% และขอให้ประชาชนเข้าไปร่วมแสดงความคิดเห็นว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
ทางด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่าเรื่องทับลานที่กำลังเป็นประเด็นอยู่นั้น ขออนุญาตตอบคำถามแบบที่เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง การทำงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในทุกๆ เรื่อง อยู่ภายใต้นโยบายคณะกรรมการแห่งชาติทั้งหมด เรื่องทับลาน สืบเนื่องจากรัฐบาลเดิมในหลายยุคแต่มาสรุปและรัฐบาลชุดที่แล้ว ประะมาณต้นปี 2566 ซึ่งนำความเห็นของ คทช.เสนอต่อ ครม.ในยุครัฐบาลที่แล้ว ในเรื่องของการปรับแนวเขต ปี 2543 ตรงนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญดังนั้น กระทรวงเกษตรฯไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องนี้ ทั้งนี้ เมื่อ คทช.เห็นชอบอย่างไร นำเสนอ ครม.ชุดที่แล้ว เมื่อ ครม.เห็นชอบก็เป็นเรื่องกระบวนการที่ต้องไปดำเนินการตามโดยกรมอุทยานฯ และในช่วงนี้เห็นว่าเป็นประเด็นที่มีการรับฟังเสียงประชาชนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ถือเป็นเรื่องของกรมอุทยานฯที่ต้องดำเนินการ ภายใต้การดูแลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ฉะนั้น ต้องกราบเรียนนำเสนอให้เข้าใจ ไม่ใช่เป็นเรื่องของรัฐบาลชุดปัจจุบัน เดี๋ยวจะไปผสมผสานเข้าใจกันผิด
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับนโยบายจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ที่เห็นชอบ นำเข้าที่ประชุม ครม. เมื่อเห็นชอบให้ ส.ป.ก.ไปจัดสรรที่ดินให้พี่น้องเกษตรกรได้ทำกิน เราก็จะนำไปปฏิบัติ แต่ตรงนั้นไม่ใช่ขั้นตอนตามกระบวนการของส.ป.ก.ขอให้เข้าใจตรงนี้ เพราะมีสื่อบางสำนักไปโจมตีพาดพิง ส.ป.ก. เขาจะเสียหาย
เมื่อถามว่า ที่ดินทับซ้อนประมาณ 1.5 แสนไร่ มีทั้งกลุ่มนายทุนและชาวบ้าน ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เราต้องแยกก่อนว่าที่ดินเหล่านี้เชื่อว่ากระทรวงทรัพย์ฯโดยกรมอุทยานฯ ซึ่งเขามีคณะกรรมการของเขา กว่าจะถึงขั้นตอนตรงนั้นไม่ใช่ รวมทั้งหมด 1-2 แสนไร่ ต้องจำแนกให้ชัดเจนว่าตรงไหนเป็นพื้นที่ของประชาชนที่ร้องเรียนมา สู่การประชุมของ คทช. พร้อมยืนยันว่าหน่วยงานภายใต้การดูแลกระทรวงเกษตรฯเป็นหน่วยงานปฏิบัติตามมติ ครม. ซึ่งเห็นชอบตามที่ คทช.เสนอ ถ้าเราไม่ปฏิบัติก็จะโดนมาตรา 157 เหมือนกัน ฉะนั้น ยังไม่ถึงกระบวนการของ ส.ป.ก.
“การดำเนินการของ ส.ป.ก. ต้องแยกแยะระหว่างผู้ทำผิดกฎหมาย กับปัญหาประชาชน ไม่เช่นนั้นภาครัฐคงไม่กล้าทำงาน เพราะทำอะไรก็โดนหมด” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
เมื่อถามว่า หากตามกระบวนการแล้วมีการนิรโทษกรรมนายทุนทั้งหมด ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่หรอก มันต้องจำแนกให้ชัดเจน กลุ่มไหนคือเกษตรกร กลุ่มไหนคือกลุ่มทุน เมื่อถามว่า กลายเป็นว่ากระทรวงเกษตรฯและกระทรวงทรัพย์ฯงัดข้อกันเองหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่หรอก เรื่องนี้เรามีการพูดคุยกันตลอด แล้วเมื่อวานก็ได้มีการหารือกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รมว.ทส. และปลัด ทส. ไม่มีประเด็นอะไร เพราะยังไม่ถึงกระบวนการของ ส.ป.ก.ที่จะต้องทำอะไร เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีปัญหาที่ไม่ตรงกันของทั้งสองกระทรวงหลายครั้ง ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “ไม่ครับ ตอนนี้เรามีคณะกรรมการทำงานร่วมกันอยู่’
ที่รัฐสภา นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีดราม่าการเฉือนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน 2.65 แสนไร่ และมีกระแสตีกลับข้อมูลที่ออกมาไม่เป็นความจริง พรรคก้าวไกลมองว่า ข้อมูลต่างๆ ยังต้องมีกระบวนการในการพิสูจน์และตรวจสอบอีก โดยกมธ.ที่ดินฯ จะมีการบรรจุเรื่องนี้เข้าสู่วาระการประชุมในวันที่ 10 ก.ค.นี้ เพื่อขอมติที่ประชุมในการบรรจุวาระกรณีป่าทับลานเข้าสู่การพิจารณาในวันที่ 17 ก.ค. ซึ่งการประชุมของ กมธ.จะนำข้อมูลในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมอุทยานฯ มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร ส.ป.ก.หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาประกอบการพิจาณา เพื่อให้เกิดความกระจ่างกับสังคม และจะแจ้งผลการพิจารณาให้ประชาชนรับทราบต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี