ศาลรธน.นัดวินิจฉัย14ส.ค.ปมตั้ง‘พิชิต’
‘เศรษฐา’ขวัญผวา!
แถลงปิดคดีใน31ก.ค.
อดีตสว.เชื่อเอาผิดได้
ผิดจริยธรรมร้ายแรง
ต้องพ้นเก้าอี้นายกฯ
“เศรษฐา”ระทึก!! ศาลรธน.นัดชี้ชะตา 14 สิงหาคมปมตั้ง“พิชิต”นั่งรมต.ผิดจริยธรรม เปิดโอกาสคู่กรณียื่นแถลงปิดคดีภายใน 31 กรกฎาคมนี้ ด้าน“สมชาย”อดีตสว.เตรียมยื่นคำแถลงปิดคดีต่อศาลรธน. มั่นใจ“รายละเอียด-ข้อเท็จจริง”ฟันผิด“เศรษฐา” ปมตั้ง“ทนายถุงขนม”นั่งรมต.ขัดจริยธรรมร้ายแรง-ต้องพ้นจากตำแหน่ง ขณะ“สฤษฏ์พงษ์”เผยเหตุโผล่“พปชร.”แค่ไปมอบกุ้งมังกรเป็นของฝากยังอยู่‘ภูมิใจไทย’ ไร้นัยยะการเมือง หากจะไปขอไปอย่างมีเหตุผล ปัดไม่เกี่ยวชวดนั่ง รมต.ชี้เป็นแล้วยุบสภา ก็ไม่ควรเป็น
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาปรึกษาหารือในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 40คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีนายเศรษฐา ได้นำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริตและมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐาสิ้นสุดลงได้ สำหรับกรณีของ นายเศรษฐา มีคำสั่งขอรับไว้พิจารณา โดยนายเศรษฐายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้จึงยุติการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง โดยหากคู่กรณีประสงค์จะแถลงการณ์ปิดคดีให้ยื่นเป็นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 ประกอบข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ 2562 ข้อ 24 ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม2567 ส่วนคำร้องที่ผู้เกี่ยวข้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้รวมไว้ในสำนวนคดี ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือและลงมติในวันที่ 14 สิงหาคม 2567 เวลา 09.30 น. โดยนัดฟังคำวินิจฉัยเวลา 15.00น. เป็นต้นไป
ด้าน นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.)ในฐานะผู้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นนายกรัฐมนตรี ของนายเศรษฐา ทวีสิน กรณีทำผิดจริยธรรมร้ายแรงประเด็นการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่มีประเด็นปัญหาคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของรัฐธรรมนูญว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญยุติไต่สวน และให้คู่กรณีแถลงการณ์ปิดคดีเป็นหนังสือ ตนในฐานะผู้ร้องจะยื่นคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญตามกำหนดเวลา ทั้งนี้ในรายละเอียดของคำแถลงการณ์ปิดคดีจะทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นและวินิจฉัยได้ว่า นายเศรษฐานั้่นมีความผิดหรือไม่ ในประเด็นรู้หรือควรรู้ว่าการนำชื่อบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามทั้งที่รู้หรือควรรู้นั้นไม่ถูกต้อง ซึ่งจะมีความเกี่ยวข้องกับประเด็นที่เคยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คือ นายเศรษฐา นายปกรณ์ นิลประพันธ์เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาและนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ อดีตนายกสภาทนายความ
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ในรายละเอียดที่เกี่ยวกับนายเศรษฐาหากศาลได้ไต่สวนจะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในขั้นตอนธุรการ ตามที่อ้างว่าเป็นเรื่องของเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจคุณสมบัติตามขั้นตอนราชการ เพราะเรื่องดังกล่าวต้องให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจลงนามด้วย ส่วนกรณีของนายปกรณ์นั้น คือ การทำหนังสือสอบถามกฤษฎีกาที่พบว่าสอบถามแค่ครั้งแรกและเลือกถามแค่บางข้อ ทั้งที่ในวิสัยแล้วต้องถามให้ครบทั้งมาตรา ดังนั้นการเลือกถามจึงเป็นความผิดปกติ
นายสมชาย กล่าวอีกว่า ในประเด็นของนายเดชอุดมนั้น เป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับการถอดใบอนุญาตทนายความ ซึ่งเป็นการพิจารณาตามที่เลขาธิการศาลยุติธรรมสมัยนั้นทำหนังสือให้พิจารณา เพราะมีกรณีของถุงขนม 2 ล้านบาท ซึ่งคำสั่งศาล ที่เทียบเท่าคำพิพากษาให้จำคุก
“การที่เลขาธิการศาลยุติธรรม มีหนังสือส่งไปสภาทนายความพิจารณาถอนใบอนุญาตทนายความ จนถึงตอนนี้นายพิชิตและพวกรวม 3 คน ยังไม่ได้รับการคืนใบอนุญาตจากสภาทนายความ แม้นายพิชิตจะมีการฟ้องศาลปกครองในกรณีขอคืนใบอนุญาตทนายความ แต่ศาลปกครองได้พิพากษายืนตามสภาทนายความ ดังนั้นจะชี้ให้เห็นว่าเป็นการทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงจริงหรือไม่” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวด้วยว่า เมื่อศาลยุติการไต่สวนและนัดวันลงมติและฟังคำวินิจฉัยในคดดีนี้ ต้องเคารพศาล อย่างไรก็ดีในคำแถลงปิดคดีของตนนั้นจะเสนอต่อศาลให้เห็นว่านายเศรษฐานั้นทำผิดอย่างไร จึงเสนอให้ศาล พิจารณาสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ซึ่งจะทำให้ ครม.พ้นไปทั้งคณะด้วย แต่ในวันที่ศาลวินิจฉัยจะมีผลไปในทางใดตนพร้อมเคารพ ส่วนตัวเชื่อมั่นในศาลรัฐธรรมนูญ แต่ในขั้นตอนทำคำแถลงปิดคดีจะทำให้รัดกุมชี้ให้เห็นทุกกรณี โดยตนในฐานะผู้ร้อง เชื่อมั่นว่า นายเศรษฐา น่าจะมีความผิด
ขณะที่ นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ชี้แจงภายหลังไปปรากฏตัวที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยนำกุ้งมังกรไปให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า ยืนยันว่าไม่มีนัยยะทางการเมือง ไปธุระส่วนตัวทางคดีของตัวเอง ซึ่งตนลงไปหลังการเปิดตัวสมาชิกพรรคใหม่และตนปฏิเสธสื่อให้สัมภาษณ์ เพราะไม่ได้ไปภารกิจการเมือง เป็นการถามกันเชิงล้อเล่นมากกว่าว่า อนาคตจะย้ายพรรคมาพลังประชารัฐหรือไม่ ตนจึงตอบโดยหลักการธรรมชาติว่าในอนาคตยังไม่รู้ แต่วันนี้ยังไม่มา ยืนยันว่า วันนี้ยังอยู่ภูมิใจไทยเหมือนเดิมและตนให้ความเคารพทุกพรรค
นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ในอดีตก็เคยอยู่ไทยรักไทย วันนี้ตนว่าไปพรรคไหนก็ไปได้แต่ในเจตนาจริงก็เห็นกัน ส่วนตัวตนไม่มียุทธศาสตร์หรือลับลมคมใน แต่ถ้าจะไปอย่างไรก็ต้องบอกกัน และจะไปอย่างมีเหตุผล วันนี้ยืนยันยังไม่ไป ยังไม่ถึงเวลา ยังไม่คิดถึงเรื่องการย้ายพรรค ยังมีความสุขอยู่ อยู่ที่เดิมยังทำงานให้กับภูมิใจไทยเหมือนเดิม ตนเป็นสส.ที่น่าจะติดอันดับ1ใน5ยื่นกฎหมายมากที่สุดในสมัยนี้ ดังนั้นการที่จะไปพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย ตนคิดว่า ไปได้โดยชอบธรรม ไม่อยากให้เป็นประเด็นการเมือง และเมื่อวานรับสายโทรศัพท์แทบไม่ทัน ขอบคุณสื่อที่ทำให้คนจดจำสินค้าตัวอย่างของภูมิใจไทยคนนี้
ส่วนมีข้อขัดข้องใจอะใรในพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรสักอย่าง กินได้นอนหลับ ส่วนที่หลายคนตั้งคำถามถึงการเคลื่อนไหวในช่วงนี้เพราะคาดหวังในตำแหน่งฝ่ายบริหารหรือไม่นั้น ยืนยันว่า ไม่ ตนไม่เคยเรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรี แม้ตนจะสู้ศึกได้สส.3คนในกระบี่ พร้อมยืนยันว่า ตนไม่อยากเป็นรัฐมนตรี ไม่เคยไปถามพรรคเลยว่า เมื่อไหร่จะให้ตนเป็นรัฐมนตรี วันนี้พรรคให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแรงงาน ก็มากพอแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี