‘ขุนคลัง’ยันเติมงบฯแสนล้าน‘แจกเงินหมื่น’เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ-เม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ ด้าน‘จุลพันธ์’รับตัวเลขประเมิน‘แจกเงิน’ต่อผลของเศรษฐกิจยังไม่ชัดเจน มั่นใจโตแน่นอน ลั่นไม่ใช่ยาวิเศษ คอนเฟิร์ม ธ.ค.นี้ เงินถึงมือประชาชน ชี้ประชาชนลงทะเบียนรับ ถือเป็นนิติกรรม-ข้อผูกพันร่วมกับรัฐบาล โต้ กมธ.บอกสุ่มเสี่ยงเท่ากับอยู่ในกรอบ
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มีนายปดิพัทธ์ สันดิภาดา รองประธานสภา คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม หลังเปิดให้สมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อนแล้ว เข้าสู่การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 จำนวนเงิน 1.22 แสนล้านบาท วาระที่ 2 และวาระที่ 3 ตามที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว โดย กมธ.ไม่ได้มีการแก้ไข
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะประธาน กมธ. กล่าวว่า กมธ.ได้ร่วมกันพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว และให้ความสำคัญกับผลสัมฤทธิ์ที่ประชาชนจะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการใช้จ่ายให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ต่างๆ และช่วยบรรเทาค่าครองชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตและการดำรงชีพ สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชนและภาคธุรกิจ ควบคู่กับการรักษาระดับการบริโภคและการลงทุนในประเทศ รวมถึงความสามารถในการแข่งขันผ่านโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต
ทั้งนี้ คำนึงถึงความสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ รัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีข้อเสนอให้รัฐบาลดำเนินการใช้งบประมาณให้เกิดความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์ต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจสูงสุด มีมาตรการในการกำกับดูแลเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการ และยินดีตอบข้อซักถามทุกมาตรา
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะกมธ.เสียงข้างมาก อภิปรายว่า สำหรับการประเมินตัวเลขทางเศรษฐกิจ ตามตัวเลขที่แถลงเป็นทางการ เมื่อ 25 ก.ค.ยืนยันที่ 1.2%-1.8% ขยายตัวต่อจีดีพี ทั้งนี้กระบวนการพิจารณาตัวเลขดังกล่าวนั้นขึ้นอยู่กับแหล่งที่มา เงื่อนไข ผู้เข้าร่วม และ พฤติกรรมของผู้ใช้สิทธิ ทั้งนี้เป็นการประมาณการณ์ของผลเศรษฐกิจ หลังจากเติมเงินลงไป
“ไม่มีโมเดลไหนที่รองรับในเรื่องผลของโครงการได้อย่างชัดเจน เนื่องจากไม่เคยมีโครงการใดๆในประเทศมีข้อจำกัดการใช้ ระยะทาง พื้นที่ กรอบการบังคับใช้ 2 รอบ ดังนั้นอาจไม่มีตัวเลขที่ชี้ชัดเฉพาะให้มั่นใจ ตอนนี้จะเชื่อตัวเลขของใคร ขอให้เดินหน้าโครงการ ส่วนผมเชื่อว่าตัวเลข 1.2%-1.8% เป็นไปได้” นายจุลพันธ์ อภิปราย
นายจุลพันธ์ อภิปรายต่อว่า อย่าคิดว่าโครงการใดโครงการหนึ่งของรัฐ เป็นยาวิเศษที่จะปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจได้ ตนไม่ยืนยันว่าดิจิทัลวอลเล็ตจะเป็นยาวิเศษขนาดนั้น แต่อย่างน้อยด้วยกลไกที่ทำและข้อมูลที่เก็บ สามารถเห็นโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยและกำหนดนโยบายที่เป็นประโยชน์ ลดความเหลื่อมล้ำได้ ทั้งนี้ตนขอย้อนถามไปยังกมธ.ที่สงวนความเห็น หากทำนโยบายที่เป็นของท่าน เช่น เบี้ยผู้สูงอายุที่เติมเงินสด มีความห่วงหรือไม่ว่าเงินจะกระจุกตัวรายใหญ่ เพราะผู้สูงอายุก็เข้าร้านสะดวกซื้อนั้นเช่นกัน ทั้งนี้ไม่มีโครงการใดโครงการเดียวที่เป็นยาวิเศษที่ลงไปทีเดียวปรับโครงสร้างการใช้จ่ายของคนไทยได้ทั้งหมด
“แพลตฟอร์มการจ่ายเงินได้รับรายงานจากหน่วยงานในชั้นของกมธ. และคณะกรรมการ ยืนยันว่าทันไตรมาสสี่ ปี67 ดังนั้นต้องเชื่อมั่นใจกระบวนการ แต่หากจะห่วงว่าทำทันหรือไม่ ไม่ใช่เหตุที่จะขอปรับลดเพราะไม่ได้แปลว่าโครงการเดินหน้าไม่ได้ หากจะช้าเพราะผลิตอะไรไม่ทัน สุดท้ายก็ออกไม่ว่า ม.ค.หรือ ก.พ.68 แต่ตนยืนยันว่าไม่เกินเดือนธ.ค.67เงินถึงมือประชาชนแน่นอน” รมช.คลัง กล่าว
นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า กรณีที่มี กมธ.บอกว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ซึ่งท่านใช้คำว่าสุ่มเสี่ยง สำหรับตนแปลอีกความหมายว่าขณะนี้ท่านทราบว่ายังอยู่ในกรอบ ซึ่งหน่วยงานได้ทำความเข้าใจในทุกประเด็นอย่างชัดเจนแล้ว
“การที่รัฐบาลทำโครงการแล้วให้ประชาชนยืนยัน เป็นข้อผูกพันที่อาจต้องจ่ายหรือต้องจ่ายแล้ว เป็นเรื่องของการเสนอแล้วสนอง เมื่อประชาชนกดปุ่มขอใช้สิทธิ์ เมื่อรัฐยืนยันสิทธิ์ ก็มีนิติกรรมร่วมกันระหว่างประชาชนกับรัฐ เปรียบเทียบกับโครงการอื่นๆของรัฐก็เป็นเช่นนี้ตลอด ก็ตั้งงบประมาณไว้รอ กรณีโครงการนี้เป็นกรณีเร่งด่วนไม่สามารถรองบประมาณปี 2568 ได้ และเมื่อลงทะเบียนของประชาชนแล้ว ถือเป็นข้อผูกพัน ที่จะนำสู่กระบวนการเบิกจ่ายตามขั้นตอนและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป” รมช.คลัง กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี