วุฒิสภาเปิดรายงานตัว11-12และ15ก.ค.
กกต.รับรอง200สว.
พร้อม99ชื่อบัญชีสำรอง
แจก1ใบส้มกลุ่ม18สื่อฯ
เลขากกต.ยันทำตามรธน.
ปล่อยก่อนสอยตามหลัง
มติ กกต.ประกาศรับรองแล้ว 200 สว.ใหม่ 99 บัญชีสำรองสอยร่วง 1 คนกลุ่ม 18 สื่อมวลชน ขยับบัญชีสำรองขึ้นมาแทน 1 คน “ว่าที่ พ.ต.กรพด”เสียบแทน พร้อมเปิดสำนักงานฯรับหนังสือ 11-12 กรกฎาคมนี้ เพื่อนำไปใช้รายงานตัววุฒิสภา ด้าน “สว.สมชาย”ไม่ซีเรียส ถ้ากมธ.ศึกษาเลือก สว.ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องหยุด พร้อมไปทุกวันอยู่แล้ว “สันธนะ”จ่อร้องป.ป.ช.เอาผิด“กกต.” หากประกาศผลเลือก สว. ขณะที่โค้งสุดท้าย ผู้สมัครสอบตกยังแห่จี้กกต.เร่งสอบฮั้ว-จัดตั้ง อย่าเพิ่งประกาศรับรองใช้วิชาสอบสวนคุ้ยโพยห้องน้ำแฉมีฮั้ว แฉมี3ตัวละครเอี่ยวตามทฤษฎีสมคบคิด
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม เวลา 09.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุม กกต.เพื่อพิจารณารับรองผลการเลือก สว.ชุดใหม่ ซึ่งเป็นการประชุมต่อเนื่องมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนประเด็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร สว.เข้ามาจำนวนมาก ทำให้ที่ประชุม กกต.สั่งให้สำนักงาน กกต.ดำเนินการเกี่ยวกับประเด็นคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของผู้ถูกร้องเรียนให้เรียบร้อย
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.เปิดเผยว่า การประชุม กกต.ตั้งแต่ช่วง 09.00 น.ยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาประกาศผลการเลือก สว. เนื่องจากมีประเด็นข้อกฎหมาย เกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ได้รับเลือกที่ต้องหารือกัน จึงประชุมกันต่อในเวลา 13.00 น. และประชุมกันเสร็จในเวลา 14.30 น.
มติกกต.ประกาศรับรองสว.200คน
จากนั้น เวลา 15.30 น. นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. แถลงภายหลังการประชุมว่า กกต.พิจารณาแล้วเห็นว่าการเลือก ส.ว.เป็นไปด้วยความถูกต้องสุจริตเที่ยงธรรม จึงมีมติประกาศผลการการเลือกส.ว.ของแต่ละกลุ่ม ทั้ง 20 กลุ่ม ลำดับ 1-10 ของแต่ละกลุ่มให้เป็นส.ว. ส่วน ลำดับที่ 11-15 ของแต่ละกลุ่ม เป็นบัญชีสำรอง ยกเว้นกลุ่ม 18 (กลุ่มสื่อสารมวลชนผู้สร้างสรรค์วรรณกรรมหรืออื่นๆ ) ซึ่งกกต. สั่งระงับสิทธิสมัครชั่วคราว ( ใบส้ม) แก่ผู้ที่ได้รับเลือก ส.ว.จำนวน 1 คน ทำให้ผู้ที่ได้คะแนนเป็นลำดับที่ 11 ของกลุ่มที่ 18 ต้องเลื่อนขึ้นไปอยู่ลำดับที่ 10 แทน ส่งผลเหลือบัญชีสำรองแค่ 4 คน ผู้ได้รับการประกาศรับรอง 200 คน สามารถมารับหนังสือรับรองเพื่อเป็นหลักฐานการรายงานต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ระหว่างวันที่ 11-12 กรกฎาคม 2567 เวลา 08.30-16.30 น.
นายแสวง กล่าวว่า ตามมาตรา 40 พ.ร.ป.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ด้วยเงื่อนไขตามกฎหมายมาตรา 42 ระบุว่าหากกกต.เห็นว่าการเลือกเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย กกต.จึงจะประกาศรับรองผล ซึ่งดูจาก 3 เงื่อนไขในพิจารณาว่ามีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.หรือไม่ ซึ่งสำนักงาน กกต.รวบรวมกลุ่มความผิดที่อาจนำมาพิจารณา เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขประกาศผลเลือกสว.ครั้งนี้ คือ 1.คุณสมบัติลักษณะต้องห้าม หมายรวมถึงการสมัครลงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งด้วย 2. กระบวนการในการดำเนินการเลือก ในวันที่ 9 ,16 และวันที่ 26 มิ.ย. และ 3.ความไม่สุจริตและเที่ยงธรรมอันเกิดจากการฝ่าฝืนกฎหมายซึ่งสังคมจะใช้กันว่าการจัดตั้ง บล็อกโหวต หรือฮั้ว
นายแสวงกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กกต. มีมติให้ใบส้มเรื่องคุณสมบัติตามมาตรา 20 วรรค 3 วรรค 4 จำนวน 89 ใบ ระงับสิทธิ์สมัครชั่วคราว รวมทั้งส่งเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณาเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งด้วย อีก 1 คน ตามมาตรา 60 เนื่องจากได้เข้าสู่กระบวนการเลือกแล้ว จึงเป็นผู้มีส่วนทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ส่วนระดับอำเภอที่ลบไป 500 กว่าคนนั้น ไม่ได้ให้ใบส้มเพราะยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการเลือกระดับอำเภอ แต่จะไปพิจารณาว่าผู้ที่สมัครรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ์ แต่ยังไปสมัครรับเลือก ซึ่งถือเป็นคดีอาญา สำหรับเรื่องร้องเรียนข้างต้นคิดเป็น 65% หรือประมาณ 600 เรื่องจากเรื่องร้องเรียนทั้งหมด 800 กว่าเรื่องที่มาเข้ามาจนถึงขณะนี้ โดยเป็นเรื่องความปรากฏซึ่งมีผู้สมัครมาร้องเอง และที่ กกต.ลบชื่อออก ดังนั้น จึงเหลืออยู่ราวๆ 200 เรื่องที่ต้องพิจารณา
เร่งสอบฮั้ว-บล็อคโหวตมีหลักฐานอื้อ
นายแสวง กล่าวต่อว่า ส่วนกลุ่มความผิดที่ 2 มีสำนวนร้อง 3 สำนวนนั้น กกต.พิจารณาเสร็จแล้ว และมีสำนวนที่ไปร้องศาลฎีกา 18 คดี ตามมาตรา 44 ศาลฎีกาได้ยกคำร้องทุกคดีแล้ว และส่วนที่ 3 การเลือกไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ตอนนี้มีอยู่ 47 เรื่อง คือ เรื่องที่สังคมเรียกว่าการจัดตั้ง การฮั้ว การบล็อกโหวต ซึ่งสำนักงานกกต.ได้รวบรวมพยานหลักฐานได้มาพอสมควร ซึ่งลักษณะที่รวบรวมมาพบว่าเป็นขบวนการที่ต้องใช้กระบวน การทางวิทยาศาสตร์มา ยืนยัน ทาง สำนักงาน กกต.จึงได้ขอความร่วมมือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานป้องกันและปราบ ปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รวมแล้ว 23 นาย ซึ่งประสานงานกันตลอดประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว โดยขอใช้เทคนิคอุปกรณ์มาตรวจสอบความเชื่อมโยงของผู้สมัคร หรือคนอยู่เบื้องหลัง นำเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเรื่องการกระทำที่อาจจะทำให้การเลือกไม่สุจริต
แจก1ใบส้มกลุ่มสื่อเลื่อนสำรองแทน
“เมื่อดำเนินการมาถึงขั้นนี้ทั้ง 3 กลุ่มความผิด กระบวนการเลือกตั้ง 3 ระดับจบหมดแล้วไม่มีคดีค้างที่ศาล ถือว่าการเลือกเป็นไปโดยชอบ ในส่วนของความไม่สุจริต และเที่ยงธรรม เมื่อมีคำร้องสำนัก งาน กกต.ได้รับเป็นสำนวนเอาไว้แล้วขณะนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานข้อมูลไว้แล้ว แต่ข้อมูล ณ วันนี้ยังไม่พอเพียงที่จะบอกว่าเขากระทำความผิด สำนักงานต้องไปรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงตามที่กฎหมายกำหนดในชั้นนี้ จึงไม่สามารถบอกได้ว่าการเลือกเป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม และด้วยเหตุผลดังกล่าว กกต.จึงพิจารณาแล้วเห็นว่าการเลือกสว. เป็นไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม จึงมีมติประกาศผลการเลือกสว. ของแต่ละกลุ่มทั้ง 20 กลุ่ม ยกเว้นกลุ่มที่ 18 ซึ่งกกต.ได้ระงับสิทธิ์ชั่วคราว(ใบส้ม) ของผู้ได้รับเลือก 1 คน ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 1-10 จึงต้องเลื่อนสำรองลำดับที่ 11 ขึ้นมาแทน ทำให้เหลือสำรองกลุ่มนี้แค่ 4 คน ดังนั้น กกต.รับรองครบ 200 คน และบัญชีสำรอง 99 คน เรียบร้อยเพื่อให้เปิดสภาได้” นายแสวง กล่าว และว่า สว.ทั้ง 200 คน ให้มารับหนังสือรับรองการรับเลือกเป็นสว. เพื่อเป็นหลักฐานในการรายงานตัวกับสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาตั้งแต่วันที่ 11-12 ก.ค. เวลา 8.30 - 16.30 น. ที่สำนักงานกกต.
ย้ำประกาศไปก่อนสอยที่หลังทำตามรธน.
ทั้งนี้ นายแสวง ยืนยันว่า การประกาศไปก่อนแล้วมาสอยทีหลัง เป็น การดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 226 และ พ.ร.ป.การได้มาซึ่ง สว.มาตรา 62 ส่วนที่ได้ใบส้มไป 1 คน จนต้องเลื่อนลำดับสำรองมาแทน เพราะพบความผิดชัดเจนในเรื่องของคุณสมบัติ ยืนยันว่า การประกาศบัญชีสำรอง 99 คนตามพ.ร.ป.การได้มาซึ่งสว.มาตรา 42 ไม่ได้เขียนกรณีดังกล่าวไว้ แต่กกต.มาออกระเบียบกกต.ว่าด้วยการเลือกสว. ฉบับที่ 3 ข้อ 154/1 ให้กกต. สามารถเลื่อนบัญชีสำรองขึ้นมาแทนได้ เมื่อข้อเท็จจริงออกมาเช่นนี้ก็ต้องดำเนินการและทำไปแล้ว หากไม่เลื่อนจะเป็นปัญหามาก กว่านี้ เพราะจะเปิดสภาไม่ได้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวสะท้อนว่ากกต.ไม่ได้นิ่งนอนใจ
เมื่อถามต่อว่า ทำไม่ไม่รับรองไปก่อนแล้วค่อยมาสอยทีหลัง จะได้ไม่เกิดปัญหา นายแสวง กล่าวว่า มีคำพิพากษาของศาลฎีกาวินิจฉัยวางแนวเอาไว้แล้ว เมื่อเราพบถ้าไม่ทำ ก็ไม่รู้ว่าจะหลีกเลี่ยงได้อย่างไร วันนี้จะส่งชื่อประกาศราชกิจจานุเบกษา
1ใบส้มคือผู้สมัครที่เป็นปชส.เสียงตามสาย
รายงานข่าวแจ้งว่า บุคคลที่ถูก กกต.ระงับสิทธิชั่วคราวหรือแจก “ใบส้ม” คือ น.ส.คอดียะฮ์ ทรงงาม ผู้ได้รับเลือกเป็น สว.อ่างทอง ลำดับที่ 4 กลุ่ม 18 (กลุ่มสื่อสารมวลชน ) โดยระบุในประวัติการทำงานว่า “ประชาสัมพันธ์เสียงตามสายหมู่บ้าน เป็นประชาสัมพันธ์อำเภอไชโย” อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า น.ส.คอดียะฮ์ เป็นที่ปรึกษา นายก อบจ.อ่างทอง คือ ศาลฎีกาวางแนวเอาไว้ว่า การเป็นที่ปรึกษานายก อบจ.ถือเป็นผู้บริหารท้องถิ่น จึงถูกระงับสิทธิชั่วคราว ทำให้เลื่อนว่าที่ พ.ต. กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ ผู้ได้รับเลือกเป็น สว.ลำดับที่ 11 ซึ่งอยู่ในบัญชีสำรองเลื่อนขึ้นมาอยู่ในบัญชีตัวจริงลำดับ 10 โดยว่าที่ พ.ต.กรพด อดีตประธาน รุ่น 5 หลักสูตร “พัฒนาสัมพันธ์เครือข่ายความมั่นคงระดับผู้บริหาร”(พคบ.) ของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ขึ้นมาแทน
วุฒิรับรายงานตัว11-12 ก.ค.และ15ก.ค.
วันเดียวกัน มีรายงานว่า หลัง กกต.ประกาศรับรองผลเลือก สว.อย่างเป็นทางการแล้ว สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้ประชุมหารือหลังจากจัดเตรียมสถานที่ รองรับ สว. ใหม่มารายงานตัว ไว้ก่อนหน้านี้ ได้ข้อสรุปว่า จะเปิดให้ สว.ชุดใหม่มารายงานตัวตั้งแต่วันที่ 11-12 กรกฎาคม และวันที่ 15 กรกฎาคม ในวันเวลาราชการ เพื่อรับบัตรประจำตัว สว.รวมถึงเอกสารและคู่มือการปฏิบัติหน้าที่ สว. จากนั้นจะออกหนังสือนัดประชุมวุฒิสภานัดแรก เพื่อให้สมาชิกกล่าวคำปฏิญาณตนก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ ก่อนจะเข้าสู่วาระการเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภาต่อไป
ชี้ต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ก็ต้องหยุด
ขณะที่นายสมชาย แสวงการ สว. ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์หลังกกต.ประกาศรับรอง ส.ว.ชุดใหม่ จะทำให้กมธ.ฯต้องยุติดำเนินการหรือไม่ว่า โดยหลักอาจต้องยุติ แต่เรื่องข้อกฎหมายก็เห็น นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีบอกว่า สามารถทำงานได้ แต่ตนคิดว่า หากต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องหยุด เพราะเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ประชุมไปเยอะแล้วระดับหนึ่ง หากใครจะใช้ข้อมูลขอได้จากเลขาวุฒิสภาโดยใช้หมายศาล
ไม่ซีเรียสพร้อมไปทุกวันอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีเหมือนสัปดาห์หน้านายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา จะนัดประชุมส.ว. หากมีการประกาศรับรองแล้ว จะดำเนินการประชุมต่อได้หรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ในข้อกฎหมายหากรับรอง 200 คนและบัญชีสำรองอีก 100 คนแล้ว เขายืนยันว่าสุจริต เที่ยงธรรม ถูกต้อง โดยหลักเราก็ไม่สามารถประชุมได้แล้ว ส่วนความคิดเห็นที่บอกว่า ต้องรอให้ส.ว.ชุดใหม่ปฏิญาณตนก่อนนั้น เป็นเพียงความคิดเห็นของบางฝ่าย แต่เราก็ยังตรวจสอบกันอยู่ว่าทำได้หรือไม่ เท่าที่ตนดูเรื่องกฎหมายตนก็มองว่า ไม่สามารถทำได้ แต่ก็ไม่ได้ขัดแย้ง เพราะกฎหมายก็มีสองมุม
“เราไม่ได้ซีเรียส พร้อมจะไปอยู่แล้วทุกวันตลอดเวลา ฉะนั้น ประธานกมธ.อาจจะมีข้อสั่งการมาจากประธานวุฒิสภาว่าสามารถประชุมต่อได้หรือไม่ หากประชุมไม่ได้ก็ไม่ประชุม แต่หากประชุมได้เราก็
สันธนะจ่อร้องปปช.ฟันกกต.ทั้งคณะ
นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล กล่าวถึงแนวทางดำเนินคดีกับกกต. หากมีการประกาศรับรองผลเลือก สว.ทั้ง 200 คนว่า ก่อนหน้านี้ตน ดำเนินการทางกฎหมายกับกกต.ไปแล้ว ทั้งยื่นศาลฎีกา ร้องศาลปกครอง แต่ยังไม่เดินหน้าร้องเอาผิดกกต.ทั้งคณะ เนื่องจากการกระทำยังไม่สำเร็จ รอ กกต.ประกาศรับรอง สว.ทั้ง 200 คนก่อน จึงจะถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว จากนั้นตนจะไปยื่นร้อง ต่อ ป.ป.ช.เพื่อเอาผิด กกต.ทั้งคณะ ข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา157 เพราะตนเห็นกระบวนการนี้มาตั้งแต่ต้น เห็นขั้นตอนว่าไม่สุจริตและไม่เที่ยงธรรมอย่างแน่นอน
นานสันธนะกล่าวต่อว่า หาก กกต.ประกาศรับรอง สว.ทั้ง 200 คนแล้ว สิ่งที่ตนจะเนินการต่อคือการแจ้งความต่อกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อขอให้เข้าไปร่วมตรวจสอบการกระทำทุจริตในเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับการเลือก สว.ที่มีการร้องเรียนไปยัง กกต.กว่า 700 เรื่อง เนื่องจากตนเองมองว่า เจ้าหน้าที่สำนักการสืบสวนของ กกต.อาจดำเนินการไม่ครอบคลุม หรือไม่มีความชำนาญในการตรวจสอบเท่ากับตำรวจ ถ้าตำรวจเข้าไปร่วมสอบสวน จะเห็นความเชื่อมโยงเส้นทางการเงิน เพราะอย่างที่หลายคน รวมถึงกกต.พูดว่า ไม่มีพยานหลักฐาน แต่ตนยืนยันว่า มีหลักฐานค่อนข้างชัดเจน เพียงแต่ กกต.ไม่ทำ หรือไม่มีศักยภาพพอที่จะทำ กกต.สามารถรับเรื่องร้องเรียนมาแล้วประสานขอให้ตำรวจสอบสวนกลางเข้าไปร่วมตรวจสอบได้ เพราะ บช.ก.มีอำนาจหน้าที่สืบสวนสอบสวนทั่วราชอาณาจักร
ผู้สมัครจี้กกต.รายวันสอบโพยในห้องน้ำ
วันเดียวกัน ก่อนที่ กกต.จะประกาศรับรองผลเลือกสว. 200 คนและบัญชีสำรอง 100 คนนั้น เมื่อ ผู้สมัคร สว.นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 2 กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม พร้อมผู้สมัคร สว.จากกลุ่มอื่นประมาณ 7 คน รวมตัวมาเรียกร้องให้กกต.ยังไม่รับรอง สว.ชุดใหม่ พร้อมให้เปิดหีบลงคะแนนเลือก สว. เพื่อพิสูจน์การลงคะแนนเลือก สว.ระดับเประเทศเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นไปตามโพย สะท้อนถึงการฮั้ว การจัดตั้ง สว. เป็นการเลือกที่ไม่สุจริต เที่ยงธรรม ทั้งนี้ ในฐานะตนเป็นตำรวจ จึงใช้วิลาการสืบสวนสอบสวน จากโพยที่ได้มาจากที่มีคนทำตกไว้ในห้องน้ำ เมืองทองธานี ซึ่งเป็นสถานที่เลือก สว. ระดับประเทศเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน เมื่อนำโพยดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับมีการลงคะแนนให้กลุ่มมายเลขเดิมๆ ตรงกัน ทำให้ผู้ได้รับการเลือกได้คะแนนโดดขึ้นไปสูงกว่าคนอื่น มีเพียงกลุ่ม 14 เท่านั้นที่ผลไม่ได้ออกมาตามโพย ก็ไม่รู้ว่าหักดีลอะไรกันหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากผลที่ออกมานั้น เห็นว่ามี สว.ที่ได้รับเลือก 119 คน ที่มาตามโพย เรื่องนี้ตนจึงขอให้กกต.อย่าเพิ่งประกาศรับรองผล แต่ให้เปิดหีบเลือก สว.แล้วนำออกมาเทียบกับโพยนี้เลย จะเห็นว่ามีการจัดตั้ง
งงแจ้งเลขาฯกกต.บอกแค่ให้ทำเรื่องไว้
“ผมไปเจอโพยนี้ในห้องน้ำ มีคนขยำทิ้งไว้ ผมเลยเอาไปให้คุณแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. ตอนประมาณตีห้า แต่ท่านบอกให้ผมไปทำเรื่องร้องเรียนเอาไว้ ผมก็ไปไม่เป็นเลย พอดีหลังจากเจ้าหน้าที่คืนโทรศัพท์มือถือมาให้ผมเลยถ่ายรูปมา แล้วสืบสวนสอบสวน เพราะทุกอาชญากรรมจะทิ้งร่องรอยไว้เสมอ อยู่ที่ว่า มือถึงหรือไม่ และจะทำหรือไม่” พล.ต.ท.คำรบ กล่าว
ซัดเป็นทฤษฎีสมคบคิด-มี3ตัวละครเอี่ยว
ขณะที่ นายจิรัฏฐ์ แจ่มสว่าง ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 3 การศึกษา กล่าวว่า เรื่องการฮั้ว การจัดตั้งจะเกิดขึ้นไม่ได้หากทำตาม พ.ร.ป.เลือก สว. แต่การเลือก สว.รอบนี้เป็นทฤษฎีสมคบคิด ถ้าปล่อยให้การเลือก สว.ครั้งนี้ เป็นไปตามโพย จะเป็นทฤษฎีสมคบคิดอย่างเป็นระบบ บังคับให้ทุกคนอยู่ภายใต้กติกาที่กรรมการออกมาแล้วให้ทุกคนเล่นมี 2 ข้อ 1. จัดตั้ง ซึ่งใน 20 กลุ่มต้องใช้คนจำนวนมาก และเพื่อให้ได้คุณสมบัติตรงตามกลุ่มอาชีพได้ ก็จะมาสู่การบล็อกโหวต 2. การทำให้คนสมัครผิดกลุ่มไม่มีความผิด ยืนยันได้จากสิ่งที่อยู่ในหีบบัตรเลือก สว. ว่ามีการบล็อกโหวต เลือกเป็นแพคเกจจริง ทำให้การเลือกครั้งนี้ไม่เป็นความลับ ผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้ มีตัวละครเกี่ยวข้องคือ1. ผู้สมัครทั้งหมด ที่ถูกจัดเป็นเซต และมีคุณสมบัติไม่ตรงกลุ่ม 2.กรรมการซึ่งเป็นผู้กำหนดกติกามาตั้งต้น ที่ระบุว่า การฮั้ว การบล็อกกันไม่ผิด 3. ตัวร้าย คือกลุ่มบุคคลที่ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นกลุ่มการเมืองหรือไม่ แต่เป็นกลุ่มบุคคลที่ไปจัดตั้ง ทำให้ได้คะแนนสูงถึง 70-80 คะแนน
“น่ากลัวมาก เพราะรอบสุดท้ายคนโหวตมีแค่ 160 คน แต่มีคนได้คะแนนสูงสุดถึง 79 คะแนน คิดเป็น 50% ของคะแนนทั้งหมด ดังนั้น กลุ่มที่ 3 จึงเป็นกลุ่มอิทธิพล และ กกต.ระบุเองว่า คนเหล่านั้น มีอิทธิพล มีเงิน เมื่อรู้ขนาดนี้ก็ควรหาให้เจอ” นายจิรัฏฐ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี