นายกฯวอนอย่าเชื่อข่าวปลอม
ลงทะเบียนหลัง14ส.ค.
รับเงินดิจิทัลหนึ่งหมื่นบาท
การันตีแอปฯทางรัฐปลอดภัย
‘ดีอี-คลัง’จับมือแบงก์กรุงไทย
ตั้งจุดแนะนำให้บริการปชช.
นายกฯ ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอมทำสับสน หลอกให้ลงทะเบียน“ดิจิทัล วอลเล็ต” หลัง 14 สิงหาคม ด้าน “อนุทิน” ประสานฝ่ายทะเบียนราษฎร ไล่เช็คแล้วใครยังไม่ลงทะเบียน ขณะที่กระทรวงดีอี-คลัง จับมือธ.กรุงไทย เปิดจุดบริการ Walk-inช่วยเหลือ ปชช.ลงทะเบียน “ดิจิทัล วอลเล็ต” เพิ่มอีก 900 แห่ง รวม 6,107 แห่ง ทั่วประเทศ พร้อมยืนยันแอปฯ “ทางรัฐ” ข้อมูลไม่รั่วไหล มีระบบป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ ขณะที่ยอดลงทะเบียนรับสิทธิ์ดิจิทัล วอลเล็ต ครบ 48 ชม. ทะลุ 22 ล้านคนแล้ว
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 3 สิงหาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ จ.นราธิวาสถึงยอดการลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตในวันเดียวกันนี้จะจำนวนเพิ่มขึ้นตามที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้หรือไม่ เพราะตอนนี้มีการปล่อยข่าวลวงว่าให้ลงทะเบียนหลังวันที่ 14 ส.ค. ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินคดีนายกฯ และอาจจะมีการเปลี่ยนรัฐบาลว่า เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมาได้กำชับพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เรื่องการปล่อยข่าวลวง ข่าวปลอมเพราะตอนนี้ปล่อยข่าวเยอะมาก แต่หากประชาชนคนไหนยังไม่ได้ลงทะเบียน ก็ขอให้ใจเย็นๆ ถ้ายังไม่แน่ใจก็สอบถามมาได้ที่สายด่วน 1111 อย่าไปเชื่อกับข่าวปลอม
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวเสริมด้วยว่า ได้ประสานกับฝ่ายทะเบียนราษฎร ให้ไปไล่เช็คว่าหากใครยังไม่ลงทะเบียน ก็จะให้ลงทะเบียน เพราะไม่อยากให้สูญเสียโอกาส
เพิ่มจุดช่วยเหลือประชาชน
ทางด้าน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า กระทรวงดีอี กระทรวงการคลัง และธนาคารกรุงไทย ร่วมเปิดจุดให้บริการช่วยเหลือประชาชน รับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet หรือ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เพิ่มเติม ณ ธนาคารกรุงไทย 900 สาขา ทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนกลุ่มที่มีสมาร์ทโฟน ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.-15 ก.ย. 2567
กระทรวงดีอี ได้รับรายงานการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” โดยมีประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ แล้วกว่า 20.7 ล้านคน (ข้อมูล ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2567) ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีประชาชนกลุ่มที่มีสมาร์ทโฟน ให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนกลุ่มผู้ที่มีสมาร์ทโฟน ที่อาจประสบปัญหา และไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร หรือต้องการความช่วยเหลือในการลงทะเบียน นอกเหนือจากการลงทะเบียนผ่านช่องทางแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” กระทรวงดีอี จึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดสถานที่จุดให้บริการ (Walk-in) สอบถามข้อมูล และให้บริการรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ดังนี้ 1.ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 1,722 ศูนย์ทั่วประเทศ 2.ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 1,200 แห่ง ทั่วประเทศ (ยกเว้น ไปรษณีย์อนุญาต (เอกชน) และร้านค้าให้บริการ) 3.ธนาคารออมสิน 1,047 แห่ง ทั่วประเทศ 4.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1,238 แห่งทั่วประเทศ 5.ธนาคารกรุงไทย จำนวน 900 แห่ง ทั่วประเทศ
ไม่มีสมาทโฟนรอ15กย.
ดังนั้น ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถสอบถามข้อมูล และลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ที่จุดบริการ Walk-in โดยขณะนี้ได้มีการเพิ่มจุดบริการ ธนาคารกรุงไทย อีก 900 แห่ง รวมเป็นจำนวน 6,107 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งรัฐบาล โดยกระทรวงดีอี กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ให้บริการอำนวยความสะดวกประชาชนตลอดเวลาทำการ
ขณะที่กลุ่มผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน จะเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน-1 ตุลาคม 2567 โดยรัฐบาลจะมีการแจ้งวิธีการลงทะเบียนและจุดให้บริการอย่างเป็นทางการต่อไป
สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเตรียมการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นข้อมูลโดยตรงจากรัฐบาล ที่เชื่อถือได้ ในเว็บไซต์ www.digitalwallet.go.th หรือ www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย และสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านศูนย์บริการข้อมูลโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet โทรสายด่วน. Digital Wallet 1111 พร้อมให้บริการและคำแนะนำปรึกษาแก่ประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
“กระทรวงดีอี กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีความห่วงใยประชาชน ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” โดยได้จัดสถานที่ เป็นจุดให้บริการแบบ Walk-in เพื่อช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกด้านการสอบถามข้อมูล และให้บริการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ จำนวน 6,107 จุดทั่วประเทศ โดยมีศูนย์ดิจิทัลชุมชน และที่ทำการไปรษณีย์ ในสังกัดกระทรวงดีอี และ 3 ธนาคารรัฐ ได้แก่ ธ.ออมสิน ธ.กรุงไทย และ ธ.ก.ส. ในความดูแลของกระทรวงการคลัง เพิ่มเติมจากการลงทะเบียนผ่านแอพพ์ ทางรัฐ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ของประชาชน” นายประเสริฐ กล่าว
สอบถามข้อมูลข่าวสารโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” โทรสายด่วน Digital Wallet 1111 (24 ชม.)
ย้ำความลับไม่รั่วไหล
นายประเสริฐ ในฐานะประธานกรรมการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เปิดเผยว่า กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความบิดเบือนเกี่ยวกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet หรือ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ว่า ประชาชนที่ลงทะเบียนเข้าใช้งาน แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ไร้การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และเสี่ยงข้อมูลรั่วไหล นั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งข้อความดังกล่าว หากมีการเผยแพร่ออกไปสู่วงกว้างจะเป็นผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านการใช้งานดิจิทัลของประชาชน โดยเฉพาะความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโครงการสำคัญของรัฐบาล
ทั้งนี้ กระทรวง ดีอี และสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (สกมช.) ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบหลักด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ได้กำหนดกรอบแนวทางการสนับสนุนความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ในโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” และแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ซึ่งเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและพัฒนาระบบ ตามมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC พร้อมกับการตรวจสอบการออกแบบ การพัฒนา และการทดสอบเพื่อรับมือสถานการณ์ที่มีการเจาะระบบ และจัดให้มีการเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
ตลอดจนการเฝ้าระวังข้อมูลข่าวสารที่มีการเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ที่เข้าข่ายเป็นการหลอกลวงสร้างความเข้าใจผิดหรือหลงเชื่อแก่ประชาชน เช่น การสร้างเว็บไซต์ปลอม การหลอกให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันปลอม การสร้างเพจเฟซบุ๊กปลอม นอกจากนี้ยังได้มีการกำหนดการจัดทำแผนดำรงความต่อเนื่องของการดำเนินงานของระบบ (Business Continuity Plan) และแผนการฟื้นฟูเพื่อคืนสภาพการพร้อมให้บริการ (Disaster Recovery Plan) ดังนั้นโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต จึงถือเป็นโครงการสำคัญของรัฐบาล ในการสร้างความเชื่อมั่นการใช้งานดิจิทัลของคนไทย
ติดตามเฝ้าระวังต่อเนื่อง
นายประเสริฐ กล่าวว่า กระทรวง ดีอี และ สกมช. ได้ติดตามตรวจสอบการดำเนินการของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยจัดตั้งทีมตรวจสอบและเฝ้าระวัง การก่ออาชญากรรมทางออนไลน์ และขอยืนยันว่าการลงทะเบียนข้อมูลส่วนบุคคลผ่านแอปฯ ทางรัฐ มีความมั่นคงปลอดภัยสูงสุด ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของ PDPC ดังนั้นขอให้ประชาชนได้คลายความกังวลต่อเรื่องดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน ภายหลังมีข้อความบิดเบือน ข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นจำนวนมาก โดยขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงการฯ ซึ่งเป็นข้อมูลโดยตรงจากรัฐบาล ที่เชื่อถือได้ ในเว็บไซต์ www.digitalwallet.go.th หรือ www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย และสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านศูนย์บริการข้อมูลโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet โทรสายด่วน. Digital Wallet 1111 พร้อมให้บริการและคำแนะนำปรึกษาแก่ประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
บอกทุกอย่างเรียบร้อยดี
ทางด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดลงทะเบียนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต ผ่านแอปทางรัฐ ยังคงเรียบร้อยดี โดยเมื่อนับถึงเวลา 08.00 น. ของวันที่ 3 ส.ค. 67หรือครบ 48 ชั่วโมงในการลงทะเบียน มีประชาชนลงทะเบียนไปแล้ว 22 ล้านคน เชื่อว่าหลังจากนี้ ยอดผู้ลงทะเบียนจะชะลอตัว เพราะรัฐเปิดให้ลงทะเบียนจนถึงวันที่ 15 ก.ย. 67
ส่วนเรื่องความปลอดภัย ยืนยันว่า แอปฯ ทางรัฐ มีระบบยืนยันตัวตนที่ปลอดภัยด้วย ไอเอแอล ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยสูงสุดที่รัฐยอมรับ โดยเท่ากับไปพบหน้ากับเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้ ระบบจะตรวจสอบสิทธิของผู้ลงทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะมีการตอบกลับผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.2567 รวมทั้งจะมีการชี้แจงเหตุผลหากไม่ผ่านเงื่อนไขและเปิดให้อุทธรณ์ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี