‘ก้าวไกล-ปชป.’ผนึกกำลังจี้รัฐบาลเร่งหาต้นตอ-แก้ปัญหา‘ปลาหมอคางดำ’ลามระบาดขั้นวิกฤต ซัดแรง ประกาศ’วาระแห่งชาติ’ชาตินี้หรือชาติหน้า ย้ำแค่รับซื้อ ไม่ใช่เยียวยา แต่ต้องชดเชยเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ
เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายประดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจาขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาการแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำ และการจัดการสายพันธุ์ต่างถิ่นรุกรานเพื่อส่งให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยเป็นญัตติของ นายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม สส.สมุทรสาคร พรรคก้าวไกล นายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และนายณัฐชา บุญอินไชยสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล
โดยนายณัฐพงษ์ เสนอญัตติว่า ตนขอเตือนรัฐบาล ที่พูดมาเสมอว่าเรื่องนี้ต้องเป็นวาระแห่งชาติ ไม่แน่ใจว่า วาระแห่งชาติ สรุปแล้วจะเป็นชาตินี้หรือชาติหน้า เป็นสิ่งที่ชาวประมงสงสัย มีการไปให้คำสัญญาว่าจะใช้งบกลาง เพิ่มงบประมาณ จนทำให้พี่น้องชาวประมงเฮ แต่วันนี้ยังไม่เห็น ถ้าเป็นเช่นนี้ ขอเสียงเฮพี่น้องชาวประมงคืนได้หรือไม่ และญัตตินี้ก็สำคัญ การแก้ปัญหาก็จำเป็น แต่การหาคนรับผิดชอบก็จำเป็นไม่แพ้กัน เราอย่าไปดูเบาความโกรธ ความไม่พอใจของประชาชน เดี๋ยวจะหาว่าตนไม่เตือน
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ กฎหมายอาจยังไปไม่ถึง ยังเอาผิดไม่ได้ แต่บริบทแวดล้อม สังคมก็พอเห็นว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ ที่ทำให้การระบาดของปลาหมอคางดำเป็นความรู้สึกร่วมของประชาชน ทุกวันนี้ระบาดไปถึง 17 จังหวัดแล้ว ถ้าปล่อยต่อไป ไม่แน่ใจว่าจะถึง 70 จังหวัดหรือไม่ เพราะปลาหมอคางดำ กัดกินโอกาสทางการศึกษาของลูกหลาน พี่น้องเกษตรกร กัดกินปลาพื้นถิ่น รวมถึงกัดกินโฉนดชาวบ้านไปจำนวนมาก
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า เราต้องยอมรับว่าเรื่องนี้มีปัญหาตั้งแต่กระบวนการ เมื่อปี 2549 ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ แม้มีรายงานการระบาดในต่างประเทศขณะนั้น แต่มีการอนุญาตให้นำเข้าได้อย่างไร ยังไม่นับเงื่อนไขการนำเข้าที่มีปัญหา เช่น การตัดครีบ ส่งซาก จริง ๆ แล้วเงื่อนไขอ่อนมาก เพราะควรคุมเข้มมากกว่านี้ แม้เงื่อนไขที่ว่าอ่อน สุดท้ายแล้วก็ยังทำไม่ครบถ้วน จึงขอให้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร อย่าทำแค่ให้เป็นอีเวนต์ ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ต้องประเมินผลด้วย รวมถึงต้องมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ไม่ใช่ว่าปล่อยวันนี้ พรุ่งนี้ก็เปิดให้คนมาจับ สุดท้ายปลาที่เราตั้งใจจะให้เป็นนักล่า จะกลายเป็นเหยื่อเสียเอง ก็จะกลายเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ละลายงบประมาณของประเทศ ซึ่งไม่ควรเป็นแบบนั้น
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า รวมถึงประเด็นการศึกษาการเหนี่ยวนำโครโมโซม ทำให้ปลาหมอคางดำเป็นหมัน ซึ่งต้องค้นคว้าวิจัยอย่างจริงจัง ตนกลัวว่า หากไม่มีข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์ สุดท้ายแล้วจะสร้างปัญหาที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงการประสานขอความรู้จากต่างประเทศ เราควรเรียนลัด ไม่ใช่ไปลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง และต้องคุยกันเรื่องเยียวยา โดยยืนยันว่า การรับซื้อไม่ใช่การเยียวยา เพราะการรับซื้อ คือแรงจูงใจให้ไปจับ แต่การเยียวยา คือการไปชดเชยสิ่งที่เขาได้รับผลกระทบ และขอให้จับตาสายพันธุ์เอเลียนส์สปีชีส์อื่น เพราะเรื่องนี้ผ่านมาแล้ว 8 อธิบดี 7 รัฐมนตรี หวังอย่างยิ่งว่า จะจบลงในยุคสมัยนี้
ขณะที่นายพิทักษ์เดช เสนอญัตติ ว่า ปัญหานี้เกิดจากการลักลอบนำเข้า หรือการขออนุญาตนำเข้าเพื่อการทดลอง ซึ่งอาจหลุดลอดเข้าสู่แหล่งน้ำสาธารณะ ทำลายระบบนิเวศ สร้างความเสียหายให้กับผลผลิตของเกษตรกร วันนี้เป็นวาระแห่งชาติ ที่รัฐบาลต้องสืบเสาะหาความเป็นจริง ว่า ปลาหมอคางดำ เข้ามาได้อย่างไร เพราะอะไร ใครเป็นผู้นำเข้า และแพร่กระจายได้อย่างไร เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ตนต้องพูด เดี๋ยวประชาชน จะหาว่าสส. พิทักษ์เดช โดนซาลาเปา ใบละ 28 บาท มาปิดปากไว้ ยืนยันว่า ใครปิดตนไม่ได้ และรัฐบาลต้องรับฟังเรื่องนี้เพื่อแก้ไข เพราะมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องในจังหวัดข้างเคียง
นายพิทักษ์เดช กล่าวต่อว่า การให้ชาวประมงไปปราบปลาหมอคางดำโดยใช้เครื่องมือที่สามารถจัดการได้โดยเร็ว อาจใช้ไฟฟ้า แต่ยังติดข้อกฎหมายในไทย ซึ่งจะแก้ไขได้ช้ากว่า จึงขอฝากไปถึงรัฐบาล และกรมประมง ให้แก้ไขกฎหมาย ใช้วิธีการจัดการที่รวดเร็วกว่านี้ ตนหวังว่า สิ่งที่พูดวันนี้ จะเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำตามความคาดหวังของพี่น้องประชาชน สามารถแก้ไขปัญหาและสืบหาข้อเท็จจริงของการนำเข้ามาของปลาหมอคางดำ สู่การรับผิดชอบ การเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และการควบคุมไม่ให้ลุกลามมากกว่านี้
จากนั้นสมาชิกได้อภิปรายแสดงความคิดเห็นสนับสนุนญัตติดังกล่าวไปในทำนองเดียวกันว่ารัฐบาลต้องแก้ปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำโดยเร่งด่วน และควรมีมาตรการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อไม่ให้ผลกระทบมีต่อประชาชนไปมากกว่านี้ ก่อนที่จะได้มีมติเพื่อส่งต่อข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลพิจารณาแก้ไขปัญหา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี