‘เศรษฐา’โทรคุย
นายกฯ‘ฮุน มาเนต’
พร้อมจับมือเขมร
ล้าง‘คอลเซ็นเตอร์’
นายกฯ โทรศัพท์หารือ “ฮุน มาเนต”ผนึกกำลังตำรวจ 2 ประเทศ เอาจริงปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้เห็นผลใน 60 วัน ระบุ พร้อมบินไปถกหาทางออกเรื่องนี้ร่วมกัน
วันที่ 20 ก.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 19 ก.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่าน X ว่า เมื่อเวลา 20.30 น. ที่ผ่านมา ผมได้โทรศัพท์หารือท่านนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ของกัมพูชา ในประเด็นการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเรามีความเห็นตรงกันที่จะมีการปราบปรามเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของทั้งสองประเทศ ร่วมกันหาแนวทางและปราบปรามให้เห็นผลภายใน 60 วัน และผมพร้อมที่จะบินไปเพื่อที่จะหาทางออกเรื่องนี้ร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมต่อไปครับ
อีกประเด็น จากกรณี สภ.ช้างเผือก ได้ออกหมายจับ พ.ต.ท.บัณฑิต คนการ สารวัตร อก.สภ.หางดง พัวพันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ จ.เชียงใหม่ โดยทำกันเป็นขบวนการทั้งลูกสาว พ่อ และเพื่อนลูกสาว
ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 19 กรกฎาคม ทางตำรวจภูธรเชียงใหม่ โดย พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้สั่งการให้ตำรวจ สภ.ช้างเผือก ประสานตำรวจ สภ.งาว จ.ลำปาง นำกำลังเข้าจับกุม พ.ต.ท.บัณฑิต คนการ สารวัตร อก.สภ.หางดง ขณะที่กำลังบวชพระที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.งาว จ.ลำปาง โดยมีการนำหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่อ่านให้ฟัง ก่อนจะคุมตัวมาให้ทางคณะสงฆ์ จ.ลำปาง ได้ทำการสึก และควบคุมตัวมาดำเนินคดีที่ สภ.ช้างเผือก
พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำหรับ พ.ต.ท.บัณฑิต คนการ สารวัตร อก.สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ เป็นคนจัดหากล่องซิมบ๊อกซ์มาวางตามจุดต่างๆ และให้ลูกชวนเพื่อนมาร่วมกันดูแลระบบ ทางเจ้าหน้าที่จึงทำการออกหมายจับจากศาลเชียงใหม่ จับ พ.ต.ท.บัณฑิต คนการ ซึ่งหลังออกหมายจับ ทาง พ.ต.ท.บัณฑิต ก่อนหน้านั้นได้ลาราชการ และรู้ว่าถูกออกหมายจับแล้ว ได้ติดต่อจะมามอบตัวในวันจันทร์ที่ 22 นี้
โดยจากการสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่า พ.ต.ท.บัณฑิต ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นแต่เพียงผู้ร่วมขบวนการ โดยมีคนจีนเป็นหุ้นส่วนด้วย พ.ต.ท.บัณฑิต พร้อมผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมก่อนหน้า 4 คน พ.ต.ท.บัณฑิต เป็นผู้วางงาน ทางตำรวจได้ทำการขยายผลและทราบว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการอีก 1-2 คน ทั้งคนจีนและคนไทย โดยทางพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก จะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับเพิ่มอีก และในช่วงเช้าวันนี้ทางตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหามาสอบสวนอีกครั้ง
วันเดียวกัน ภายหลังจากชุดปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธภรภาค 5 สืบสวนขยายผลทราบว่ามีนายตำรวจยศ”พ.ต.ท.”ในโรงแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่กลายเป็นหัวหน้าเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เสียเอง โดยพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายหมายจับจากศาลจังหวัดเชียงใหม่แล้ว
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม พ.ต.ท. ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลเชียงใหม่ ขณะบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน อำเภองาว จังหวัดลำปาง ก่อนนำตัวไปสึกแล้วพากลับมาสอบปากคำที่ สภ.ช้างเผือกท้องที่เกิดเหตุ ในเบื้องต้น พ.ต.ท. ยังให้การปฏิเสธ
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 03.00 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือกได้คุมตัว พ.ต.ท. ผู้ต้องหาตามหมายจับ พัวพันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มาคุมขังไว้ที่ สภ.ช้างเผือก ซึ่งทำกันเป็นขบวนการ ลูกสาว พ่อ และเพื่อนลูกสาว
เวลา 9.00 น. พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางมาสอบปากคำ พ.ต.ท. ผู้ต้องหา เพิ่มเติม ในช่วงที่นำตัวขึ้นไปสอบสวน พ.ต.ท. ยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียด ทางสื่อมวลชนพยายามสอบถาม ว่าจะให้การรับหรือปฏิเสธ หรืออยากจะพูดอะไรผ่านทางสื่อ ก็ยังไม่มีการพูดอะไรออกมา และในช่วงสายของวันนี้ทาง พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จะมาติดตามความคืบหน้าของคดีด้วยตัวเอง
ขณะที่ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เผยว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น ลูกสาวของ พ.ต.ท. เป็นผู้รับว่า ได้รับการติดต่อจากเครือข่าวคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนในฝั่งประเทศพม่า เพื่อหาจุดติดตั้งซิมบ๊อกซ์ โดยลูกสาวได้มาขอให้พ่อ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หาสถานที่ ช่วยขนเครื่อง และช่วยติดตั้งตามจุดต่างๆ ซึ่งเลือกเช่าเป็นอาคารชุดของโครงการบ้านเอื้ออาทร หลายพื้นที่ ในการติดตั้ง และอำพราง โดยผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจอยู่แล้วจะต้องรู้ว่าเป็นการกระทำผิดกฏหมายแต่ก็ยังไปทำทางตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และออกหมายจับจนนำไปสู่การจับกุมตัวเพื่อมาดำเนินคดีในวันนี้
และตอนนี้อยู่ในระหว่างขยายผลถึงผู้ร่วมการบวนการเพื่อออกหมายจับทั้งผู้ที่สั่งการ ผู้ที่ร่วมขบวนการลักลอบนเครื่องซิมบ้อกซ์เข้าไทย น่าจะมีอีก 3-4 คน ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เร่งออกหมายจับเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างในการประพฤติตน ทั้งนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยขึ้นมาเพื่อสอบสวน ส่วนการให้ออกราชการก็จะเป็นขั้นตอนต่อไปตามระเบียบวินัยของราชการ เท่าที่ดูข้อมูลตอนนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายอื่นเข้ามามีส่วนพัวพันเกี่ยวข้อง ถือเป็นความผิดเฉพาะตัว โดยผู้ที่เกี่ยวข้องหลักยังเป็นตัวลูกที่เป็นผู้ติดต่อแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ชาวจีน นอกจากนี้จะขยายผลติดตามเรื่องของการสื่อสาร และเส้นทางการเงินเพื่อขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี