‘จุรินทร์’ซัดรบ.เละ-ดิจิทัลทำเสียหาย
โหลยโท่ยกู้มาแจก
ชี้ก่อพายุหนี้ให้ประชาชน
ฉะผลงาน‘สุดเห่ย’ทุกด้าน
นายกฯลั่นใช้งบอย่างโปร่งใส
ยันเงินถึงมือประชาชนแน่
นายกฯแจงของบเพิ่มเติม 1.22 แสนล้าน อ้างกระตุ้นศก.-ใช้ดิจิทัล วอลเล็ต โวเงินประเทศยังแข็งแกร่ง รับปากใช้อย่างมีประสิทธิภาพ“ก้าวไกล”
ชี้เลือกเสี่ยงลุยไฟขอสภาฯผ่านงบฯหนุนดิจิทัลวอลเล็ต เสี่ยงผิดก.ม.วินัยการเงินการคลัง วอนพรรคร่วมรัฐบาลโหวตคว่ำ “จุรินทร์”ถล่มยับ รัฐบาลโหลยโท่ย เตือนหายนะ “ดิจิทัล วอลเล็ต” จะเกิดพายุหนี้มากกว่าพายุหมุนศก.สับกู้แจกดิจิทัล เด็กเล่นขายของ ไม้หลักปักขี้เลน โอนไปเอนมาดื้อรั้นดันทุรังปากกล้าขาสั่น สร้างความหวังให้ปชช.ไปวันๆ ชี้แร่ทางรอดพรรคการเมืองหาใช่ทางรอดประเทศ‘รมต.คลัง เรียงหน้าแจงดิจิทัลวอลเล็ต‘พิชัย’ยันจัดสรรเม็ดเงินกระตุ้นศก.โต้‘คิดไปทำไป ด้าน’จุลนธ์’ยันเปลี่ยนแหล่งให้เหมาะสม -ไม่ขัดกฎหมาย พิจารณารอบคอบ อุดช่องโกง วางกรอบปลายปีเงินถึงมือชาวบ้าน
เมื่อเวลา08.38.วันที่ 17กรกฎาคม2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเคลื่อนไหว นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า นายกฯ เดินทางมายังอาคารรัฐสภา เพื่อเข้าร่วมประชุมสภาพิจารณาพิจารณาร่างพ.ร.บ.บงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)เป็นผู้เสนอวงเงินจำนวนไม่เกิน 122,000 ล้านบาท โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม นายจักรพงษ์ แสงมณี รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ลงมารอรับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า นายกฯมีอาการไม่สบายอย่างเห็นได้ชัด เสียงแหบ และตาแดง เนื่องจากอาการไข้หวัดและพักผ่อนไม่เพียงพอ โดยเฉพาะช่วงให้สัมภาษณ์ มีอาการอย่างเห็นได้ชัด
ขอเพิ่ม1.22แสนล.ใช้ดิจิทัลกระตุ้นศก.
เวลา 09.30น.ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 ทำหน้าที่ประธานการประชุมพิจารณาเรื่องด่วน ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 1.22แสนล้านบาท วาระแรก
โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำทีม ครม.เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง พร้อมกล่าวชี้แจงถึงการเสนอร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ต่างๆ ยกระดับคุณภาพชีวิต การดำรงชีพ สร้างโอกาสประกอบอาชีพของประชาชนและภาคธุรกิจ ควบคู่กับการรักษาระดับการบริโภค การลงทุนในประเทศ ความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน ไม่สามารถรองบประมาณรายจ่ายประจำปี2568 ได้ จึงต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 1.22แสนล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยประมาณการเงินที่พึงได้สำหรับจ่ายตามงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมดังนี้ 1.ภาษีและรายได้อื่น เป็นแหล่งเงินจากการจัดเก็บรายได้ที่เดิมไม่ได้กำหนดไว้ในประมาณการ 1หมื่นล้านบาท 2.เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 1.12แสนล้านบาท ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวดำเนินการผ่านโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet คำนึงถึงความสอดคล้องภาวะเศรษฐกิจ รัฐธรรมนูญปี2560 และพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
ยึดวินัยการเงินการคลังเคร่งครัด
นายกฯ กล่าวต่อว่า เศรษฐกิจไทยปี2567 มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 2-3 จากปัจจัยการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่าย การลงทุนภาครัฐ การฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการ การขยายตัวของการส่งออกสินค้า อย่างไรก็ตามยังมีข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยงจากภาระหนี้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ระดับสูง ความผันผวนระบบเศรษฐกิจการเงินโลกอยู่ในเกณฑ์สูง ขณะที่หนี้สาธารณะคงค้าง วันที่ 30เม.ย.2567 มีจำนวน 11.5ล้านล้านบาท หรือร้อยละ63.78ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ยังอยู่ในกรอบบริหารหนี้สาธารณะตามกฎหมายที่ต้องไม่เกินร้อยละ70 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ส่วนฐานะเงินคงคลัง วันที่ 31พ.ค.2567 มี 3.94 แสนล้านบาท เงินสำรองระหว่างประเทศ 2.21แสนล้านดอลลาร์ จัดว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมาก
“การบริหารงบประมาณรายจ่ายทั้งหมดนี้ เป็นการใช้จ่ายเพื่อดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล และกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลจะดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ ใช้จ่ายเงินภาษีประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด กระตุ้นเศรษฐกิจให้เม็ดเงินไหลไปสู่ประชาชนและภาคธุรกิจ สร้างการเจริญเติบโตให้ประเทศพัฒนาศักยภาพอย่างยั่งยืนและเป็นไปตามกฎหมาย”นายกฯ กล่าว
ก.ก.เย้ยลุยไฟเพิ่มงบฯขัดหลักกม.
เวลา 09.50น.น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายถึงร่างพ.ร.บ.งบฯเพิ่มเติมปี2567 วงเงิน1.22แสนล้านบาท วาระแรกเพื่อใช้ในโครงการเติมเงินหมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่า เป็นการเสนอร่างพรบ.ที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐ หลายมาตรา อาทิ มาตรา21 ซึ่งกำหนดว่า การจัดทำงบรายจ่ายเพิ่มเติม เพื่อใช้ในระหว่างปีงบประมาณ ไม่ใช่ใช้ข้ามปีและไม่สามารถรอใช้ในปีต่อไปได้ แต่การเสนอของบเพิ่มเติม จะทำให้มีเงินออกไปใช้หลังจากที่ พรบ.งบฯ67 สิ้นสุดลงในวันที่ 30ก.ย.นี้ มาตรา43 ว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันที่กำหนดให้ทำไว้ก่อนสิ้นปี หากรัฐบาลจะชี้แจงว่า การลงทะเบียนคือการก่อหนี้ผูกพัน ตนมองว่าไม่ใช่ เพราะการก่อหนี้ผูกพันต้องมีสัญญา2ฝ่าย แต่การลงทะเบียนคือ การทำสัญญาฝ่ายเดียวหากรัฐบาลคิดว่าเป็นการก่อหนี้ จะทำให้เกิดบรรทัดฐานที่ผิดและมีหน่วยงานรัฐเอาอย่าง เมื่อใช้งบไม่ทัน จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน
แนะพรรคร่มฝ่ายค้านโหวตคว่ำ
“โครงการนี้บอกได้คำเดียวว่า การลงทุนไม่รู้เท่าไร ตีไว้ 5แสนล้านบาท ที่ลงทุนไป ได้รักษาหน้า ว่าได้ทำตามที่หาเสียง แต่สิ่งที่ได้คือ เพิ่มความเสี่ยงของประเทศไม่มีปัญญารับมือปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคต และต้องทำผิดกฎหมายหลายข้อ หากทำต่อไปจะสร้างบรรทัดฐานที่ผิดต่องบประมาณ นอกจากนั้นยังเอื้อค้าปลีกรายใหญ่ กีดกันรายย่อยไม่รู้ตัว รวมถึงเสียโอกาสการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ประชาชนเพราะต้องใช้เงินปลายปี ขอส่งสัญญาณไปยังพรรคร่วมรัฐบาลจะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดที่สุ่มเสี่ยงทำผิดกฎหมาย และทำให้เกิดปัญหาในอนาคต ขอให้ สส.รัฐบาลคว่ำร่างพรบ.ฉบับดังกล่าว” น.ส.ศิริกัญญา อภิปราย
‘จุรินทร์’ถล่มยับ รัฐบาลโหลยโท่ย
เวลา 10.30 น.นายจุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)อภิปราบว่ามีคนในรัฐบาลนี้ อ้างว่าเราทำเหมือนประเทศสิงคโปร์ ที่นายกคนใหม่ของสิงคโปร์เป็นคนประกาศแจกเอง แต่ตนขอทำความเข้าใจใหม่ว่า การที่สิงคโปร์ที่แจกนั้น เขาแจกจริง เพราะเขามีเงินงบประมาณเหลือพอที่จะให้แจก แต่ประเทศไทยเป็นการกู้มาแจก จึงเป็นคนละเวอร์ชั่นกัน ตนไม่เคยต่อต้านโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล ในทางตรงกันข้าม ตนได้ทวงถามแทนประชาชนทุกครั้งว่า เงิน 10,000 บาท ที่รัฐบาลประกาศที่จะแจกตั้งแต่ตอนหาเสียงจะได้เมื่อไหร่ และจะได้กี่โมง วันนี้ก็ยังทวงถามรัฐบาลอีกครั้งถึงสัญญาที่ใช้หาเสียงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยโดยทำหน้าที่เป็นกระจกเงาสะท้อนรัฐบาล รวมถึงผลที่ตามมาของโครงการนี้ เพราะความล่าช้าของโครงการ หรือความโหลยโท่ยของรัฐบาล ที่บริหารราชการแผ่นดินเหมือนเด็กเล่นขายของ เปรียบเป็นไม้หลักปักขี้เลน โอนไปเอนมาเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ ตั้งแต่ที่มาของแหล่งเงินงบประมาณที่จะใช้ ขนาดนายกฯออกมาโชว์พาวนำทีมแถลงเองว่า บอกว่าต่อไปนี้ชัดเจน แล้วก็ต่อมาก็ยกเลิกสิ่งที่ตัวเองแถลงนายกรัฐมนตรีท่านนี้เชื่อถือได้กี่เปอร์เซ็นต์ ที่ต้องเลื่อนทำโครงการไปเรื่อยๆ เพราะงบประมาณยังล่องลอยอยู่ในอากาศ
ไม้หลักปักขี้เลน –ดื้อรั้นง-ปากกล้าขาสั่น
“ตอนหาเสียง คงจำได้แจกทันทีไม่มีกู้ พอเป็นรัฐบาลไม่กี่วันออกลาย เลื่อนทันที มีแต่กู้ ถึงขั้นออกพรบ.เงินกู้ 5แสนล้าน แต่สุดท้ายยกธงขาว เพราะจำนนด้วยข้อกฎหมายว่า ทำไม่ได้ เพราะที่รัฐบาลพยายามสร้างประเด็นว่า เศรษฐกิจกำลังวิกฤต เอาเข้าจริงประเทศไม่ได้วิกฤตถึงขั้นต้องกู้มาแจก จึงเปลี่ยนมาเป็นจะใช้เงิน ธกส.แทน ท่ามกลางเสียงเตือนว่า สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย เพราะเงินธกส.มีไว้ดูแลเกษตรกรเท่านั้น แต่จะเอามาแจกแบบเหวี่ยงแหแบบเฮลิคอปเตอร์มันนี่ ที่ตนอภิปรายไปคราวที่แล้วว่า ทำไม่ได้ มันสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย แต่รัฐบาลเสียงแข็งยืนยันว่า ทำได้ เสียเวลาไป 3เดือน เพราะความดื้อรั้นดันทุรังจนสุดท้ายต้องโยนผ้าอีกรอบ แสดงว่ายืนยันมาตลอดแค่ ปากกล้า ขาสั่นสร้างความหวังให้ประชาชนไปวันๆเท่านั้นเอง
ปรับเปลี่ยนไปมา-สวนทางกันเองในรบ.
เมื่อวานซืน ก็มาใหม่อีกแล้ว ขอเปลี่ยนเป็นแหล่งเงินที่จะมาแจก มาจาก2แหล่งคือ 1.จากงบฯปี 67 จำนวน 165,000ล้านบาท 2.งบฯปี68 จำนวน 285,000ล้านบาท รวมเป็น 450,000 ล้านบาท โดยงบฯปี 67 แยกเป็น 2ก้อน งบฯปี68 ก็แยกเป็น2ก้อน รวมเป็น4ก้อน คืองบฯปี 67จำนวน165,000ล้านบาท แยกเป็นงบกลางปี 122,000ล้านบาท ที่กำลังขอสภาฯอยู่ขณะนี้ และกำลังพิจารณาอยู่ว่า ได้หรือไม่ได้ ส่วนอีกก้อนไปใช้คำว่า ไปบริหารจัดการ อีกจำนวน 43,000ล้านบาท ส่วนงบฯปี68 แยกเป็น 2 ก้อน ก้อนแรกงบกลางของงบฯปี 68 ที่กำลังพิจารณาอยู่ในชั้นกรรมาธิการของสภาฯ วันนี้ยังไม่จบ จำนวน 152,700 ล้านบาท และอีกก้อนหนึ่งรัฐบาลก็ใช้คำหรูว่า เป็นงบเกิดจากการบริหารจัดการ อีก 132,300 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รู้ว่าอยู่ไหนเลย แต่ความจริงคือ ถึงวันนี้เม็ดเงินจริงๆ ยังไม่มีสักบาทเดียว ยังล่องลอยอยู่ในอากาศ เพราะยังต้องรอขั้นตอนกระบวนการทั้ง 450,000ล้านบาท หลายประเด็นจึงยังไม่นิ่งและนิ่งไม่ได้ เพราะรัฐบาลบริหารแบบ คิดไปทำไปและที่ร้ายที่สุด เป็นแบบสวนมาสวนกันไปของคนในรัฐบาลเดียวกัน” นายจุรินทร์ กล่าว
สร้างภาระหนี้สินให้คนในรุ่นต่อไป
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนงบประมาณรายจ่ายกลางปีงบประมาณ 2567 โดยเฉพาะงบฉุกเฉิน ที่ใช้ไปแค่3,000 กว่าล้านบาทเท่านั้น จากงบประมาณ 95,000 ล้านบาท เพื่อขยักการใช้เงินก้อนนี้ ให้เหลือใช้เพื่อนำไปแจก 43,000 ล้านบาท และงบประมาณปี 2568 จำนวน 132,300 ล้านบาท ขอถามย้ำว่า รัฐบาลจะนำงบฯจำนวนนี้มาจากแหล่งใด จะใช้กลไกของกรรมาธิการเสียงข้างมากตัดจากงบฯต่างๆและใช้มติ ครม.นำกลับไปใส่ในงบกลางใช่หรือไม่ ส่วนร่างพรบ.งบฯรายจ่ายเพิ่มเติมปี2567 ที่อภิปรายวันนี้ ก็มีเนื้อหาเพียง 6 มาตรา แต่ขอวงเงินสูงถึง 122,000ล้านบาท ทั้งที่มีรายได้เพียง 10,000ล้านบาท หากจะอนุมัติ พรบ.ฉบับนี้จะเท่ากับว่า เป็นการอนุมัติให้รัฐบาลกู้เงินชดเชยอีก 112,000ล้านบาทเพื่อนำมาแจกสนองนโยบายรัฐบาล ส่วนการใช้หนี้ทั้งต้นทั้งดอก ปัดภาระให้เป็นเรื่องอนาคต ที่รัฐบาลหน้าและคนรุ่นต่อไปรับผิดชอบ
โอนเงินเพื่อบริโภค-ไม่ใช่การลงทุน
“นอกจากนี้ ยังอ้างถึงรายจ่ายลงทุนที่กำหนดในร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ที่มีการวิจารณ์กันมาก เพราะงบฯฉบับนี้ระบุรายจ่าย122,000ล้านบาทว่า รายจ่ายประจำร้อยละ20 หรือ24,400ล้านบาทเป็นรายจ่ายประจำ แต่รายจ่ายการลงทุนร้อยละ80หรือจำนวน97,600ล้านบาท ถามว่า เหตุใดรัฐบาลถึงตีความว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจึงนับเป็นรายจ่ายเพื่อการลงทุน เพราะว่าโครงการนี้ไม่ใช่เงินลงทุน แต่เป็นเงินโอนเพื่อการใช้บริโภค การไปวินิจฉัยเองว่า 122,000ล้านบาทเท่ากับเงินลงทุนร้อยละ80 นี่มันคาบลูกคาบดอกไปหรือไม่ แล้วสุดท้ายอาจนำไปสู่ความเสี่ยง พรบ.การเงินการคลังมาตรา 20 (1) ต่อไป ผมเข้าใจว่า รัฐบาลพยายามใส่ฟองสบู่ให้เห็นว่า เงินที่ขอกู้วันนี้จริงๆเอาไปลงทุนเยอะ ไม่ได้เอาไปบริโภคอย่างเดียว แล้วจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในการพัฒนาต่อไป แต่มันหนีความจริงไม่พ้นว่า ที่นำไปแจกให้ไปบริโภค ไม่เช่นนั้นจะกำหนดสินค้าทำไม“ นายจุรินทร์ กล่าว
เย้ยพายุหนี้ก้อนโตสู่ปชช.-ได้ไม่คุ้มเสีย
นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับความคุ้มค่าที่รัฐบาลนี้ย้ำมาหลายครั้งว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะทำให้เศรษฐกิจโต5%และทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ภายใน 6เดือน แล้วจะทำให้จีดีพีดิจิทัลวอลเล็ตโต 1.2-1.8% แต่ตนมองสวนทางว่า โครงการนี้ได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งได้ไม่คุ้มเสีย ไม่แค่เพียงตัวเลขที่รัฐบาลบอกเท่านั้น แต่ยังมีค่าเสียโอกาสหากรัฐบาลนำเม็ดเงิน5แสนล้านบาท ไปดำเนินการอย่างอื่นได้มากกว่านี้เช่น นำไปแจกกลุ่มเปราะบาง กลุ่มคนจน จะทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนทันทีและนำเงินก้อนที่เหลือไปลงทุนด้านอื่นเพื่อให้เกิดเศรษฐกิจที่ยั่งยืนมากกว่า เช่น ลงทุนโครงสร้างพื้น สร้างคนในระบบเศรษฐกิจ สร้างคนในระบบการศึกษารองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ การกู้มาจ่ายใน6เดือนเหมือนโยนหิน ลงน้ำหนึ่งก้อน เกิดแรงกระเพื่อมครั้งเดียวก็หายไป แต่ที่จะเกิดตามมาก็คือพายุหมุนแต่เป็นพายุหมุนที่หมุนนำหนี้ก้อนโตมาให้คนไทยต้องชดใช้ไปอีกนานเท่านาน เข้าทำนองประเทศเสียหายไม่ว่า ขอให้ข้าได้หาเสียง ที่พวกเราได้พูดกันอยู่ในสภาฯ
การเมืองรอดปท.ไม่รอด/แค่น้ำข้าวต้ม
นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงเรื่องความไม่โปร่งใสว่า ขอเตือนรัฐบาลให้ระวัง อย่าให้แรงกู้ครั้งนี้เป็นแรงกู้ไร้อนาคต เพราะการทุจริตคอรัปชันเป็นอันขาด เพราะขณะนี้ยังมีคำถามจากประชาชน เช่น เหตุใดไม่แจกบุคคลตั้งแต่อายุ 13ปีเป็นต้นไป พร้อมยังตั้งข้อสังเกตว่า การแจกผู้ที่อายุ 16ปี ทำให้อีก 2ปี ก็จะสามารถลงคะแนนได้ หากแจกเด็กอายุ13ปี ก็อาจจะเสียของ จึงเห็นว่า เหตุผลนี้เป็นคำตอบ จึงขอให้รัฐบาลได้รับทราบแผนที่มีการเปลี่ยนไปใช้แอปฯทางรัฐบาล แต่ดิจิทัลวอลเล็ตจะเป็นทางรอดของคนจนและกลุ่มเปราะบางชั่วคราวเท่านั้น เป็นทางรอดของพรรคการเมือง แต่ไม่ใช่ทางรอดของประเทศ รัฐบาลนี้บริหารมาเกือบปี เกือบไม่เหลืออะไรให้ประชาชนหวังได้อีกแล้ว นอกจากน้ำข้าวต้มชื่อดิจิทัลวอลเล็ตชามเดียว และเพราะเกือบปีที่ผ่านมาผลงานรัฐบาลบอกตรงๆว่า สุดเห่ยจริงๆทุกด้าน
พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติคว่ำเงินกู้ดิจิทัล
ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงมติไม่รับร่างหลักการร่างพรบ.งบฯปี2567 โดย นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติร่วมกันที่จะไม่เห็นด้วยกับหลักการของร่าง พรบ.งบเพิ่มเติมฯ ด้วยเหตุผลอย่างน้อย 3ประการ คือ 1.พวกเราพรรคร่วมฝ่ายค้าน มิใช่ไม่เห็นด้วยกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ เรายังยืนยันว่า เศรษฐกิจในภาวะปัจจุบัน มีปัญหาที่สมควรได้รับการกระตุ้น แต่จำเป็นต้องถูกจัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสม เพราะจากการคาดการณ์ หรือการประเมินของหลายสถาบันที่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ก็ประเมินว่าผลกระทบของมาตรการดิจิทัลวอลเล็ตที่จะลงไปสู่เศรษฐกิจไทย ได้ไม่คุ้มเสีย หมายความว่า ประโยชน์ที่จะช่วยกระตุ้นจีดีพี ทั้งปีนี้และปีหน้าต่ำกว่าเม็ดเงินที่จะได้ ดังนั้น นี่เป็นส่วนสำคัญ ที่รัฐบาลจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นอย่างเหมาะสม เพื่อใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า
2.ความสุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย รวมถึงสร้างบรรทัดฐานผิดๆ ในการจัดทำงบประมาณ และการใช้เงินในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกำหนดรายจ่ายลงทุนใน พ.ร.บ.ฉบับนี้ หรือเรื่องการใช้งบกลางในปีงบประมาณหน้าหรือในช่วงปลายปี นี่ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่พวกเราพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าเป็นปัญหาของร่าง พรบ.ฉบับนี้และ3.สิ่งสุดท้ายซึ่งสำคัญที่สุด พวกเราในฐานะพรรคฝ่ายค้านเห็นว่า การใช้งบประมาณ แม้ว่ามีความจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น แต่จำนวนเม็ดเงินที่ใช้รวมทั้งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จำเป็นต้องบริหารงบประมาณอย่างเหมาะสม ระหว่างการสร้างสมดุลการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ที่รัฐบาลจะต้องมีมาตรการอย่างเหมาะสม ด้วย3เหตุผล ข้างต้น นี่จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พวกเราพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่า ไม่สามารถรับหลักการ พรบ.นี้ได้
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวเสริมว่า พรรคไทยสร้างไทยเห็นด้วยกับมติของฝ่ายค้าน ที่จะไม่รับร่าง พรบ.ดังกล่าว เนื่องจากมองว่า ผิดวินัยการเงินการคลัง และกระทบต่องบประมาณปี68 ที่จะเกิดขึ้น รัฐบาลควรจะถอนรอนร่างดังกล่าว เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบที่จะเดือดร้อนต่อประชาชน
3รมต.ดาหน้าลุยไฟ!อุ้ม’ดิจิทัลวอลเล็ต
เวลา10.45น.นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงถึงการเปลี่ยนแหล่งเงินว่า เพื่อให้เหมาะสม เพราะเป็นไปตามการพิจารณาหน่วยงานได้พิจารณาว่า สามารถบริหารจัดการได้ตามกรอบของวงเงินงบประมาณ ส่วนการปรับกลไกและแหล่งเงิน ทั้งนี้ การใช้กลไกมาตรา28ของพรบ.วินัยการเงินการคลัง อาจมีข้อจำกัดในรายละเอียดการใช้เงิน โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ฐานะฝ่ายบริหารไม่ต้องการ จึงเป็นสาเหตุที่เปลี่ยนเพื่อใช้ช่องทางอื่นที่ดำเนินการ ยืนยันกรอบเวลาดำเนินการปลายปีนี้ เงินถึงมือประชาชนแน่นอน ขอยืนยันว่าได้ทำโครงการฯอย่างละเอียดรอบคอบ อุดช่องที่จะทำให้เกิดการทุจริตเหมือนที่เคยเกิดกรณีที่ผู้รับเงินใช้เงินผิดประเภท ผิดวัตถุประสงค์ หรือผิดจากกลไกที่กำหนด ดังนั้นยืนยันว่าไม่มีทุจริต ขณะที่กล่าวหาว่าตั้งใจแจกเงินผู้อายุ16ปีขึ้นไป เพราะอีก 2 ปีสามารถเลือกตั้งได้ หากรัฐบาลคิดแบบนั้น ควรต้องจ่ายคนที่อายุ14ปีเพราะเมื่อรัฐบาลหมดวาระสามารถเลือกตั้งได้
ถ้าไม่รีบกระตุ้นศก.เกิดวิกฤตแน่นอน
ต่อมา เวลา11.08น.นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ลุกขึ้นชี้แจงกรณีการแจกเงินในครั้งนี้จะเป็นการสร้างหนี้ ว่า หากมีการใช้งบประมาณ โดยที่มีการเก็บรายได้ไม่เพียงพอ ก็ต้องมีการกู้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะใช้จากตัวงบประมาณเอง หรือ มาตรา 28 ก็ตาม นี่ก็คือภาระหนี้ในวันนี้ และหนี้ที่ต้องกู้ในอนาคต แต่สิ่งที่เรามองเห็น คือความจำเป็นในการที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจของเรามีลักษณะที่หดตัวลดลงต่อเนื่อง ซึ่งเราทราบปัญหากันลึกๆว่า ปัญหานี้หรือที่บางคนเรียกว่า เป็น10ปีที่สูญเปล่า แล้วเราไม่ทำอะไร แต่วันนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว วิกฤตเกิดขึ้นแล้ว เป็นวิกฤตที่ไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่เป็นวิกฤตที่เรามองเห็นอยู่ข้างหน้าว่า หากเราไม่ทำอะไรจะกระตุ้น ไม่ช้าก็เร็ววิกฤตจะมาแน่นอน
ไม่ใช่คิดไปทำไป-แต่คิดไว้ตั้งแต่ต้น
นายพิชัย กล่าวอีกว่า กรณีที่บอกว่า มีความล่าช้า คิดไปทำไป ทำไมไม่คิดให้จบทีเดียวนั้น ตนขอปฏิเสธว่า ไม่ใช่คิดไปทำไป เราคิดตั้งแต่วันแรกแล้วว่า เป็นนโยบายที่ต้องทำ ถ้าเราเห็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องปรับปรุง เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโต ก็เป็นทางเลือกแรกที่ต้องใช้ก่อน แต่ถ้าเรื่องการหาเม็ดเงิน เพื่อปรับปรุงมาทำโครงการที่จำเป็นเช่นเดียวกัน ในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ เราก็ให้ความสำคัญเป็นอันดับที่สอง ยืนยันว่า เป็นการจัดสรรเม็ดเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี