เปิด 3 วิชั่น 3 บุคคลชิงดำ"ประธานวุฒิสภา" "มงคล"เต็งจ๋า กวักมือชวนเพื่อนสมาชิก 200 คน ก้าวเดินไปพร้อมๆกัน เป็น"สภาประนอมอำนาจ"ช่วยดับวิกฤตชาติ ด้าน"หมอเปรม"แนะสุขภาพดี-ปราศจากครอบงำ ต้องมาก่อน ยกเคสแปลก"กลั้นปัสสาวะ"ระหว่างทำหน้าที่ ขนาด"โจ ไบเดน"ยังต้องโยนผ้าขาว ฝืนสังขารไม่ไหว ขณะที่"นันทนา"ออกแอ็คชั่น ชู 5 ส.สู่ยุคใหม่
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีอาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่ประธานการประชุมชั่วคราว พิจารณาวาระเลือกตำแหน่งประธานวุฒิสภา หลังจากที่ประชุมเสนอชื่อบุคคลให้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา จำนวน 3 คน ได้แก่ นายมงคล สุระสัจจะ สว., นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.และ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.แล้วได้เปิดให้บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อแสดงวิสัยทัศน์เป็นเวลา 5 นาที
โดยเมื่อเวลา 10.31 น.นพ.เปรมศักดิ์ ลุกขึ้นกล่าวแสดงวิสัยทัศน์เป็นคนแรกว่า การเลือกวุฒิสภา มาเป็นแบบฐานอาชีพจากฐานต่างๆ รวม 20 สาขาอาชีพจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมากวิจารณ์ในเรื่องของฐานที่มาอาชีพวิจารณ์ว่าไม่ตรงปก วิจารณ์ว่ามีการครอบงำจากกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ สีนั้นสีนี้ซึ่งรู้แล้วเป็นคนดี ต่อ สว.ทั้ง 200 คน ตนจึงมุ่งมั่นอาสามาดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาเพื่อแก้ไขภาพลักษณ์และสิ่งที่ปรากฏในด้านลบแก่ในด้านลบ เพราะวุฒิสภาของเราถือว่าเป็นสภาสูง เป็นสภาที่ทรงเกียรติเป็นสภาที่ประชาชนคาดหวังในการทำงานของ
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวต่อว่า 1.เสื้อของเรานั้นถ้ากลัดกระดุมเม็ดแรกผิด มันจะผิดไปทั้งหมดดังนั้นการกลัดกระดุมเม็ดแรกของสว. คือการที่เราต้องเป็นอิสระเป็นกลางไม่ถูกครอบงำ ไม่ว่าจะจากพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล หรือพรรคฝ่ายค้าน ดังนั้นหลายคนวิจารณ์ที่มาของเรา ว่ามาแบบนั้นแบบนี้ ตนคิดว่าที่มาห้ามยาก เพราะว่าเรามากันแล้วแต่ที่ไปเป็นสิ่งที่เราเลือกได้ เพราะ 5 ปีต่อจากนี้เราจะไปอย่างไรจากเวทีวุฒิสภา 5 ปีต่อจากนี้ถ้าเราเลือกที่จะเป็นกลางเลือกที่จะเป็นอิสระ เราก็ได้รับความชื่นชมจากประชาชนอย่างแน่นอน แต่ถ้าเราเลือกอีกด้าน เราก็จะถูกตาหน้าว่า สภาใบสั่ง สภารีโมท สภาหวยล็อก สภาบล็อกโหวต สุดแล้วแต่จะว่าไป เพราะวุฒิสภา อันดับแรกคือการกลั่นกองกฎหมายจากสภาผู้แทนราษฎร สิ่งเหล่านี้คือการตรวจสอบควบคุม ระดับการบริหารโดยใช้กฎหมาย เพราะฉะนั้นกฎหมายที่มาจากสภาฯจะต้องถูกการกรองโดยการไม่ชี้นำไม่ว่าจะการพรรคเมืองไหนทั้งสิ้น
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวต่อว่า 2.การเห็นชอบ องค์กรอิสระจะต้องไม่มีใบสั่ง ว่ามาจากบ้านนั้นบ้านนี้ผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นคนนี้ เพราะถ้าอย่างนั้นการกำหนดองค์กรอิสระการเห็นชอบจะไร้ความหมายและจะเกิดต่อความยอมรับกับพี่น้องประชาชน และ 3.การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน การตั้งกระทู้เป็นอาวุธสำคัญของสมาชิกวุฒิสภา ในการควบคุมในการบริหารของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีต้องตอบกระทู้สดด้วยตนเอง ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย รัฐมนตรีว่าการ และมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วย เราต้องยืนยันศักดิ์ศรีของวุฒิสภาในการตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นกระทู้ถามด่วน หรือในระดับของกรรมธิการต่างๆ จะต้องมีความศักดิ์สิทธิ์เพื่อดำรงไว้ซึ่งการควบคุมรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ
"3 ประการนี้ประธานวุฒิสภาจะทำได้ จะต้องมีสุขภาพที่ดี หลายครั้งที่ประชุมถ่ายทอดสดการประชุมสภา ท่านประธานฯประชุมอยู่ดีๆเกิดปวดปัสสาวะ และมอบรองประธานฯไม่ทันท่านประธานจำเป็นต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ ทำให้เป็นอันว่าต้องปิดประชุมกระทันหันเพราะการปวดปัสสาวะห้ามไม่ได้ แต่รองประธานฯขึ้นมารับงานไม่ทัน ก็ต้องปิดประชุมถ้าจะไป ถ้าจะประชุมใหม่ก็ต้องนัดอีกสามวันเพราะ ฉะนั้นสุขภาพต้องดี บางคนเก่งแต่กาลเวลาผ่านไปแพ้สังขาร เห็นหรือไม่ โจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โยนผ้าขาวแล้ว เพราะไปไม่รอด สังขารไม่ให้ ดังนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจังถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืน ผมอายุ 59+5 คือ 64 พร้อมจะทำหน้าที่ประธาน โดยมีสุขภาพที่ดีจึงขอให้สมาชิกได้พิจารณาด้วยเนื้อผ้า อย่าพิจารณา โดยที่เขาบอกว่ามีเสียงล่วงหน้ามาแล้ว 143 เสียง อย่างนี้ สภาของเราจะไม่พ้นคำครหา ผมจึงขอฝากสมาชิกได้ลงมติเลือกประธาน อย่าได้มองว่าควรสมัครคนอื่นเป็นเพียงไม้ประดับเพราะการต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่ประชาชนมองอยู่ทั่วประเทศ และคาดหวังจากสภาฯของเรา" นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
ต่อมาในเวลา 10.36 น.น.ส.นันทนา แสดงวิสัยทัศน์ต่อจาก นพ.เปรมศักดิ์ อย่างออกรสชาติว่า ที่ผ่านมาวุฒิสภาดูจะเป็น สภาฯที่ห่างเหินจากการรับรู้ของประชาชน และวุฒิสภาไม่ยืดโยงกับประชาชน และไม่ใช่สถาบันที่เป็นที่พึ่งของประชาชน ภาพลักษณ์เหล่านี้คือเป็นภาพลักษณ์เหล่านี้เป็นภาพที่บั่นทอนศรัทธา มหาชน และนี่คือโจทก์สำคัญว่าเราจะมาฟื้นฟู ภาพลักษณ์ของ ส.ว.ยุคใหม่ ประชาชนทั้งประเทศจะรู้สึกเป็นเจ้าของ สว.ก็ต่อเมื่อเราทำให้วุฒิสภาเป็นของประชาชน เราจะทำให้สภาของประชาชนเกิดขึ้นได้อย่างไร แม้ที่มาของสว.ชุดนี้ จะไม่อาจกล่าวได้ว่า มาจากประชาชนแต่เรายึดโยงกับประชาชน เนื่องจากผู้จ่ายภาษีเป็นเงินเดือนของเรา ด้วยแนวทาง 5 ส.ประกอบด้วย สัมพันธ์ สร้างสรรค์ สื่อสาร สมดุลย์ สากล
น.ส.นันทนา กล่าวต่อว่า 1.ส.สัมพันธ์ คือเราจะสร้างความรู้สึกผูกพันธ์ เป็นเจ้าของโดยเปิดพื้นที่สภาให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงได้ประชาชนสามารถเดินเข้ามาฟังการประชุมสภาได้ทุกวันที่มีการประชุมพื้นที่สวนเปิดให้ประชาชนเข้ามาออกกำลังกายสูดอากาศบริสุทธิ์ห้องโถงใหญ่เปิดให้สถาบันการศึกษาองค์กรจัดนิทรรศการแสดงนวัตกรรมได้ เราจะจัดตั้งหน่วยรับเรื่องร้องทุกข์ ให้เป็นที่พึ่งของประชาชนที่ถูกกลั่นแกล้งรังแกจากเจ้าหน้าที่รัฐและไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยงานใดๆ ทุกข้อร้องเรียนจะถูกนำไปสู่การแก้ไข เราจะเป็นวุฒิสภาเชิงรุก เข้าหาประชาชนโดยจัดรายการส.ว. ฟังเสียงประชาชนจัดเวทีสังสรรค์ เสวนากับประชาชนในทุกพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ 2.ส.สื่อสาร วุฒิสภายุคใหม่ จะใช้การสื่อสารเป็นเครื่องมือในการยึดโยงกับประชาชนโดยเราจะสื่อสารการทำงานของ สว.ผ่านการถ่ายทอดสดการประชุมสภาผลักดันให้มีการถ่ายทอด กรรมาธิการทุกขณะจะแถลงผลการทำงานทุกด้านผ่านสื่อมวลชนและจะตอบทุกคำถามกับสื่อมวลชนโดยยึดหลัก สว.รู้อะไรประชาชนรู้อย่างนั้น
น.ส.นันทนา กล่าวอีกว่า 3.ส.สร้างสรรค์ วุฒิสภายุคใหม่จะทำงานอย่างสร้างสรรค์โปร่งใสตรวจสอบได้หรือที่เรียกว่ามี Account ทวีลิตี้ โดยใช้เวทีของสภาถกเถียงประเด็นที่เป็นปัญหาของสังคมเริ่มจากการบรรจุระเบียบวาระที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเข้าสู่ที่ประชุมควบคุมการอภิปรายอย่างเป็นกลางให้อยู่ในประเด็นสะท้อนปัญหาและได้ข้อยุติสภาแห่งนี้ต้องเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมือง ที่มีอำนาจในการเรียกเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตั้งแต่หัวหน้ารัฐบาล ตอบกระทู้ถามในการแก้ปัญหาสำคัญๆโดยให้ความเคารพต่อสถาบันและไม่บ่ายเบี่ยงหลบเลี่ยงชิ้นที่ผ่านมา 4.ส.สมดุลย์ วุฒิสภายุคใหม่ต้องสร้างสมดุลย์ให้เกิดขึ้นในสังคม เราจะเปิดกว้างให้กับทุกศาสนาเปิดพื้นที่ให้กับความหลากหลายทางเพศเปิดรับทุกเชื้อชาติโดยไม่กีดกันแบ่งแยกเราจะต้อนรับคนทุกวัยสภาคือพื้นที่แห่งความเท่าเทียมกันเราเคารพสิทธิมนุษยชนเราจะออกรับบุคลากรเข้ามาทำงานและทุกคนที่เข้ามามีส่วนร่วมกับสภาของเรา และ 5.ส.สากล วุฒิสภายุคใหม่ต้องเป็นที่ยอมรับของนานาอารยะประเทศมีกฎระเบียบข้อบังคับที่ทันสมัยเป็นประชาธิปไตยตามมาตรฐานสากลเป็นแบบอย่างของประเทศในอาเซียนทำให้ประเทศไทยได้ยืนอย่างสง่างามบนเวทีโลก ทั้งนี้ นี่คือวิสัยทัศน์ที่คนที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาเราจะดำดำเนินการห้า 5 ส.
"เวลาที่ประชาชนจะให้โอกาสเราในการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของวุฒิสภาแห่งนี้เหลือน้อยเต็มทีการตัดสินใจของเพื่อนสมาชิกวุฒิสภาทั้งหลายจะเป็นการชี้ชะตาอนาคตของวุฒิสภาแห่งนี้ท่านเลือกได้ที่เป็นตำนานในการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวุฒิสภาในฐานะผู้ผลักดันการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย 5 ปี ของวุฒิสภายุคใหม่จะไม่สูญเปล่าแต่จะจะเป็นสภาแห่งความหวังสภาแห่งความศรัทธา ดิฉันขออาสาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงนี้ในบทบาท ประธานวุฒิสภาและขอวิงวอนท่านสมาชิกวุฒิสภาผู้ทรงเกียรติทุกท่านมาร่วมกันทำให้วุฒิสภายุคใหม่เป็นสภาของประชาชนให้เป็นหนึ่งในเสาหลักประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหนึ่งเสียงของท่านสร้างสิ่งนี้ให้เป็นจริงได้" น.ส.นันทนา กล่าว
และในเวลา 10.44 น.นายมงคล ลุกขึ้นกล่าวแสดงวิสัยทัศน์เป็นคนสุดท้ายว่า ขอบคุณสมาชิกที่เสนอชื่อให้พิจารณาเลือกประธานวุฒิสภา นับตั้งแต่ตนบรรจุเป็นข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ตนสำนึกว่าแผ่นดินนี้ได้ให้โอกาสตนมากมายเหลือเกิน ตนตั้งปณิธานไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะอุทิศชีวิต ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตอบแทนคุณแผ่นดินรับใช้ประชาชน รักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นปณิธานที่แน่วแน่ยึดมั่นมาตลอดตั้งแต่รับราชการจนถึงปัจจุบัน และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะมารับเลือกเป็นสว.คือความหวังที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตทำงานเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน เพื่อรับใช้ ประชาชน แก้ไขปัญหาคนในชาติ ในช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
นายมงคล กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่วันนี้ตนจะตั้งใจทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ตามที่ตนหวังไว้ และเชื่อว่าทุกท่านก็มีความตั้งใจไม่ต่างไปจากตน การปฏิบัติหน้าที่ด้านนิติบัญญัติในฐานะ สว.ที่ต้องการให้ประเทศไทย และคุณภาพชีวิตของคนไทย ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า และดีขึ้นในทุกๆ มิติ ซึ่งการทำงานของวุฒิโดยมีประชาชนเป็นเป้าหมายอย่างตรงไปตรงมา จะนำไปสู่สิ่งนั้นได้ ตนอยากเห็นสังคมไทย คนไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน เราเห็นต่างกันได้ แต่เราต้องไม่สร้างความแตกแยก เราจะเริ่มต้นจากความเป็นหนึ่งเดียวของวุฒิสภาแห่งนี้ วุฒิสภาเป็นองค์กรด้านนิติบัญญัติเป็นองค์กรสำคัญ ที่จะพาสังคมไทย เดินหน้าไปได้ด้วยสันติวิธี รวมถึงมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่เหมาะสม สอดคล้องกับประเทศไทย และคนไทย อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นภารกิจของเราทุกคนในฐานะสมาชิกวุฒิสภา วิกฤติที่เกิดขึ้น ทั้งในทางการเมืองในทางเศรษฐกิจที่ผ่านมา ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทย แต่ประเทศอื่นก็เป็น เพราะฉะนั้น เราจะไปหวังให้ใครมาช่วยเราไม่ได้ เราคนไทยต้องช่วยกัน
นายมงคล กล่าวอีกว่า ชีวิตตนมาจากก้อนดิน ก้อนทราย เป็นเด็กวัดเรียนอาชีวะ ตนเข้าใจความยากจนข้นแค้น ตนไม่มีเส้นมีสาย ตนเติบโตมาในระบบราชการ ด้วยการทำงานอย่างหนัก เต็มความรู้ความสามารถ ตนมีประสบการณ์ ในการประสานงานกับพี่น้องประชาชนคลุกคลีกับพี่น้องประชาชน ในชนบทมาโดยตลอดชีวิต เมื่อเกษียณอายุราชการก็ยังไปทำไร่อยู่ในชนบท เพราะฉะนั้น ผมทราบดี ผมเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนสมาชิก ตนเข้าใจปัญหา ตนมีประสบการณ์อันยาวนาน และมีเพื่อนอยู่ทุกหมู่เหล่า
"ผมเชื่อว่า ผมสามารถที่จะเข้าใจ และทำงานร่วมกับทุกคนได้ วุฒิสภาในปัจจุบันใครจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ผมว่าเป็นครั้งแรกที่รัฐธรรมนูญปี 60 ปฏิรูปใหญ่ในเรื่องนี้ ให้สภาเป็นของคนทุกหมู่เหล่าแบ่งเป็น 20 อาชีพ ถือเป็นครั้งแรกที่วุฒิสภาได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามาทำหน้าที่แทนกลุ่มอาชีพของตัวเอง ประชาชนได้เข้ามาทำหน้าที่เพื่อประชาชน ขอให้ทุกท่าน ได้รักษาไว้ หากผมได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา ผมจะปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ตามข้อบังคับ กฎหมายต่างๆตลอดจนธรรมเนียมปฏิบัติทางด้านนิติบัญญัติอย่างเต็มสติปัญญา เต็มความรู้ความสามารถ เพื่อที่จะรับใช้ และอำนวยความสะดวก ให้กับการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกทุกท่าน ผมพร้อมที่จะนำความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่ประสานงานกับทุกท่านให้เป็นเนื้อเดียวกันให้เร็วที่สุด และขอเชิญทุกคนมาช่วยงานกัน และก้าวเดินไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้วุฒิสภาแห่งนี้บรรลุผลความเป็นสภาของสามัญชนจากกลุ่มวิชาชีพดังๆ เป็นสภาที่ประนอมอำนาจ เพื่อดับวิกฤตของสังคมไทย" นายมงคล กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี